Gate of God - ตอนที่ 647 การแลกเปลี่ยน
”การทำลายศิลาเซียนทั้งสิบสามก้อนจะทำให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้งั้นหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ มองที่ หยุน ชิวงู พร้อมหัวเราะออกมา
นั่นเป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมา
เพื่อที่จะทำลายคาถาของนางเขาต้องทำลายศิลาเซียน
แต่นั่นคือศิลาเซียนแถมยังมีมากถึงสิบสามก้อน
นี่มันบ้ามาก!
การทดสอบศาลาเต๋าสวรรค์จะเริ่มขึ้นในอีกเดือนครึ่งเขาจะทำลายมันได้ยังไง?
ไม่เพียงแต่เป็นไปไม่ได้มันแทบจะไม่มีความหวังแม้แต่น้อย
การทำลายศิลาเซียนสิบสามก้อนมันยากพอๆกับการเข้าถึงระดับเซียนเลยการทำลายหนึ่งก้อนเหมือนกับการเข้าถึงพลังหนึ่งขั้น
สิบสามก้อน?
นางคิดอะไรกัน?
ถ้าเขาไม่เคยลองทำมาก่อนเขาคงพอมีหวังอยู่บ้าง แต่เขาเคยลองแล้ว หลายต่อหลายปี
เขารู้ดีว่ามันมันยากแค่ไหนที่จะทำลายศิลาเซียน
ตอนอายุหกขวบ
เขาทำลายภาพแห่งการสรรค์สร้างมันยากลำบากไม่น้อย
ภาพแห่งการสรรค์สร้างเทียบได้กับพลังของศิลาเซียน
แต่ศิลาเซียนไม่ใช่ศิลาธรรมดา
ความจริงแล้วศิลาเซียนคือสิ่งที่เกิดจากการสรรค์สรางจากธรรมชาติ
…
ศิลาเซียนประกอบด้วยภูเขาแมน้ำ พื้นดิน ดอกไม้และอีกมากมาย ทุกสิ่งล้วนเกิดจากธรรมชาติ
จะทำลายมันได้อย่างไร?
ไม่มีทางที่จะทำลายมันได้เลย
”เจ้าเป็นคนสร้างคาถานี้ขึ้นมาดังนั้นข้ามีอีกหนทางหนึ่ง ฆ่าเจ้าซะ!”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ หยุน ชิงวู ด้วยสายตาที่เย็นชา
”ฆ่าข้า?ทำไมไม่ลองทำดูก่อนเจ้าจะไม่มีทางรู้เลย?”หยุน ชิงวู มองที่ ฟาง เจิ้งจือ อย่างใจเย็น นางไม่สนเรื่องความเป็นความตายแม้แต่น้อย
ฟางเจิ้งจือ ยังคงนิ่งเงียบ
มันเป็นเรื่องยากในการเจรจากับหยุน ชิงวู เพราะนางไม่เคยกลัวความตาย
แต่แน่นอน..
ไม่ใช่ว่านางไม่มีความกลัวอย่างตอนที่เขาล่วงเกินจนนางดิ้นรนเพื่อหลบหนี
แต่ฟาง เจิ้งจือ ใช้วิธีนั้นไปแล้ว นางคงระวังตัวมากขึ้น
เขาขู่นางด้วยวิธีนั้นไม่ได้เขาจะต้องอยู่ที่นี่แล้วทำลายศิลาเซียนทั้งสิบสามก้อนจริงๆหรือ?
”เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่มีคำขออื่น?ชายหนุ่มรูปงาม เช่นข้า จะปรนเปรอเจ้าอย่างดีเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนเลย? ! ไม่เหรอ? งั้นสิบวัน? ครึ่งเดือนไปเลย!”ฟาง เจิ้งจือ จ้องไปที่ หยุน ชิงวู
”ไร้ยางอาย!”หยุนชิงวู ตะโกนใส่เขาหลังจากหยุดพูดไปพักหนึ่ง จากนั้นนางก็หายไป
”อะไรกัน….? นางหนีไป! เจ้าไม่ได้พูดว่าเราจะอยู่ด้วยกันงั้นหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกราวกับว่าอนาคตมืดดับลงในทันที
นางหนีไปจริงๆหรือ?
แล้วเกมนี้จะดำเนินต่อไปยังไง?
