Gate of God - ตอนที่ 618 สวรรค์พักพิง
”ตูม!”เกิดการระเบิดขึ้น
ไม่มีใครหลบได้ทันมันเกิดขึ้นเร็วมาก หางของราชาอสูรฟาดไปยังร่างของ ปิง หยาง ที่ตอนนี้ไร้ชุดเกราะ
เวลาราวกับหยุดนิ่ง
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ปิง หยาง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความรวดร้าว น้ำตากำลังหลั่งไหล
”ฝ่าบาท!”
”องค์หญิงปิง หยาง?”
ทั้งกองทัพทลายภูผาและหยาน หยุนฉี ต่างตะโกนออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ต่อให้นางจะมีเกราะเพลิงอยู่…นางก็ไม่อาจทนการโจมตีเช่นนั้นได้
”องค์หญิง!”ดวงตาของซิง หยวนกัว เปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่กำมือแน่นร่างของเขาสั่นไม่หยุดเพราะรู้ดีว่า ปิง หยาง สำคัญต่อจักรพรรดิแค่ไหน
ปิงหยาง กำลังจะตาย?!
มันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาเขาจะบอก หลิน มู่ไป่ ยังไง?
”ท่านแม่…”เลือดที่พุ่งออกมาสาดกระเซ็นไปทั่วราวกับสายฝน สีหน้าของนางซีเขาว ดวงตาเบิกกว้าง
แววตาของนางจ้องมองท้องฟ้าอย่างเงียบเชียบจนกระทั่งร่างของนางตกลงสู่พื้นดิน
”เจ้าไร้ยางอาย… ข้าคิดว่า …. ข้าเห็นมะ…แม่…. ข้าเห็น ท่านแม่… ข้าเห็นแม่จริงๆ …. ท่านแม่กำลังเรียกหาข้า …”
”แต่ข้ารู้สึกหนาวๆนิดหน่อยเจ้าหนาวไหม?”
”ติ๋ง!”หยดน้ำตาไหลจากแก้มลงสู่พื้นดิน
ร่างของนางนอนอยู่บนพื้นดิน
”ฮ่าฮ่าฮ่า…ฟาง เจิ้งจือ เอ๋ย ดูเหมือนทุกคนจะตายลงไปทีละคน ๆ เจ้ารู้สึกยังไงบ้างที่ไม่สามารถช่วยพวกขาไว้ได้?”ราชาอสูรพูดด้วยความเย้ยหยัน “ท่านแม่รึ? ฮ่าฮ่า เจ้าพวกมนุษย์อ่อนแอนี่ทำข้าสนุกเสียจริง!”
”สนุกงั้นเหรอ?””ฟางเจิ้งจือ ถามกลับ
”มันไม่สนุกเหรอ?”ราชาอสูรเยาะเย้ย
”ข้าไม่สนุกเลยสักนิด!”เสียงของฟาง เจิ้งจือ เต็มไปด้วยความอดกลั้น
”เจ้าโง่…เหอะ?!”ในขณะที่ราชาอสูรพูด เขาก็ต้องหยุดกลางคันเพราะเห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังเคี้ยวบางอย่างอยู่ในปาก เขามองด้วยความประหลาดใจ
ก่อนที่จะตายผู้คนมักทำบางสิ่งบางอย่างอย่างการกรีดร้อง ทิ้งคำพูดสุดท้าย …แต่การกิน?นั่นไม่ปกติใช่ไหม?
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้ตอบคำถามของราชาอสูร เขายังคงเคี้ยวบางอย่างในปากต่อไป ในขณะที่ค่อยๆเงยหน้ามองท้องฟ้า …
”เจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ร่างๆหนึ่งปรากฎขึ้นในใจของเขาา
”แน่นอน!”
”เพียงแค่กินสิ่งนี้เจ้าก็จะมีชีวิตรอดแต่เจ้าไม่สามารถรักษาพลังเอาไว้ได้”
”มีสิ่งที่ช่วยให้ข้ารอดและยังคงพลังเอาไว้ได้หรือไม่?”
”ไม่มี!”
