Gate of God - ตอนที่ 658 ปลอมตัว
”ไม่เท่าไหร่?!เจ้า …. “กงฉิงจ้องร่างที่ปรากฏต่อหน้าเขา เขาไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะวางยาเขาจริงๆ แถมยังลอบทำร้ายจากด้านหลัง แล้วยังมองกลับมาด้วยสีหน้าไม่สลดอีก
นั้นทำให้รู้สึกว่าเขาถูกเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
ไร้ยางอายอะไรเช่นนี้?
กงฉิงโกรธแค้นชายคนนั้นที่เหยียดหยามตัวเขาทั้งยังทำให้ศาลาเต๋าสวรรค์ต้องเสื่อมเกียรติ
เขายังคงมองไปที่ร่างของชายคนนั้นอายุของเขาราวