Gate of God - ตอนที่ 656 ออกเดินทาง
ฟางเจิ้งจือ ไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อมองไปยังหน้าอันอ่อนล้าของนาง
สุดท้าย…
เขาก็ถอนหายใจออกมา
”เจิ้งเอ๋อร์.. เจ้าเห็นด้วยแล้วใช่ไหม?” ใบหน้าของ ฉิน ซูเหลียน เผยความตื่นเต้นออกมาเล็กน้อยทันที
”มันไม่สำคัญว่าข้าจะเห็นด้วยหรือเปล่าแต่ วู่ จวี้เอ๋อ ไม่มีทางยอม” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวทันที
”เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าได้คุยกับนางแล้ว และนางเห็นด้วยแน่นอน!” ฉิน ซูเหลียน ตอบกลัมมาราวกับนางรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพูดแบบนี้
ในที่สุดฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงยี่สิบงันที่ผ่านมา
เห็นด้วย?
คนอย่างนางจะเห็นด้วยกับมันจริงๆงั้นรึ?
แม้นางจะยังไม่รู้มาก่อนว่าของขวัญหมั้นคืออะไร?มันดูไม่ใช่ตัวนางที่มีนิสัยโลภมากแม้แต่น้อย
มันไม่ถูกต้องนางต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
นางไม่มีทางยอมเสียเปรียบแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือเขาจะแต่งงานกับนางไม่ได้จริงๆ
”ข้ารู้ว่าท่านแม่อยากมีหลาน…แต่เรื่องพวกนี้จะรีบไม่ได้” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ประตูและพบว่า วู่ จวี้เอ๋อ ยังไม่กลับมา มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
”ทำไมถึงไม่รีบล่ะ?จวี้เอ๋อ เองก็ตกลงแล้ว งานแต่งก็เตรียมไม่นาน ข้าไม่ว่าอะไรถ้าเจ้าจะแต่งงานกับหญิงสาวคนอื่นในอนาคตหรอก” ฉิน ซูเหลียน ดูไม่เต็มใจเท่าไรนัก
”ท่านแม่ลืมแล้วหรือว่าข้าเป็นองค์ชายคังแล้ว?”
”หมายความว่ายังไง?เจ้าจะไม่ฟังแม่อีกต่อไปแล้วหรือไง?”
”ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นที่ข้าหมายถึงคือ…ข้าต้องรายงานองค์จักรพรรดิก่อน” ฟาง เจิ้งจือ ไม่อยากจะหลอก ฉิน ซูเหลียน เขาจึงต้องเลือกทางนี้
”รายงาน?”ฉินซูเหลียน ถาม
”ใช่ท่านแม่คิดให้ดี ข้าพึ่งปฏิเสธการแต่งงานกับองค์หญิง ถ้าข้าแต่งงานกับ วู่ จวี้เอ๋อ ทันทีมันจะไม่เป็นการดูหมิ่นองค์จักรพรรดิหรอกหรือ?”
”เรื่องนี้…” ท่าทีของ ฉิน ซูเหลียน แข็งค้างไปทันที
”ข้าเข้าใจว่าท่านอยากมีหลานเอาอย่างนี้พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปรายงานองค์จักรพรรดิทันที ” ฟาง เจิ้งจือ ลองถาม
”ใช่ตอนนี้สถานะของฟาง เจิ้งจือ ต่างออกไปแล้ว!” ฟาง เฮ่าเตอ พยักหน้าทันทีที่ได้ยิน
”แน่นอนว่าข้ารู้แต่ว่า…”ฉิน ซูเหลียน ลังเล
”ไม่ต้องกังวลข้าเดินทางไปเมืองหลวงเพียงไม่กี่เดือนประมาณสองเดือนเท่านั้น ” ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เห็นแสงแห่งความหวัง
”ได้แต่เจ้าต้องสัญญาข้าเรื่องหนึ่ง เจ้าต้องแต่งงานกับ วู่ จวี้เอ๋อ ทันทีที่กลับมา!” ฉิน ซูเหลียน พูดหลังจากคิดอยู่นาน
”…” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกขมขื่น เขาทำได้แค่ตกลงเพื่อไม่ให้นางเป็นกังวลตอนเขาจากไป “ตกลงข้าเห็นด้วย!”