…
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ข่าวการหายตัวไปของฟาง เจิ้งจือ แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน เมืองฮวายอัน รวมไปถึงเมืองหลวง ทุกคนต่างรู้ถึงการหายตัวไปขององค์ชายคัง
คนที่ได้รับเลือกจากเมืองฮวายอันถูกส่งตัวไปที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือพวกเขาตามหาทั่วบริเวณภูเขาคังหลิง
ทุกซอกทุกมุม
แต่ไม่มีร่องรอยของเขาเลย
ฉินซูเหลียน รู้สึกราวกับว่าเวลาถูกหยุดลง ในแต่ละวันให้รู้สึกเหมือนปีที่ผ่านมา นางไม่เห็น ฟาง เจิ้งจือ เลยตั้งแต่สงครามแดนใต้
ตอนนี้เขากลับมาที่บ้านและหายตัวไปในภูเขาคังหลิง
นางจะทนได้อย่างไรนางล้มป่วยนอนซมอยู่บนเตียงในบ้านวันเวลาผ่านพ้นไปอย่างน่าสลด
ฟางเฮ่าเตอ เป็นผู้นำในการค้นหา ฟาง เจิ้งจือ นอกจากนี้สีหน้าของเขายังดูซีดเซียวลงทุกวัน ทั้งยังต้องคอยดูแล ฉิน ซูเหลียน
”นายท่านไม่มีร่องรอยขอรับ … ”
”หาต่อไป!เจ้าต้องหาเขาให้พบ เขาไม่มีทางหายไปแบบนี้ได้แน่!”วู่ จวี้เอ๋อ ตะโกนใส่คนที่มารายงาน นางไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้
ครึ่งเดือนผ่านไป
ยังไม่มีร่องรอของฟาง เจิ้งจือ ไม่พบเขาที่ไหนเลย ไม่ใชแค่คนในหมู่บ้าน ทั้งดินแดนทางเหนือ เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ต่างก็ร่วมตามหาเขา
แต่ก็ยังไม่มีร่องรอยของเขาแม้แต่น้อย
เขาไปอยู่ที่ไหนกัน?
วู่จวี้เอ๋อ รู้ดีว่า ฟาง เจิ้งจือ คงไม่บอกนางทุกอย่าง แต่นางรู้ดีว่าเขาไม่มีทางปิดบังอะไรกับ ฟาง เฮ่าเตอ และ ฉิน ซูเหลียน อย่างแน่นอน
มีบางอย่างผิดปกติ
แต่ใครกันที่ทำร้ายฟาง เจิ้งจือ? ใครกันที่แข็งแกร่งขนาดที่ไม่เปิดโอกาสให้ ฟาง เจิ้งจือ หลบหนีออกมาได้?
วู่จวี้เอ๋อ นึกถึงคนที่มีความเป็นไปได้ แต่ก็ตัดออกไปทั้งหมด
ต้องเป็นพลังระดับเซียนทั้งสี่อย่างแน่นอน
แต่เซียนทั้งสี่คงไม่มีทางโจมตีฟาง เจิ้งจือ หนึ่งในสี่คนคือนายของ ฟาง เจิ้งจือ เป็นไปไม่ได้เลยที่อีกสามคนจะทำเช่นนั้น ถ้างั้นเป็นใครกัน?
คนเถื่อน?
พวกเขาทั้งหมดถอนกำลังกลับไปหลังจากที่ราชาอสูรพ่ายแพ้ฟาง เจิ้งจือ เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะจู่โจมในตอนนี้
ถ้าอย่างนั้นเป็นใครกัน?.Aileen-novel.
เผ่าปีศาจ!