”ท่านเรียกตัวเองเป็นหนึ่งในสี่เซียนได้ยังไงในเมื่อท่านไร้ประโยชน์ขนาดนี้?การช่วยเหลือตัวเองมักดีกว่าการพึ่งพาคนอื่น ข้าจะหาทางออกด้วยตัวเอง ลาก่อน!”
”เดี๋ยวก่อน!”
”ท่านต้องการอะไรอีกตาเฒ่าขี้โม้?”
”ขี้โม้?เจ้าเด็กเหลือขอ รู้ไหมว่ามีกี่คนที่้อ้อนวอนเพื่อให้ได้พบข้า แต่ข้าก็ปฏิเสธทั้งหมด?”
”แล้ว?จะให้ขาร้องขออ้อนวอนด้วยงั้นหรือ?”่
”…เจ้าอยากจะรักษาพลังเอาไว้จริงๆงั้นหรือ?”
”ก็ประมาณนั้น”
”เอาล่ะข้าจะคงพลังของเจ้าไว้ แต่ข้าไม่สามารถช่วยให้เจ้ารอดชีวิตได้”
”ท่านล้อข้าเล่นงั้นรึ?”
”ข้าดูเหมือนกำลังล้อเลียนเจ้างั้นหรือ?ข้ามีน้ำอมฤตที่สามารถคงพลังและช่วยชีวิตเจ้าได้อยู่ แต่ข้าไม่สามารถพูดได้ว่ามันจะรักษาชีวิตของเจ้าไว้ได้นานแค่ไหน”
”อย่างน้อยที่สุดข้าจะอยู่ได้นานเท่าไหร่?”
”สองปี!”
”แล้วนานสุดล่ะ?”
”สามปี!”
”ล้อเล่นใช่ไหม?”
”ขึ้นอยู่กับเจ้าว่ากินหรือไม่กินถ้าเจ้าไม่กิน ก็ไม่สามารถรักษาทั้งสองอย่างเอาไว้ได้ในหนึ่งเดือนให้หลังเป็นแน่!”
”ข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงสามปี?”
”ต้องคอยกินเป็นระยะ”
”คอยกินเป็นระยะ?”
”ถูกแล้วเจ้าต้องกินน้ำอมฤตทุกหนึ่งเดือน ข้าจะมอบยาให้ วู่ จวี้เอ๋อ ให้นางคอยมอบให้เจ้าเป็นระยะ เจ้าต้องไม่กินเกินจำนวน ถ้าเจ้ากินมากกว่าหนึ่งครั้งภายในหนึ่งเดือน อายุขัยของเจ้าจะสั้นลงหนึ่งเดือน!”
”ข้าไม่ได้โง่ทำไมข้าต้องกินมากกว่าหนึ่งครั้งด้วย?”
”ใครจะไปรู้?”.ไอลีนโนเวล.
”นั่นหมายความว่าไง?หลังจากกินยานี่ข้าจะยังคงพัฒนาพลังได้อยู่ใช่ไหม?”
”พัฒนาพลัง?เจ้านี่มันโลภมากจริงๆ มันสำคัญด้วยหรือ? ถ้าเจ้าอยากพัฒนาพลัง ข้าก็มี …แค่ก แค่ก การกินน้ำอมฤตจะช่วยเสริมพลังให้เจ้าอีกเท่าตัวภายในหนึ่งชั่วโมง!”
”เท่าตัว?ไม่น่ากลัวเกินไปหรอกหรือ? งั้นถ้าข้ากินสองเม็ดก็เพิ่มขึ้นสี่เท่าเลยสิ!”
”แน่นอนเพิ่มเป็นสิบสิบเท่ายังได้!”
”ว้าวมันเป็นยาที่สุดยอดจริงๆ!”
”แน่นอน!นี่เป็นผลงานชิ้นเอกของข้าเชียวนะ! ไม่มีใครสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อีกแล้ว นอกจากข้า!”
”ยานี้มีชื่อว่าอะไร?”
”ยาสวรรค์พักพิง!”
”ท่านตั้งตามชื่อตัวเองหรือไงกัน?”
”แน่นอนว่ายาอายุวัฒนะนี้ตั้งตามข้า!”
”ข้าคิดว่ามันควรชื่อยาเจิ้งจือนะเพราะท่านก็ไม่ได้กินแต่มอบมันให้ข้า ถูกไหม?”