…
”ในเมื่อเจ้าเห็นด้วยไม่คิดจะกำหนดวันก่อนไปหน่อยงั้นหรือ?” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างของ วู่ จวี้เอ๋อ ที่เดินเข้ามา
”วู่จวี้เอ๋อ?!”สีหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไปทันที
เขาไม่คิดว่านางจะกลับมาแล้ว
”นางพูดถูก!”ฟาง เฮ่าเตอ พยักหน้าทันที
”อืมมานี่เร็ว มีของอยู่ในกล่องนี้ เจ้ามาลองเลือกไปสิ ถ้าเจ้าชอบอะไรก็เอาไปได้เลย มันเป็นของขวัญสำหรับการแต่งงาน” ฉิน ซูเหลียน รีบเรียก วู่ จวี้เอ๋อ ทันที
จากคำพูดของนางก่อนหน้านี้เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านางจะแต่งงานกับฟาง เจิ้งจือ มันทำให้ ฉิน ซูเหลียน ยินดีเป็นอย่างมาก
”ขอบคุณมากท่านป้า”วู่ จวี้เอ๋อ เดินตัวลอยไปยังกล่องไม้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความยินดี
แต่เมื่อฟาง เจิ้งจือ เห็นแบบนั้นเขากลับรู้สึกแย่กว่าเดิม
เขาอุตส่าห์นำของเหล่านี้ออกห่างจากนางเขาพยายามอย่างมากทำงานเพื่อแลกของเหล่านี้มา
แต่ละชิ้นหลังจากนางให้เขานางถึงกลับนอนซมไปหลายวัน
แต่ตอนนี้…
สมบัติเหล่านั้นกลับมาวางอยู่หน้านาง
และเขารู้ว่านางต้องเลือกชิ้นที่มีค่ามากทีสุดแน่นอน
แต่อนิจจาเขาดูถูกนางเกินไป
”ท่านป้าข้าชอบทั้งห้าชิ้นเลย! ขอบคุณท่านป้ามาก!” วู่ จวี้เอ๋อ กล่าวออกมา
ฟางเจิ้งจือ ตัวแข็งทันที
ฉินซูเหลียน ก็เช่นกัน แต่หลังจากนั้นนางก็ยิ้มออกมา “งั้นเจ้าก็เอาไปเถอะยังไงพวกข้าก็ไม่ได้ใช้อะไรอยู่แล้ว และนี่ก็เป็นเงินจำนวนหนึ่งเจ้าควรเอาไปด้วย…”
”แม่ข้าขออยู่คนเดียวสักครู่ได้ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกหหมดอาลัยตายอยาก เขารู้ว่านางร้ายกาจ แต่เขาไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้
เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการขุดสมบัติทั้งห้าออกจากนิกายเงา
เชี่ยเอ้ย!
”เชิญเจ้าตามสบาย”ฉิน ซูเหลียน โบกมือให้ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะดึง วู่ จวี้เอ๋อ เข้ามาใกล้”เจ้าเลิกเรียกเรียกข้าว่าท่านป้าได้แล้ว”
”ข้ารู้แล้วท่านแม่” วู่ จวี้เอ๋อ ยิ้มก่อนจะพยักหน้า
”หึเสแสร้ง!” ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาดวยความหงุดหงิด
”ท่านแม่เขารังแกข้า!” วู่ จวี้เอ๋อ ทำหน้าตาเศร้าก่อนหันไปหา วู่ จวี้เอ๋อ ทันที
”เจิ้งเอ๋อร์!ถ้าเจ้าทำอะไรไม่ดีกับ จวี้เอ๋อ อย่าหวังว่าข้าจะยอม!” ฉิน ซูเหลียน ดึง จวี้เอ๋อ เข้ามากอดทันที
”….” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ฉิน ซูเหลียน และ จวี้เอ๋อ ฟาง เฮ่าเตอ ก็เช่นกัน พวกเขาต่างยืนเงียบ
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมฟาง เจิ้งจือ รู้สกว่าตัวเองกำลังถูกโดนรุม
เดี๋ยวนะ!
มีบางอย่างผิดปกติ
วู่จวี้เอ๋อ ไม่ใช่ภรรยาของเขาแน่นอน
แต่ว่า…
สมบัติของเขาและเงินแปดหมื่นอยู่ที่นางแล้ว
ไม่มีทาง!ข้าต้องเอาพวกมันคืนมา!