นั่นอาจเป็นไปได้แต่คนที่แข็งแกร่งพอจะกำจัด ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ออกจากเมืองเงาเลือดเลย
ยิ่งกว่านั้นวู่ จวี้เอ๋อ รู้เรื่องที่พวกปีศาจได้ศาลาเซียนทั้งสิบสามไปครอบครอง แต่พวกเขาคงไม่เสี่ยงใช้มันโจมตีอาณาจักรเซี่ยแน่
วู่จวี้เอ๋อ ยังคงกังวล
ตกพลบค่ำไม่ช้าดวงจันทร์ก็ส่องสว่างอีกครั้ง แต่ละวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่กลับมาจากการค้นหาต่างส่ายหัวด้วยความท้อใจ
”เจิ้งเอ๋อร์เจิ้งเอ๋อร์ลูกแม่ … แค่ก ..แค่ก เจ้าไปอยู่ที่ไหนกัน?”ฉิน ซูเหลียน มีน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองฝั่ง
…
ในขณะเดียวกันกับที่คนทั้งอาณาจักรเซี่ยกำลังตามหาตัวฟาง เจิ้งจือ แสงสว่างของดวงจันทร์ส่องสะท้อนลงบนมหาสมุทร
อสูรในร่างสีขาวโผบินข้ามท้องฟ้าปีกของมันโบกสะบัดไปตามสายลม
เหนือมหาสมุทรมีหมู่เกาะเล็กๆแต่ละเกาะสร้างขึ้นจากทรายสีดำ แสงจันทร์ส่องลงมาทำให้ความรู้สึกที่น่ากลัว
เกาะจันทราสีดำ
ชื่อถูกตั้งขึ้นจากก้อนหินที่ตั้งอยู่บนปล่องภูเขาไฟรูปร่างของมันเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ที่ปากปล่องมีลาวาปะทุออกมา
มันดูแปลกประหลาดแต่มีประวัติยาวนานกว่าสามพันปี
ในตอนนั้นเองร่างกายสีชมพูก็ร่อนผ่านฝูงปีศาจราวกับคมมีด ก่อนจะพุ่งลงไปบริเวณปล่องภูเขาไฟ
มันทั้งงดงามและเงียบสงัด
ชุดสีชมพูใต้แสงจันทร์ดูงดงามเช่นเคยตรงข้ามกับก้อหินสีดำ คล้ายกับกุหลาบที่เบ่งบานจนสะดุดตา
ผมสีดำพาดบนไหล่ของนางราวกับน้ำตกดวงตาที่เปล่งประกายหันมองไปรอบๆ
ไม่มีใครพูดอะไร
อย่างไรก็ตามเมื่อนางลงถึงพื้นก็เกิดเป็นประกายไฟตามทางที่นางเดิน
ที่ข้างทางมีศิลาตั้งอยู่
หนึ่งในศิลาพวกนั้นจารึกว่าเกาะจันทราสีดำ ในขณะที่ศิลาอีกก้อนเป็นภาพเขียน เป็นภาพของ หม้อขนาดใหญ่สีดำสามขาทั้งหมดเก้าใบ
หญิงสาวคนนั้นโค้งตัวคำนับศิลาก่อนที่จะค่อยๆเดินหายไปทางหน้าผา
สักครู่ต่อมา
นางก็มาอยู่ตรงหน้าบ้านหินขนาดเล็กที่สร้างจากหินภูเขาไฟสีดำ
แสงไฟเก้าดวงส่องสว่างอยู่หน้าบ้านเผยให้เห็นประตูหินสีดำทั้งสามบาน
”แอ๊ด!”
ประตูหินสีดำด้านขวาสุดเปิดออกและมีเด็กคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมชุดสีดำสนิท หอกยาวสองด้ามไขว้อยู่บนแผ่นหลังและเดินเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้น
”นายท่านบอกว่าจะมีแขกคนพิเศษมาหา ข้อยากทราบว่าท่านเดินทางมาจากที่ใดกัน?”เด็กคนนั้นอยู่อยู่ด้านหน้าและโค้งคำนับ
”อาณาจักรเซี่ย”ผู้หญิงคนนั้นตอบ
”อาณาจักรเซี่ยงั้นหรือ?”เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและเอ่ยถามอีกครั้ง “นายท่านบอกว่าท่านเป็นแขกคนพิเศษ และข้าขอเดาว่าท่านไม่ใช่คนทั่วไปของอาณาจักรเซี่ย ท่านกำลังมองหาสิ่งใด?”
”ยา”
”ข้าขอถามว่าท่านกำลังมองหายาชนิดใดอยู่?”
”เพลิงพันปี”
”แขกคนพิเศษมาขอเพลิงพันปีงั้นหรือ?”ท่าทีของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากได้ยินเรื่องนั้น พร้อมกับมองไปทั่วร่างของหญิงสาวคนนั้น “ท่านรู้หรือไม่ว่านั่นคือสมบัติของเกาะจันทราสีดำ?”
