Gate of God - ตอนที่ 648 ดาบธรรมดา
”โจมตี?”การแสดงออกของเด็กหนุ่มกลายเป็นหวาดกลัวทันที
อาจารย์ของเขาได้บอกไว้แล้วว่าจะมีแขกพิเศษมา
และได้สั่งให้เขาปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพอันสูงสุดเขาไม่ได้ปฏิเสธที่จะแลกเปลี่ยนจิตวิญญานแห่งภูเขาหิมะกับสมุนไพรเพลิงพันปี
เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเป็นเจ้าบ้านที่ดี
แต่ว่า…
แต่หนึ่งขวดแลกกับสมุนไพรของเกาะจันทราสีดำเป็นกำ?
ที่สำคัญนางยังเลือกความรุนแรงเมื่อเจรจาไม่ได้ผล
”ท่านคิดจะทำแบบนี้จริงๆงั้นหรือ?”เด็กหนุ่มพยายามจะซ่อนความโกรธไม่ให้ปรากฎขึ้นบนใบหน้า
”ใช่”หญิงสาวพยักหน้าทันที
”ในเมื่อเป็นแบบนี้ขออภัยที่ข้าต้องหยาบคาย ข้าจะใช้ดาบรับการโจมตีของท่านเพียงห้าครั้ง ถ้าท่านไม่สามารถเอาชนะข้าได้ ท่านสามารถจากไปโดยดีได้ไหม?” อา ปู้ ดึงดาบคู่ออกมาด้านหนึ่งเป็นสีดำ อีกด้านเป็นสีขาว
ห้าครั้ง
นั่นคือวิธีที่เด็กหนุ่มเลือกใช้
ถ้าผู้หญิงตรงนหน้าสามารถเอาชนะเขาได้ภายในห้าครั้งแสดงว่าระดับพลังของนางอยู่ในระดับเดียวกับอาจารย์ของเขา
ในทางกลับกันถ้านางทำไม่ได้ก็แสดงว่านางประเมิณพลังตัวเองสูงเกินไป และควรถอยไปแต่โดยดี มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนาง
เด็กหนุ่มไม่สนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง
เพราะสุดท้ายมันจะไม่ใช่เรื่องของเขาอีกต่อไป
”ได้”ดวงตาของหญิงสาวกวาดไปทั่วร่างของเด็กหนุ่ม ก่อนจะพยักหน้า
”อืมท่านสามารถเริ่มได้เลย” เด็กหนุ่มถือดาบทั้งสองมาไขว้กันที่หน้าอกเป็นรูปกากบาท มีแสงสีดำและขาวเปล่งออกมาพร้อมๆกัน
แม้ว่าหญิงสาวด้านหน้าเขาจะมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี
แต่เขาไม่ได้คิดจะดูถูกนางแม้แต่น้อยในความเป็นจริงเขาปฏิบัติต่อนางด้วยความระมัดระวัง
เพราะ…
แขกแต่ละคนที่เข้ามาที่นี่ไม่มีใครเป็นคนธรรมดาทั้งนั้น
ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับสัตว์ร้าย
แสงระยิบระยับปรากฎขึ้นมารอบตัวของหญิงสาวก่อนที่นางจะพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
มันเป็นการโจมตีตรงๆ
แต่มันทำให้อา ปู้ รู้สึกแตกต่าง มันไม่ได้เป็นเพราะความกดดัน แต่มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
อาปู้ พยายามหลบ แม้เขาจะตั้งการป้องกันเป็นอย่างดีก็ตาม แต่หลังจากที่เขาเห็นเขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะหยุดนางได้เลย
เขาถูกโจมตีแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะเขาช้าหรือนางเร็วเกินไป
ดาบได้จ่ออยู่ที่หน้าอกของเขาแล้ว
มันพุ่งฝ่าดาบทั้งสองของเขาเข้ามา
ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่พุ่งออกมาจากดาบทันทีพลังอันรุนแรงกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขา และทะลักเข้าไปในชีพจรและเส้นเลือดของเขาทันที
”ตูม!”เสียงดังขึ้นที่ข้างหูของ อา ปู้
จากนั้นเท้าของเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นร่างของเขากระเด็นไปในอากาศ
มันไม่ไกลมากเขาหยุดห่างออกไปประมาณสามเมตร
”ตึง!”
ขาของเข่าสั่นไหวก่อนที่จะล้มคุกเข่าลงมาทันที
เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผากสายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เพราะหญิงสาวคนนี้ดูจากภายนอกไม่น่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ไม่สามารถรับการโจมตีจากนางได้
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เขาไม่สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ได้
เขาเหมือนกับถูกลอบโจมตีแบบกระทันหันจนไม่สามารถตั้งตัวได้
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาได้เตรียมการป้องกันไว้แล้ว
”แกร้งแกร้ง!” ดาบทั้งสองของเขาหล่นลงกับพื้น
การที่เขาถอยมาแค่นี้แสดงว่านางออมมือให้เขา เมตตา?
แสดงความเมตตา?
เอาชนะเขาในการโจมตีครังเดียว!