…
คืนนั้นอากาศหนาวเย็นเมื่อดวงจันทร์ลอยขึ้นสูง
แม้ว่าช่วงนี้อากาศจะไม่ได้หนาวมากแต่หัวใจของ ฟาง เจิ้งจือ กลับรู้สึกหนาวเหน็บ
”เจ้าจะจ่ายดอกเบี้ยในสิ่งที่เจ้าเอาจากข้าไปไหม?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ วู่ จวี้เอ๋อ ด้วยใบหน้าอันดำมืด
นางดูสวยมากในตอนนี้ใบหน้าอันงดงาม ร่างกายอันได้ทรวดทรง
แต่ว่า…
ฟางเจิ้งจือ รู้มาตลอดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ วู่ จวี้เอ๋อ นางดูไร้เดียงสา แต่เก่งเรื่องการทรยศผู้อื่น
อย่างเช่นจนตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแพ้นาง ครั้งหน้าเขาจะป้องกันตัวเองได้ยังไง?
มันเป็นไปไม่ได้เลย!
การใช้ประโยชน์จากฉิน ซูเหลียน ทำให้นางกังวล ไอลีนโนเวล
”เจ้าอยากได้ดอกเบี้ยแบบไหนล่ะ?”วู่จวี้เอ๋อ เงยหน้าขึ้นมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ นางกระพริบตาเล็กน้อยเพื่อดึงดูดเขา
”พรุ่งนี้เมื่อข้าไปแล้วฝากทางนี้ด้วย” ฟาง เจิ้งจือ เห็นแววตาของนางแล้วบอกตัวเองว่าห้ามติดกับนางเด็ดขาด
”ตกลง”วู่ จวี้เอ๋อ ตอบกลับเกือบจะทันที
”งั้นก็เท่านี้”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าก่อนจะหันหลังไป แต่ก่อนจะก้าวออกไปเขาก็หันกลับมาอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
”มั่นใจได้เลยข้าจะทวงทุกสิ่งกลับคืนมา … ”
วู่จวี้เอ๋อ จ้องไปที่ท่าทางของ ฟาง เจิ้งจือ และอยากจะอธิบายบางอย่าง แต่นางก็กลืนพวกมันกลับเข้าไป
เพราะนางรู้สึกแปลกๆที่หน้าอก
นางมองลงมาและเห็นมือที่กดลงบนหน้าอกของนางยิ่งกว่านั้นดูเหมือนมือนั่นกำลังบีบมันอย่างแรง ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ
จากนั้น..
นางรู้สึกราวกับฟ้าผ่า
ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือทำให้ร่างของนางสั่นเทา
ตัวของนางสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
”นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ!”
ใบหน้าที่จริงจังเผยรอยยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับร่างของ ฟาง เจิ้งจือ ที่หายไปเหลือแต่ความอบอุ่นจากการสัมผัสทิ้งไว้เท่านั้น
….
วันต่อมาตอนเช้าตรู่ในหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ
ด้วยทักษะในการแสดงของวู่ จวี้เอ๋อ มันทำให้เมื่อชาวบ้านรู้เรื่องที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างเตรียมงานเฉลิมฉลอง
ไม่มีใครเศร้าหรือเสียใจแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามท่าทีของ วู่ จวี้เอ๋อ ดูจะไม่ค่อยมีความสุขนัก ก่อนนางจะค่อยๆขับบทกลอนเพื่อบรรยายถึงช่วงเวลาที่ต้องจาก ฟาง เจิ้งจือ ขณะที่น้ำตาไหลคลออกมา
”…”
แม้ชาวบ้านจะไม่เข้าใจในความหมายของบทกลอนแต่พวกเขาก็เริ่มหลั่งน้ำตาเมื่อมองดู วู่ จวี้เอ๋อ
ส่วนฉิน ซูเหลียน และ ฟาง เฮ่าเตอ ต่างยืนเงียบ
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนานนักแต่ก่อนเขาจะออกไป เขาได้ชูนิ้วกลางใส่นาง “เสียใจที่ต้องจากกันรึ? ข้าเกือบจะเชื่อแล้ว!”
