Gate of God - ตอนที่ 612 เซียนคนที่ห้า
ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และหล่อเหลาของเขามีส่วนคล้ายกับเหยียน ซิว ถึง 70% อย่างไรก็ตามใบหน้านี้ไม่ได้มีแต่ความเย็นชา แต่มันกลับเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและบ้าคลั่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะผมสีเงินของเขาคงไม่มีใครเชื่อว่า
”คนๆนี้คือเหยียน เฉียนหลี่?”
”จะเป็นไปได้ยังไงทำไมเขาถึงเด็กลง?”
ทุกคนต่างรู้สึกราวกับร่างของพวกเขาถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจังพวกเขาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเหยียน เฉียนหลี่
อย่างไรก็ตามถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับว่าสามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่ง่
เซียน!
ระดับพลังที่ทุกคนต่างใฝ่ฝัน
อย่างไรก็ตามมันยากเกินไป
หนึ่งในหมื่นหนึ่งในแสน หรืออาจจะหนึ่งในล้านด้วยซ้ำ
ในอาณาจักรเซี่ยยังมีเซียนเพียงแค่สี่คนเท่านั้นหนึ่งศาลา สี่เซียน สิบสามกองตรวจการแต่ตอนนี้ คงไม่ใช่สี่เซียนอีกต่อไปแล้ว
นั่นเพราะว่าเหยียน เฉียนหลี่ อยู่ในระดับเซียนแล้ว เขาเป็นเซียนคนที่ห้าของอาณาจักรเซี่ย
”ปู่ของเจ้าเป็นเซียนงั้นหรือ?”ฟางเจิ้งจือ เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
”ใช่”เหยียน ซิว พูดพร้อมกับพยักหน้า
”เจ้ารู้มาตลอด?”ฟางเจิ้งจือ ถามอีกครั้ง
”ข้าเองก็พึ่งรู้ไม่นาน”เหยียน ซิว ตอบ
ฟางเจิ้งจือ พยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรอีก ในตอนนี้มันน่าตกใจอย่างแท้จริง
”ท่านเหยียน…ท่านเป็นเซียนจริงๆหรือ?!”ราชาหลี่ฉินพูดอย่างตะกุกตะกักแม้จะสงบใจลงอย่างรวดเร็วก็ตาม
”ไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งสำคัญกว่าในตอนนี้คือปัญหาตรงหน้า เหยียน ซิว พาองค์หญิง ปิง หยาง และองค์หญิงแดนใต้ ออกไปก่อน ตรงนี้ข้าจัดการเอง!”เหยียน เฉียนหลี่ ยิ้มในขณะที่โบกมือให้ราชาหลี่ฉิน
”รับทราบท่านปู่!”เหยียน ซิว พยักหน้า ในขณะเดียวกันเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เขาหันมองด้วยแววตาที่ชัดเจน ‘ไปกันเถอะ’
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเหยียน เฉียนหลี่ ราชาหลี่ฉินก็พยักหน้าเช่นกันแน่นอนว่าเขารู้ความหมายในคำพูดของ เหยียน เฉียนหลี่ ถ้าพวกเขาต้องการจะสู้ ก็ต้องร่วมมือกัน
ฟางเจิ้งจือ เข้าใจ เหยียน ซิว ในทันที
มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปกป้ององค์หญิงทั้งสองและแน่นอนว่าต้องไปช่วยซิง หยวนกัว อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าควรจะเชื่อใจในตัวคนๆนี้
เช่นเดียวกับที่ซิง หยวนกัว วางใจเขา
การเชื่อใจเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย
สำหรับราชาอสูรจริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องมาสนใจก็ได้
แต่เหยียน เฉียนหลี่ ยินดีที่จะทำเช่นนี้
เขาไม่คิดจะยอมแพ้
”ดูเหมือนจะโอหังเหลือเกินช่างทำให้ข้าประหลาดใจเสียจริง การเดินทางครั้งนี้ไม่สูญเปล่าจริงๆ!”ราชาเซี่ยโหลว หัวเราะลั่นออกมา เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งเขามองไปที่ เหยียน เฉียนหลี่