”จวี้เอ๋อบอกว่าเจ้านั้นไร้ยางอาย แต่ข้าคิดว่าเจ้านั้นอยู่เหนือกว่าคำนั้นไปหลายเท่า!”
”หึ?ขอบคุณที่ชม! ส่งยามาให้ข้าได้แล้ว”
”ข้าบอกแล้วว่าจะให้ยาก็ต่อเมื่อเจ้าทำตามที่ วู่ จวี้เอ๋อบอก!”
”นางยุ่งมากจะเป็นยังไงถ้านางลืมเรื่องนี้ล่ะ? ถ้านางให้ยาข้าช้าไปและข้าตายขึ้นมาล่ะ? ให้ข้าเก็บไว้สักสามถึงห้าร้อยเม็ดก็พอ
”สามถึงห้าร้อย?เจ้าคิดว่ายานี่เป็นเมล็ดข้าวหรือไงกัน? ตอนนี้ข้ามีแค่ห้าเม็ดเท่านั้น และข้าสามารถสร้างมันได้สองถึงสามเม็ดต่อเดือนเท่านั้น! ข้าให้เจ้าเก็บไว้แค่เม็ดเดียวเท่านั้น!”
”แค่หนึ่ง?ข้าต้องมีอย่างน้อยห้า!”
”อย่างมากข้าให้เจ้าได้แค่สอง!”
”สี่!”
”สาม!”
”ตกลง!”
”เดี๋ยวก่อนทำไมข้าต้องต่อรองกับเจ้า?”
”ในฐานะเซียนและอาจารย์ของวู่จวี้เอ๋อ ข้าคิดว่าท่านคงไม่คืนคำพูดใช่ไหม?”
”เจ้าสารเลวข้าให้เจ้าสามเม็ด แต่จงกินมันตอนที่จำเป็นเท่านั้นเข้าใจไหม?”
”ข้าไม่ได้โง่น่า”
”…”…
”อึกอึก…. ” ฟาง เจิ้งจือ เคี้ยวยาและกลืนลงไปอย่างช้าๆ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน ก่อนที่จะหันไปมอง ปิง หยาง อีกครั้ง
ตัวของราชาอสูรกระตุกอย่างรุนแรงแต่เขาไม่รู้ว่าทำไมทันใดนั้นเขารู้สึกว่า ฟาง เจิ้งจือ แตกต่างจากเดิมเล็กน้อย
เกิดอะไรขึ้น?
ราชาอสูรมองไปที่ฟาง เจิ้งจือ ผู้ที่อุ้ม ปิง หยาง อยู่ในอ้อมแขมเขาป่องจากจมูกของเขาในฐานะที่เขาสงสัยเพิ่มขึ้น
เขาเห็นฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆวาง ปิง หยาง ลงบนพื้นช้าๆ
ราชาอสูรไม่คิดจะโจมตี
จากประสบการณ์ของเขานั้นบอกว่าเขาควรจะรอจนกว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ฟาง เจิ้งจือ
ในที่สุดฟาง เจิ้งจือ ก็วาง ปิง หยาง ลงบนพื้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น
”หืม?”รางของราชาอสูรสั่นไหว ทันทีที่เขามองไปที่ตาของ ฟาง เจิ้งจือ
ตาของเขา!
ถูกต้องมันเป็นตาของเขา!
มันเป็นดวงตาที่ไร้สีพวกมันโปร่งใส ใสเหมือนหยดน้ำ มันเป็นภาพที่แปลกมาก
ราชาอสูรสามารถมองภาพสะท้อนของตัวเองเขาเองกำแพงวังที่พังทลาย มันราวกับกระจกแต่ก็ไม่ใช่ กระจกสามารถสะท้อนได้แค่สิ่งที่อยู่ด้านหน้า แต่ตาของ ฟาง เจิ้งจือ สะท้อนภาพออกมาอีกมากมาย ทั้งน้ำตก ภูเขา แม่น้ำ…
”เกิดอะไรขึ้น?”ราชาอสูรสามารถสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาด
ทันใดนั้น…ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ ก็เบิกกว้าง
มีดาบปรากฎอยู่ในมือของฟาง เจิ้งจือ ดูเหมือนว่าจะเป็นดาบธรรมดา แต่มันก็ไม่ใช่ดาบธรรมดา เพราะที่ปลายดาบมีรอยสีม่วงอยู่
ทันใดนั้นรอยสีม่วงที่ปลายดาบก็ค่อยๆขยายตัวจนเปลี่ยนดาบจนกลายเป็นสีม่วงทั้งหมดมันเป็นสีม่วงที่แปลกประหลาดและลึกลับมาก
ในเวลาเดียวกันจิตสังหารก็พวยพุ่งออกมาจากตัวของเขาราวกับพายุหมุน
”นั่นมันดาบไร้ร่องรอย!”