…
หลังจากก้าวออกจากหมู่บ้านไปฟาง เจิ้งจือ หยุดอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยุดมองท้องฟ้า
ดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างช้าๆ
แสงสีทองส่องสว่างบนถนนหนทาง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…
ร่างๆหนึ่งปรากฎขึ้นใต้ต้นไม้ณ เชิงเขาคังหลิง
”ข้าอยู่นี่”หยุน ชิงวู เดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่ ผมสีดำพลิ้วไหวขณะที่ดวงตาของนางจ้องมาที่ ฟาง เจิ้งจือ
”เอ่อใช่ข้ามาแล้ว” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?”หยุนชิงวู ถาม
”เพราะว่าเวลาหนึ่งวันได้หมดลงแล้ว”ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับ
”ข้ารู้”หยุน ชิงวู ยืนขึ้นและพยักหน้าเบา ๆ ขณะที่นางจ้องมองท้องฟ้า จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะกลับมา”
”ข้าก็ไม่ได้คิดจะกลับมา”ฟาง เจิ้งจือ เผยรอยยิ้ม
”แน่ใจหรือว่าไม่เสียใจที่มาที่นี่?”
”มั้ง”
”การทดสอบศาลาเต๋าสวรรค์ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้วต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการเดินทางไปที่นั่น เจ้าจะไปทันหรือ?”หยุน ชิงวู ถามอีกครั้ง
”ข้าประหยัดเวลาได้สามสี่วันถ้าไม่ลงไปทางเมืองหลวง”ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างเรียบง่าย
”สามสี่วัน?ถึงจะประหยัดได้ห้าวัน เจ้าก็ยังไปไม่ทันอยู่ดี ไม่มีใครได้รับอนุญาติให้ไปสายได้ และถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้ายังไม่มีเหรียญตราในการทดสอบเลย”
”ข้าไม่เคยพูดเลยนะว่าจะเข้าร่วมการทดสอบของศาลาเต๋าสวรรค์”ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเบาๆ
”เจ้าจะไม่เข้าร่วมหรือ?”หยุนชิงวู ถามอีกครั้ง นางจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ
บรรยากาศ…
เงียบอยู่นานมาก
ในที่สุดนางก็เลิกจ้องท้องฟ้า
”ข้าจะปล่อยให้เจ้าดูแลกล่องนี้ไปสักพัก”
”กล่อง?นั่นอะไร?”ฟาง เจิ้งจือ จ้องไปที่กล่องสีดำขอบสีทองในมือของ หยุน ชิงวู
”ศิลาเซียนทั้งสิบสามชิ้น”หยุน ชิงวู พูดขึ้นและวางกล่องสีดำลงบนพื้น จากนั้นนางก็หันหลังแล้วเดินจากไป
”ทำไมเจ้าถึงให้ศิลาเซียนกับข้า?”
”ข้าบอกว่าให้ดูแลสักพักข้าจะกลับมาเอาคืนในอีกสี่เดือน!”
”สี่เดือนก่อนข้าจะตายรึ? ก็ฟังดูไม่เลว แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะคืนให้เจ้า?”ฟาง เจิ้งจือ เผยยิ้ม
”ก่อนหน้านี้ข้าไม่เชื่อแต่ตอนนี้เชื่อแล้ว”
”เพราะข้ากลับมาอย่างนั้นหรือ?”
”คงใช่”
”ที่จริงแล้วที่ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าข้าจะไปแล้ว เจ้าไม่ต้องรอข้า!”ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนใส่ หยุน ชิงวู ในขณะที่นางกำลังเดินจากไป
”ตึก!”ขาของหยุน ชิงวู สั่นเทาราวกับว่านางสะดุดอะไรบางอย่าง แต่นางก็ไม่ได้หยุดเดิน
นางหายเข้าไปในป่า
….
ศาลาเต๋าสวรรค์สร้างอยู่บนภูเขาอยู่บนปลายดาบ
ที่มันถูกเรียกว่าปลายดาบไม่ใช่เพราะมีดาบอยู่บนภูเขา แต่เพราะภูเขาลูกนั้นมีรูปทรงคล้ายดาบแบนและสูงแหลม
นอกจากนั้นยังมีสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วน
นั่นเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สำคัญมันไม่มีเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเขาสามด้านที่เต็มไปด้วยป่าไม้ หรือหน้าผาที่คล้ายทรงดาบ
ที่นั่นไม่มีถนนหนทางแม้แต่สายเดียว…
แต่วันนี้วันสำคัญของศาลาเต๋าสวรรค์ ที่ตีนเขาจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่สวมชุดอย่างเต็มยศ
และแน่นอนมีเด็กหนุ่มคนหนี่งที่มีความมั่นใจอย่างมาก ขับขี่อยู่บนตัวของสัตว์ร้าย ชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์พลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงอาทิตย์ส่องแสงประกาย เผยให้เห็นคำว่าเต๋าสวรรค์ที่ปักอยู่บนหน้าอกของเขา
เพจหลัก: Double gate TH