”ไม่สูญเปล่าแน่นอนข้าไม่ได้ออกแรงมานานแล้ว เริ่มได้แล้วอสูรตัวน้อย!”เหยียน เฉียนหลี่ กระดิกนิ้วท้าทายราชาเซี่ยโหลว
อสูรตัวน้อย
คำพูดนั้นออกมาจากปากเหยียน เฉียนหลี่ อีกครั้ง อย่างไรก็ตามในตอนนั้น ไม่มีใครรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมอีกต่อไป
เขามีพลังมากพอที่จะพูดเช่นนั้นได้
”ย่อมได้!”ราชาเซี่ยโหลวไม่ได้โกรธในคำพูดของเหยียน เฉียนหลี่เขายังคงสงบเยือกเย็น นอกจากนี้ในตอนที่เขาพูดก็เริ่มเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม…
เขาตอบรับคำท้าทายแต่ก็ไม่ได้พุ่งไปหาเหยียน เฉียนหลี่
แต่กลับพุ่งไปหาฟาง เจิ้งจือ ใ ภายในพริบตาเดียวเขาก็ไปปรากฎตัวต่อหน้า ฟาง เจิ้งจือ
”ข้าต้องฆ่าเจ้าก่อน!”ราชาเซี่ยโหลวยิ้มอย่างเย็นชาในขณะเดียวกันฝ่ามือของเขาก็ส่องแสงสีเขียวมรกต
มันเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนไม่มีใครตอบสนองได้ทัน
ไม่มีใครคาดคิดว่าราชาอสูรจะหันไปโจมตีฟาง เจิ้งจือ นอกจากนี้ยังเป็นการลอบโจมตีอีกด้วย
ราชาอสูรลอบโจมตี?
ถ้าใช้วิธีการนี้ในการต่อสู้กับเซียนคงไม่น่าแปลกอะไรแต่เป้าหมายของราชาอสูรกับเป็น ฟาง เจิ้งจือ
เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้เลย
ฟางเจิ้งจือ ถอยไปพร้อมกับ เหยียน ซิว ,ปิง หยาง และฉาน ยู่ แต่ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหว ราชาเซี่ยโหลวก็ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
”เจ้าจะลอบโจมตีข้ารึ?งั้นรับนี่ไป!”ฟาง เจิ้งจือ ใช้อาวุธลับที่เตรียมเอาไว้ อย่างไรก็ตามความรู้สึกแปลกๆก็แวบเข้ามาในใจของเขาทันที
เพราะเขารู้สึกบางอย่าง
อีกครั้ง?
ฟางเจิ้งจือ จะตกหลุมพรางถึงสองครั้ง? เขาจะไม่ยอมติดกับซ้ำสอง นอกจากนี้ดูเหมือนว่าการสวนกลับของเขาคงจะไปเกะกะ เหยียน เฉียนหลี่
ดังนั้นเขาเลือกที่จะยั้งความหุนหันพลันแล่นในใจก่อนที่เขาจะแค่เตะสวนกลับไป…
…
ปิงหยาง เห็นราชาเซี่ยโหลวหันไปหา ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตามนางไม่คิดจะเข้าไปกันให้เขา นั่นเพราะว่าราชาเซี่ยโหลวเร็วเกินไป.ไอลีนโนเวล.
แน่นอนว่านางมีเหตุผลอื่นอีกนางรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ยังมีพลังอยู่
มีคำกล่าวไว้ว่าถ้าเกราะหนาพอก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด อย่างไรก็ตามเกราะ ฟาง เจิ้งจือ จะหนาแค่ไหนกัน? ปิง หยาง ไม่มั่นใจนัก อย่างไรก็ตามนางมั่นใจว่าอย่างน้อยก็ยังหนากว่าเกราะของนาง
เพราะงั้น…
ทำไมนางต้องเข้าไปช่วยเขาด้วย?
นี่คือสิ่งที่นางคิดดังนั้นนางจึงหลบไปด้านข้างอย่างมีสติ อย่างน้อยนางก็จะไม่ถูกโจมตี
อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะขยับนางรู้สึกถึงแรงบางอย่างที่ก้น จากนั้นนางก็รู้สึกเจ็บปวด
”ตูม!”
ปิงหยาง โดนการโจมตีนั้นไปเต็มๆ แม้จะสวมเกราะเพลิงอยู่ แต่ร่างยังคงกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า
แล้วจากนั้น…
นางก็มองไปรอบๆด้วยความสับสน
นางสังเกตุเห็นขา
อย่างไรก็ตามนางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีขาลอยอยู่ข้างๆนางนอกจากนี้ทำไมเขาต้องเตะนางด้วย?