เป็นไปไม่ได้
แม้แต่อาจารย์ของเขาก็ทำแบบนี้ไม่ได้
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ดวงตาของเขาเบิกกว้างจับจ้องไปที่หญิงสาวในชุดสีชมพู
”ท่าน?ท่านมาจากศาลาเต๋าสวรรค์งั้นหรือ…” ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจเขาทันที แม้นางจะไม่ได้ปรากฎตัวออกมาบ่อย แต่ชื่อเสียงของนางนั้นทุกคนล้วนรู้ดี
นางมีชื่อเสียงขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน
นางอายุเพียงสิบสามตามกฎนางไม่ควรจะได้เหยียบเข้าไปในศาลาเต๋าสวรรค์ด้วยซ้ำ
แต่นางกลับทำได้.ไอรีนโนเวล
และได้รับเชิญจากผู้นำศาลาเอง
แน่นอนว่ามันขัดกับกฎแต่ไม่มีใครกล้าตำหนินาง จากนั้นชื่อเสียงของนางก็กระจายไปไกล
”ข้าชื่อฉือ กูเหยียน” นางค่อยๆดึงดาบกลับไปช้าๆ
อาปู้ พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดวงตาของเขาเริ่มรู้สึกหนักจนเกินไป จนเขาเริ่มทนไม่ไหว
ด้านหน้าของเขาค่อยๆมืดลง
”ตึง!”ร่างของเขาล้มลงกับพื้น ราวกับเขาไม่สามารถรับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้จนเป็นลมไป
”ข้าชื่อฉือ กูเหยียน”
ฉือกูเหยียน!
น้อยคนนักที่จะเคยเห็นหน้านางนางเป็นคนที่ลึกลับและพิเศษมาก
รวมทั้งยังเป็นร่างทรงเต๋าสวรรค์
ไม่นานก็เกิดเสียงฝีเท้าเบาๆขึ้น
มันเป็นเสียงที่เหยียบลงบนทรายไม่นานร่างนั้นก็ปรากฎขึ้นที่หน้าประตู
รูปร่างของดูปกติทั่วไป
ผมยาวสีขาวไปจนถึงไหล่
เขาสวมเสื้อคลุมสีดำขนาดใหญ่พร้อมพันไว้ด้วยสายลัดแม้ร่างกายของเขาจะดูอ่อนแอเล็กน้อย แต่แสงจางๆเริ่มเปล่งออกมาจากหน้าผากของเขา
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้อยู่ในระดับเซียน
”เจ้าโตขึ้นมากเลยนะสี่ปีแล้วใช่ไหม? “ชายชรามองไปที่เด็กหนุ่มที่นอนสลบอยู่บนพื้นก่อนจะหันไปมอง ฉือ กูเหยียน ที่ยืนนิ่งอยู่ ดวงตาของเขาที่หลับอยู่ค่อยๆเปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ
ข้างหนึ่งเป็นสีดำส่วนอีกข้างเป็นสีขาว
มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก
”ฉือกูเหยียบยินดีที่ได้พบผู้อาวุโส” ฉือ กูเหยียน โค้งคำนับด้วยความสุภาพทันที
”หนึ่งขวดแลกกับสมุนไพรเพลิงพันปีสามใบ”ชายชราเริ่มพูดหลังจาก ฉือ กูเหยียน ทักทายเสร็จ
”ขอบคุณผู้อาวุโสแต่ข้าต้องการมากกว่านั้น!” ฉือ กูเหยียน ยืนยันอีกครั้ง
”แม้เจ้าจะเป็นฉือ กูเหยียน แต่ก็ต้องปฎิบัติตามกฎ ห้าใบนั้นมากที่สุดที่จะให้เจ้าได้แล้ว!” ชายชราขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป
“แม้ข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านยังไงแต่ข้าขอร้องให้ท่านมอบให้ตามจำนวนที่ข้าขอ ข้าจะหาทางตอบแทนท่านให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าข้าจะเสียอะไรไปก็ตาม!” ฉือ กูเหยียน พูดด้วยความมุ่งมั่น
”เจ้าสามารถให้เหตุผลกับข้าได้ไหม?”ชายชราถามอย่างเย็นชา
”เพื่อช่วยชีวิตใครบางคน”ฉือ กูเหยียน ตอบอย่างสงบ
”ช่วยใครบางคน?ถ้าเป็นเช่นนั้นใบเดียวก็พอแล้ว แต่ข้ายังใจดีให้เจ้าถึงห้าใบเพื่อเอาไปช่วยคน!” ชายชราพูดพร้อมกับมองไปที่ ฉือ กูเหยียน ด้วยสีหน้าแปลกๆ
”ไม่เขาต้องใช้ถึงหนึ่งกำมือ!”ฉือ กูเหยียน ส่ายหัว
”เขาเป็นคนตายหรือไง?”ชายชรายังคนถามต่อ
”ไม่”ฉือ กูเหยียน ปฏิเสธอีกครั้ง
”เขาเป็นอาจารย์ของเจ้า?”
”ไม่”
”บุคคลนี้มีความสำคัญต่อเจ้าหรือไม่?”
