Gate of God - ตอนที่ 623 แสงที่ส่องประกาย
เป็นไปได้ยังไง?
ฟางเจิ้งจือ จ้องมองไปที่ร่างของราชาอสูร สีหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง
เขารู้ดีว่าราชาอสูรไม่ปล่อยเขาไปแน่ทั้ง เหยียน เฉียนหลี่ และ เหยียน ซิว ต่างก็ถูกโจมตีทั้งคู่
หรือว่า…
แม้ทั้งคู่จะใช้ความเร็วสูงสุดก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มราชาอสูร
ในขณะที่กำลังคิดนั้นเองร่างของราชาอสูรก็ราวกับถูกตรึงเอาไว้จากนั้นก็มีร่างเงาปรากฎขึ้นที่ด้านหลังราชาอสูรชุดกระโปรงสีดำพริ้วไหวไปตามสายลมบนท้องฟ้า
มีวงแหวนประหลาดส่องสว่างอยู่ที่ต้นคอ
มันคือจี้
จี้รูปหยดน้ำ
วงแหวนแสงส่องสว่างออกมารอบๆจี้นั้น
”ปิง…ปิงหยาง!”ฟาง เจิ้งจือ ไม่อยากจะเชื่อว่า ปิง หยาง คือคนที่ตรึงราชาอสูรเอาไว้แน่นอน เขาไม่อยากจะเชื่อว่านางยังมีชีวิตอยู่
”อะ…องค์หญิง!”
”องค์หญิงยังไม่ตาย?!”
”นางยังมีชีวิตอยู่!”
กองทัพทลายภูผาและกองทหารเมฆาเบิกตากว้าง
เลือดค่อยๆไหลออกจากปากของนางจากนั้นวงแหวนแสงที่คอก็เลือกจางหายไป
”ท่านแม่…ท่านแม่อยู่ข้างกายข้าเสมอ ท่านไม่เคยทิ้งข้าไปไหน!”ปิง หยาง พึมพัมบางอย่างออกมา
นางไม่ได้หลับตาแต่จ้องมองไปที่ราชาอสูร และ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะพึมพำบางอย่าง
”ยังไม่ตาย?!”ราชาอสูรหันไปมองแววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เขาหันมาพบปิง หยาง ที่อยู่ด้านหลัง
จากนั้น…
เขาก็เบิกตากว้าง
เลือดเริ่มไหลออกจากดวงตาแต่เขาไม่คิดที่จะสนใจแม้แต่น้อย เขาจ้องไปที่แสงสว่างรอบคอ ปิง หยาง
”ท่านแม่นางอยู่กับข้าจริงๆ นางกำลังเฝ้ามองข้า เจ้าไรยางอาย ท่านแม่ไม่ได้ทอดทิ้งข้า นางไม่ได้ …” ปิง หยาง ไม่ได้สนใจราชาอสูรแม้แต่น้อย นางเอาแต่พูดต่อไปเรื่อยๆ แววตาของนางไร้ซึ่งจิตวิญญาณ
”ปิงหยาง หนีไป!”ฟาง เจิ้งจือ คิดไม่ออกเลยว่า ปิง หยาง จะทำอะไร
”เจ้าไร้ยางอายข้าเห็นท่านแม่ ข้าเห็น …จริงๆ ” ปิง หยาง ไม่คิดฟัง ฟาง เจิ้งจือ แม้แต่น้อย
ฟางเจิ้งจือ อยากจะพูดบางอย่างแต่ต้องกลืนกลับเข้าไป
ในตอนนั้นเองราชาอสูรได้ฟาดกรงเล็บไปที่ปิง หยาง แล้ว
โดยไม่ทันตั้งตัว
”ไม่!”ฟางเจิ้งจือ อยากจะหยุดยั้งเขา
แต่ราชาอสูรนั้นรวดเร็วเกินไปและ ปิง หยาง ก็อยู่แค่ด้านหลังของเขาเท่านั้น
”ตูม!”กรงเล็บแหลมของราชาอสูรไม่ได้ถูกร่างของปิง หยาง มันกลับจู่โจมไปที่วงแหวนแสงรอบคอของ ปิง หยาง
ในชั่วพริบตา
ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดได้เกิดขึ้น
ปิงหยาง ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนแม้แต่น้อยจากการโจมตีของราชาอสูร แต่ตอนนี้ท่าทีของราชาอสูรกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว่
ร่างของเขาสั่นเทาและถูกผลักกระเด็นออกไปในทันทีแสงสีทองเริ่มส่องสว่างในขณะที่เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
”นี่มัน…”
”เป็นไปได้ยังไง?นั่นคืออะไร?!”