”ฟางเจิ้งจือ?!”ปิง หยาง มอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความตกใจเขาเป็นคนเตะนาง ความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในหัว
เขาพยายามจะช่วยรึ?
เป็นไปไม่ได้เป้าหมายของราชาเซี่ยโหลวคือเขา
แล้วเขาเตะข้าทำไม?
ปิงหยาง ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามนางเข้าใจได้ในที่สุด หลังจากที่เธอรู้สึกว่าขาที่เตะนางมันลอยหายไปอย่างรวดเร็ว
ฟางเจิ้งจือ พุ่งออกไป!
เจ้าไร้ยางอายใช้ข้าเป็นฐานเพื่อพุ่งออกไป!
”ฟางเจิ้งจือ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
”ฆ่าข้า?”ฟางเจิ้งจือ ไม่ใส่ใจนัก วันนี้หลายคนแล้วที่พูดกับเขาแบบนี้ อย่างไรก็ตามเขายังคงมีชีวิตอยู่
ไร้สาระ
เดี๋ยวก่อน!
ทำไมปิง หยาง ถึงโกรธ? ทำไมนางอยากจะฆ่าข้าล่ะ?
ข้าเตะผิดตำแหน่งงั้นหรือ?
เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของฟาง เจิ้งจือ เขามอง ปิง หยาง ที่กำลังโกรธแค้นอย่างมาก และราชาหลี่ฉินที่มองดูอย่างประหลาดใจ
เขารู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องอธิบายอย่างสมเหตุสมผล
ราชาหลี่ฉินเองก็ปลื้มในปิง หยาง
”ราชาเซี่ยโหลวพยายามลอมโจมตีนาง พวกเราต้องปกป้ององค์หญิง!”ฟาง เจิ้งจือ รีบแก้ต่างอย่างเสียไม่ได้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจงรักภักดี
”ปกป้ององค์หญิง?”ราชาหลี่ฉินผงะไปชั่วครู่เขาเห็นว่าราชาเซี่ยโหลวพุ่งไปหา ฟาง เจิ้งจือ แล้วจะเป็นการปกป้ององค์หญิงได้อย่างไร?
หรือเป็นเพราะปิง หยาง และ ฟาง เจิ้งจือ ยืนอยู่ใกล้กันและ ฟาง เจิ้งจือ กลัว ปิง หยาง จะถูกโจมตีไปด้วย?เขาจึงต้องเตะนางอย่างไม่มีทางเลือก
ถ้าเป็นในกรณีนี้
มันดูสมเหตุสมผลทีเดียว
ราชาหลี่ฉินเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักเขาไม่สนใจว่าราชาเซี่ยโหลวจะโจมตีใคร แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้ราชาเซี่ยโหลวเข้าใกล้ ปิง หยาง ได้
เขาไม่คิดจะลังเล
แสงสีรุ้งทั้งเจ็ดสีส่องสว่างจากร่างของเขาในขณะที่พุ่งเข้าไปหาราชาเซี่ยโหลวราวกับดาวหาง
เหยียนซิว ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ในความเป็นจริง เมื่อเขาเห็นราชาเซี่ยโหลวหันไปหา ฟาง เจิ้งจือ เขาก็คิดจะเคลื่อนไหวอยู่แล้ว
หลังจากที่เหยียน ซิว เคลื่อนไหว ฉาน ยู่ เองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
มีดสั้นสองด้ามปรากฎขึ้นในมือของเขาตอนนี้ พวกเขาพยายามถ่วงเวลาให้ ฟาง เจิ้งจือ คิดแผนการหลบหนี
ตราบใดที่ฟาง เจิ้งจือ หลบการโจมตีของราชาเซี่ยโหลวไปได้เรื่อยๆเพื่อรอให้ เหยียน เฉียนหลี่ มาถึง เขาก็มีโอกาสรอด
อย่างไรก็ตามราชาเซี่ยโหลวจะปล่อยให้ฟาง เจิ้งจือ หนีงั้นหรือ?