”ใช่”
”เจ้าแน่ใจงั้นหรือว่าจะช่วยเขาได้ด้วยสมุนไพรเพลิงพันปี?”
”ไม่แน่ใจ”
”เจ้า…เจ้าไม่แน่ใจ แต่กลับมาขอสิ่งนี้กับข้า?” ชายชราเริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
”ใช่ข้าอยากจะลองดู” ฉือ กูเหยียน ส่ายหัว
”ลอง?ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างเป็นการทดลองที่ยอดเยี่ยม!” ชายชราหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่า….การต่อสู้ครั้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้”
”โปรดชี้แนะด้วย!”ฉือ กูเหยียน ตอบกลับในทันที
”ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่เจ้าขอคำชี้แนะจากข้า!”ชายชราตอบกลับในทันที
และทันใดนั้นประตูหินอีกสองบานด้านหลังของเขาค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆร่างอีกสองร่างเดินออกมา พวกเขามีผมยาวสีขาวและสวมชุดคล้ายๆกัน
แน่นอนว่าพวกเขาดูไม่เหมือนคนแก่
สามเซียนของเกาะจันทราสีดำ
ค่อยๆใกล้เข้ามา
”ฉือกูเหยียน เจ้าต้องสู้กับพวกเราสามคนพร้อมกัน เจ้าแน่ใจงั้นหรือ?”ชายชราที่ยืนอยู่ตรงกลางมีรอยสักดวงจันทร์สีดำอยู่ที่หน้าอกพูดขึ้นมา
”อืม”ฉือ กูเหยียน พยักหน้าอย่างไม่ลังเล
”เจ้าคิดว่าการที่พวกเราสู้กับคนรุ่นเยาว์พร้อมกันจะดีงั้นหรือ?”ชายชราที่ยืนอยู่ด้านขวาถามขึ้นมาอย่างสงสัย
”ใช่”คนกลางพยักหน้า
”เข้าใจแล้ว”คนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายหยุดพูด ความสงสัยหายไปจากใบหน้าเขาทันที
ความคิดของพี่ชายของเขาไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
สี่ปีที่แล้วศาลาเต๋าสวรรค์จัดงานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่
เขาไม่ได้ติดตามพี่ชายไปด้วยนั่นทำให้เขาไม่ได้พบกับ ฉือ กูเหยียน
แต่เขาก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
สี่ปี…
ช่วงเวลาสั้นๆเพียงสี่ปี?
ตอนนั้นนางอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์
ชายชราทางซ้ายจ้องไปที่หน้าผากของฉือ กูเหยียน ไม่เห็นแสงส่องออกมา เขาก็โล่งใจ
แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องรู้สึกตกใจอีกครั้งเพราะแสงเปล่งประกายออกมาจากตัว ฉือ กูเหยียน
”นี่…นี่มัน!”ชายชราด้านซ้ายดูเหมือนจะนึกทุกอย่างออกเมื่อเห็นแสงเปล่งออกมารอบตัว ฉือ กูเหยียน
ฉือกูเหยียน ยืนนิ่งก่อนจะพลิกมือ ทันใดนั้นดาบเล่มหนึ่งได้ปรากฎขึ้นมา
มันเป็นดาบที่ดูธรรมดามาก
มันทำมาจากไม้สีแดงแต่มันก็เรียบสนิท ไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
ใบดาบคมอย่างชัดเจน
ความจริงก็คือดาบนั้นดูไม่ต่างจากอาวุธทั่วไปที่ขายในร้านข้างถนนแต่เมื่อดาบปรากฎขึ้นมา ใบหน้าของชายชราทั้งสามกลับเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
นั่นไม่ใช่เพราะดาบเล่มนี้มีความหลังที่ยิ่งใหญ่
แต่มันหมายความว่าฉือ กูเหยียน ไม่คิดจะเอาชนะพวกเขาด้วยอาวุธที่เหนือกว่า
เด็กคนหนึ่ง
ต่อสู้กับเซียนสามคนด้วยตัวคนเดียว
แต่นางกลับใช้ดาบธรรมดาๆที่หาได้ทั่วไปมันอาจจะเป็นเหมือนการดูถูก แต่ชายชราทั้งสามไม่คิดเช่นนั้น
คงไม่มีใครคิดจะดูถูกคนอื่นแต่ตัวเองกลับต้องมาอับดายด้วยความพ่ายแพ้ที่หลัง
..
คำอธิบายเดียวคือปกติแล้ว ฉือ กูเหยียน ไม่ได้ใช้ดาบ แต่นางกลับนำมันออกมาในวันนี้
ชายชราทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ดูเหมือนพวกเขาอาจจะคิดมากเกินไปเอง
แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะลดความระมัดระวังลง
”พวกท่านพร้อมแล้วงั้นหรือ?ข้าจะโจมตีแล้วนะ!” ฉือ กูเหยียน พูดขึ้นขณะจ้องไปที่ชายชราทั้งสาม ก่อนจะชี้ดาบไปที่ชายชราที่ยืนอยู่ตรงกลาง