”ราชาอสูรถูกโจมตี?”
เหล่าทหารต่างเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งทีเ่ห็น
ไม่มีใครสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้
แม้แต่เหยียน เฉียนหลี่ กำลังรีบวิ่งก็หยุดเคลื่อนไหว
”องค์หญิง?”เหยียน เฉียนหลี่ มองไปที่ ปิง หยาง บนท้องฟ้า
ทันใดนั้น…
วงแหวนแสงระเบิดออกกลายเป็นดวงดาวเล็กๆมากมาย
”ท่านแม่!”ปิงหยาง ตะโกนออกมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่มือของนางพยายามไขว่ค้าไปที่แสงสว่างเหล่านั้น.Aileen-novel.
”ปิงหยาง!”ฟาง เจิ้งจือ พุ่งไปข้างหน้า และรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่พุ่งเข้ามา
…
หน้าอกของเขารู้สึกหนักมากจากการะปะทะเข้ากับแสงที่กระจายออกมาเหล่านั้น
เขากระอักเลือดออกมา
ทันใดนั้นเองแสงที่ลอยมาก็หยุดเคลื่อนไหว ราวกับเวลาได้หยุดเดิน
”วูม!”เสียงดังสั่นสะเทือนแผ่นดิน
แสงดาวเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งคราวนี้มันไม่ได้กระจายออกมา แต่รวมกลับเข้าไปในร่างของ ปิง หยาง
จุดเล็กๆมากมายส่องประกายบนผิวของนางราวกับดาวที่เปล่งแสง
มันสว่างไสวไปทั่วทั้งท้องฟ้า
”มันคืออะไรกัน?”
”เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายขององค์หญิง?”
”ทำไมนางดูแปลกไป?”
กองทัพทลายภูผาและกองทหารเมฆาต่างจับจ้องไปที่ปิง หยาง
ไม่เพียงแค่นั้น…
มันเริ่มโคจรรอบตัวนาง
”ปิงหยาง มีสายเลือดนั้นจริงๆงั้นหรือ?!”ฉาน ยู่ พึมพำเล็กน้อย นางยังคงมองไปที่ ปิง หยาง
สายเลือดพิเศษ
นั่นคือสิ่งที่ชาวแดนใต้ใช้เรียก
ฉานยู่ รู้เรื่องนี้ดีกว่าใครในแดนใต้เพราะนางเองก็อยู๋ในสถานะเดียวกัน
ซึ่งชาวอาณาจักรเซี่ยจะเรียกอีกอย่าง
ร่างทรงเต๋าสวรรค์…
ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดพิเศษหรือร่างทรงเต๋าสวรรค์ ต่างมีเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน
อย่างของฉาน ยู่ เป็นการเพิ่มพลังให้แข็งแกร่งเพื่อปกครองผู้คน
ถ้าจะเปรียบกับฉือ กูเหยียน มันจะต่างกันเล็กน้อย
แต่ฉาน ยู่ ก็ส่ายหัวหลังจากที่นางคิด
”ไม่… นั่นเป็นไปไม่ได้ สายเลือดพิเศษจะปรากฎขึ้นตั้งแต่เกิด ไม่เคยได้ยินว่าเกิดขึ้นกับใครหลังจากอายุมากแล้ว”
ฉานยู่ เลิกคิดเรื่องทั้งหมดในทันที
ปิงหยาง เป็นเชื้อพระวงศ์ เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นได้
ฉานยู่ จ้องมองไปที่ ปิง หยาง นางรู้สึกสับสนในพลังของ ปิง หยางถ้าไม่ใช่ สายเลือดพิเศษ แล้ว ปิง หยาง ตรึงราชาอสูรไว้ได้ยังไง?