แน่นอนว่าไม่
เขาเห็นแล้วว่าเหยียน เฉียนหลี่ กลายเป็นเซียน และนั่นทำให้เขาตระหนักว่านี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะฆ่า ฟาง เจิ้งจือ
”เขาหลบได้?!”ราชาเซี่ยโหลวไม่คิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะว่องไวเช่นนี้ ราวกับเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะถูลอบโจมตี
พลังระดับอภินิหาร
เขาสามารถหลบการโจมตีของราชาอสูรได้หลายต่อหลายครั้งราชาเซี่ยโหลวไม่อยากจะเชื่ออย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ได้แสดงให้เห็นถึงไหวพริบของเขาแล้ว
ไม่ใช่เพราะฟาง เจิ้งจือ เร็วกว่าเขา เพียงแค่เพียงแค่มีสัมผัสที่ไวต่อการลอบโจมตี
เกิดอะไรขึ้น?
ฟางเจิ้งจือ รู้ได้ยังไงว่าจะถูกลอบโจมตี?
หรือว่า..
ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจของราชาเซี่ยโหลวจากนั้นเขากมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือฟาง เจิ้งจือ คิดจะลอบโจมตีเขา
หรือก็คือทั้งสองฝ่ายต่างคิดจะลอบโจมตีซึ่งกันและกัน เพียงแค่อีกฝ่ายสามารถตอบสนองได้ทันเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะเป็นไปได้งั้นหรือ?
คนที่มีพลังในระดับอภินิหารคิดจะลอบโจมตีเขา?
ราชาเซี่ยโหลวรู้สึกว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้ในตอนนั้นเอง เขาเลิกคิดถึงสิ่งต่างๆแม้ในครั้งแรก ฟาง เจิ้งจือ จะหลบการโจมตีของเขาไปได้ เขาก็ยังมีโอกาสอีกมาก
ยอมแพ้?
ไม่มีทาง
เขาไม่คิดจะผิดสัญญาที่ให้ไว้?
ในขณะที่เขากำลังเข้าใกล้ฟาง เจิ้งจือ มีดสั้นทั้งสองก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขา เขาไม่ได้ใส่ใจพวกมันนัก
อย่างไรก็ตามถ้าเขาหลบความเร็วจะลดลง
”ย่อขนาด!”ราชาเซี่ยโหลวร้องออกมาในขณะเดียวกันร่างของเขาก็เริ่มหดตัวลง ผ่านมีดสั้นคู่นั้นไปได้
”เจ้าย่อขนาดตัวเองได้ด้วยงั้นหรือ?”ฟางเจิ้งจือ มองดูร่างที่หดลงของราชาเซี่ยโหลวพร้อมเบิกตากว้าง ร่างของราชาอสูรนี่ดีจริงๆ
ไม่เพียงแต่ขยายร่างได้เท่านั้น
ฟางเจิ้งจือ อ้าปากแข็งค้าง ร่างของราชาอสูรเริ่มขยายกลับมาขนาดเท่าเดิม
”โอวว!”เขาคำรามเหมือนสัตว์ร้าย
ราชาเซี่ยโหลวพึ่งหดตัวเล็กลงแต่ตอนนี้ ร่างของเขาเริ่มมีเกล็ดแข็งสีดำ ขาสองข้างขนาดใหญ่ขึ้นและเขาที่โค้งงอปรากฎขึ้นบนหัว
แสงสีเขียวมรกตเปล่งประกายในดวงตาของเขา
ในตอนนี้เองดวงจันทร์ ดวงดาว และฟากฟ้าถูกบดบังอีกครั้ง ฟาง เจิ้งจือ มองไม่เห็นแสงสว่างใดๆอีกต่อไป เขาอยู่ใต้ร่างขนาดใหญ่
กีบเท้าทั้งสี่ข้างส่องประกายใต้แสงจันทร์
แน่นอน…
นั่นไม่สำคัญอีกต่อไปสิ่งสำคัญคือเขาอยู่ใต้กีบเท้ายักษ์นี่ นอกจากนี้กีบเท้านั้นก็กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้
”ข้าไม่อยากโดนกีบเท้าเหยียบตาย!”ฟาง เจิ้งจือ ติดอยู่ในร่องของกีบเท้า ร่างของเขาถูกตรึงอยู่กลางอากาศ ไม่มีที่ให้เขาวิ่งหนีได้อีก