”มันควรอยู่ที่แดนใต้ทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงมีมันได้?”
”เขาไปที่นั่นมางั้นหรือ?”
เมื่อกองทัพทำลายภูเขาเห็นดาบในมือของฟาง เจิ้งจือ พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
”ท่าไม่ดีแล้ว!เจ้าเด็กเหลือขอมีดาบนี้อยู่ด้วยงั้นรึ?!” ซิง หยวนกัว เองก็ตกตะลึงเช่นกัน
การต่อสู้ที่ดินแดนภูเขาทางใต้…
แม้ตอนนั้นฟาง เจิ้งจือ จะแข็งแกร่งแต่เขาดูบ้าคลั่งมากราวกับเขาถูกอะไรบางอย่างควบคุม
”ไม่ดวงตาของเขาไม่เปลี่ยนเป็นสีม่วง…โปร่งใส?”
โปร่งใส!
ซิงหยวนกัว ไม่เคยเห็นดวงตาของใครเป็นแบบนี้มาก่อน
”ตูม!”
ในที่สุดฟาง เจิ้งจือ ก็เคลื่อนไหว เขาพุ่งไปหาราชาอสูรทันที
”หึ?เจ้าอยากตายมากงั้นรึ? ฮ่าฮ่า… ” แม้ราชาอสูรจะมีความรู้สึกที่แปลกประหลาด แต่เขาไม่กลัว
เขาได้สลัดเกล็ดสีดำอันเก่าทิ้งและสร้างเกล็ดใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมขึ้นมาปกคลุมแทนมันเป็นประกายแวววาว ร่างของเขาพุ่งไปบนท้องฟ้าก่อนจะกระโจนลงไปหา ฟาง เจิ้งจือ
แต่แล้ว…
ฟางเจิ้งจือ กลับหายตัวไป
หรือพูดให้ถูกต้องเขาได้ซ่อนตัวในพายุจิตสังหารของเขา
”ตาย!”เสียงอันเยือกเย็นดังออกมาจากพายุจิตสังหาร มันค่อยๆเปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นมังกรตัวหนึ่ง
เมื่อมังกรลอยขึ้นสู่สวรรค์เม็ดฝนก็ตกลงมาจากท้องฟ้าหนึ่งหยด สองหยด…
ก่อนที่ฝนจะตกลงมาอย่างรุนแรง
มันล้างคราบเลือดสดๆบนพื้นรวมทั้งบนหน้าอกของ ปิง หยาง แสงที่เกิดจากฟ้าผ่าทำให้เห็นหน้าที่ซีดขาวของ ปิง หยาง
จากนั้นแสงก็สว่างขึ้นบนหน้าอกของปิงหยาง
มันเป็นจี้ที่มีรูปร่างเหมือนน้ำตาด้านในของมันเป็นของเหลวส่องประกายที่เคลื่อนไหวช้าๆอยู่ในนั้น แต่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเพราะทุกคนกำลังจับจ้องไปที่มังกรบนฟ้า
มันเป็นมังกรอันยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยความโกรธและเด็ดเดี่ยว
จากนั้นมังกรก็หายไปกลายเป็นลำแสงขนาดใหญ่พุ่งลงมาหาราชาอสูร
มังกรมังกรที่หยิ่งผยองและโดดเดี่ยว …
แม้ว่ามันจะลอยขึ้นมาจากพื้นดินมันก็จะไม่ยอมให้ใครมายืนเหนือเขา
เพจหลัก: Double gate TH