”อืมข้ารู้” หญิงสาวพยักหน้าอย่างใจเย็น
”ท่านมีอะไรมาแลกกับสิ่งนั้นหรือ?”เด็กหนุ่มพูดอีกครั้งหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเสียงของเขาจริงจึงขึ้นเล็กน้อย
”วิญญาณภูเขาหิมะหนึ่งขวด”หญิงสาวตอบกลับขณะที่หยิบขวดใสขึ้นมา มีแสงสีฟ้าส่องสว่างออกมาจากขวด
”วิญญาณหิมะภูเขา?”เด็กหนุ่มจ้องไปที่ขวดในมือของหญิงสาวพร้อมกับขมวดคิ้ว”เนื่องจากแขกคนพิเศษเป็นคนร้องขอ ข้าไม่ควรทำให้การเดินทางของท่านสูญเปล่า วิญญาณหิมะภูเขาก็ดูคุ้มค่าพอ พวกเรายินดีจะแลกกับเพลิงพันปีหนึ่งใบ ท่านคิดอย่างไร?”
”ข้าต้องการหนึ่งกำมื”
”หนึ่งกำมือหรือ?!ท่านรู้หรือไม่ว่าที่เกาะจันทราสีดำแห่งนี้มีเพลิงพันปีเพียงหนึ่งกอเท่านั้น? แม้ท่านจะมีวิญญาณหิมะภูเขาสิบขวด ข้าก็ไม่สามารถยอมรับได้!”ท่าทีของเด็กหนุ่มเปลี่ยนอย่างมาก
”ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ” หญิงสาวพูดอีกครั้ง
”ที่ต้องการ?หมายความว่าอย่างไร?”เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอีกครั้ง
เขาไม่เข้าใจความคิดของหญิงสาวคนนี้แม้แต่น้อย
แต่เขาได้รับคำสั่งมาเขาจึงต้องทำตัวสุภาพต่อหญิงสาวคนนี้
นั่นไม่ได้หมายความว่าเขากลัวนาง
วิญญาณหิมะภูเขาและสิ่งที่ข้าต้องการเพื่อแลกกับเพลิงพันปีของเกาะจันทราสีดำหากเรื่องนี้หลุดออกไปถึงภายนอก เกาะจันทราสีดำคงจะเสื่อมเกียรติไม่น้อย
”ข้าจะทำในสิ่งที่เจ้าต้องการหนึ่งอย่าง”หญิงสาวพูดต่อ
”อายุของท่าน…ข้าคิดว่ายังไม่ถึงสิบแปดใช่หรือไม่?”เด็กหนุ่มเริ่มมองด้วยสายตาหวาดระแวง
”สิบเจ็ด”หญิงสาวพยักหน้า
”หึหึ…ผู้คนในเกาะจันทราสีดำมักเห็นด้วยกับเงื่อนไขเสมอแต่ท่านแขกคนพิเศษ มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย ท่านอายุเพียงแค่สิบเจ็ดปี คิดว่าจะสามารถทำอะไรให้เราได้งั้นหรือ?”เสียงของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปและมองด้วยความสงสัย
”เราย้ายไปที่อื่นกันเถอะ”หญิงสาวไม่ได้ทำอะไรต่อนางแค่เก็บขวดเข้าไปในเสื้ออีกครั้ง
”ย้ายที่?!แน่ใจหรือว่าต้องการสู้?”เด็กหนุ่มตัวแข็งค้าง และผิดหวังกับคำพูดของหญิงสาว แต่ไม่สามารถตั้งตัวได้ทันเมื่อนางบอกว่าต้องการจะสู้
หญิงสาวอายุสิบเจ็ดปีเดินทางมาที่เกาะจันทราสีดำและขอให้เขาต่อสู้?มันฟังดูไม่น่าเชื่ออย่างมาก
นางไม่รู้เลยหรือว่าที่เกาะแห่งนี้มีผู้ที่แข็งแกร่งถึงสามคน
ต่อสู้กับทั้งสามคนด้วยตัวคนเดียว?
ไม่!
ควรจะเป็นต่อสู้กับหกคนด้วยตัวคนเดียว?
เพราะทั้งสามคนมีลูกศิษย์อีกทำไมหญิงสาวตัวคนเดียวถึงกล้าพูดอะไรเช่นนี้?
อายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีแท้ๆ
เป็นไปไม่ได้!
”ใช่แล้วข้ามีเวลาไม่มาก ข้าจะสู้กับทั้งหมดในคราวเดียว” หญิงสาวพยักหน้าอย่างสงบ ในขณะที่ยังคงแสดงท่าทีอย่างเยือกเย็น
ดวงจันทร์ส่องสว่างเหนือท้องฟ้า
แสงจันทร์ส่องลงมาที่ร่างของหญิงสาวนางงดงามและเปล่งประกายสีทอง ราวกับดวงดาวที่ส่องแสงบนฟากฟ้า …