ฟางเจิ้งจือ กำลังจ้องมอง ปิง หยาง
เขารู้สึกราวกับเข้าใจในแสงพวกนั้น
นอกจากนี้แผลจากแสงพวกนั้นของราชาอสูรเริ่มได้รับการฟื้นฟูแล้ว
ฟางเจิ้งจือ เองก็สามารถทำได้
แม้จะไม่ได้อยู่ในระดบัเดียวกับราชาอสูรก็ตาม
”วูม!”
เสียงสั่นสะเสือนไปทั่วผืนแผ่นดินอีกครั้งคราวนี้แสงทั้งหมดได้จางหายไป พวกมันได้เข้าห่อหุ้มร่างกายของ ปิง หยาง
”ครืน!”เสียงฟ้าผ่าดังก้อง
ฝนยังคงตกลงมาทำให้ชุดของนางเปียกปอน
”แม่ของเจ้าเป็นใครกัน?!”ราชาอสูรจ้องมองปิง หยาง ที่มีแสงห้อมล้อมร่างกาย
”เย่เอ๋อร์” ปิง หยาง มองกลับไปหาราชาอสูรด้วยแววตาที่ไร้จิตวิญญาณ
”เย่เอ๋อร์?”ท่าทีของราชาอสูรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาไม่ได้หวังในคำตอบของ ปิง หยาง แบบนี้
”ใช่แล้วนั่นคือชื่อที่ท่านพ่อเรียกท่านแม่”
”แม่ของเจ้า?เจ้าจะบอกว่าแม่เจ้าเป็นราชินีของอาณาจักรงั้นหรือ?”เสียงของราชาอสูรเต็มไปด้วยความตกใจ
”ถูกต้อง”
”เจ้าแน่ใจหรือ?”
”แน่”ปิง หยาง พยักหน้าด้วยความมั่นใจ
”เอาล่ะถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ต้องตาย!”ราชาอสูรไม่คิดจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ หลังจากที่ได้ฟังเข้าก็จู่โจมในทันที
กรงเล็บของเขากางออก
เพียงแค่ราชาอสูรเคลื่อนไหว….
ปิงหยาง ก็ถอยออกมา
ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหาราชาอสูรอย่างรวดเร็ว
แสงรอบร่างปิง หยาง แผ่กระจายออกไปพร้อมกัน
”เจ้า…” ราชาอสูรไม่ได้เตรียมพร้อมกับเรื่องนี้ เขาหลบไม่ทัน
แสงสว่างอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
แสงเคลื่อนที่ไปรอบๆมันเป็นสีขาวเงินราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
แสงสีขาวพุ่งตรงไปทางราชาอสูร
”ตูม!่””เสียงระเบิดดังขึ้น
แสงสีทองที่ส่องสว่างมาจากท้องฟ้าเกล็ดที่โดนพลังเหล่านั้นประทะเริ่มหลุดออกมาจากตัวของราชาอสูร เลือดเริ่มไหลริน
”โฮก!”ราชาอสูรร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดร่างของเขาร่วงลงไปที่กำแพงเมือง
แกร้กแกร้ก
กำแพงไม่สามารถทนรับน้ำหนักราชาอสูรไว้ได้
”อ๊าอ๊าก!” คนเถื่อนไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทัน พวกเขาถูกเศษซากหินหล่นทับ
เลือดสดๆไหลนองเต็มพื้น
กองทัพทลายภูผาและกองทหารเมฆาที่อยู่หลังกำแพงจ้องมองด้วยสายตาที่เบิกกว้างต่างมองไปที่หลุมขนาดใหญ่บนกำแพง
นั่นน่าประทับใจมาก!
ไม่เพียงแต่กองทัพทลายภูผาและกองทหารเมฆาแม้แต่กองทัพคนเถื่อนและ ซิง หยวนกัว เองก็ตกตะลึง แม้จะอยู่ไกลแต่ ซู ฉิง เองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ไม่มีใครกล้าจะเชื่อเรื่องตรงหน้า
ในการต่อสู้กับราชาอสูร….
ชนะ?
และคนที่ทำให้เขาล้มลงคือปิง หยาง!
ปิงหยาง ในระดับผนวกดาราเท่านั้น!
มีอะไรที่น่าเหลือเชื่อกว่านี้อีกไหม?
”นี่มันไม่ใช่เพียงสายเลือดพิเศษแล้ว!”แววตาของฉาน ยู่ จ้องไปที่ราชาอสูร ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด แล้วรู้สึกมั่นใจในพลังของนาง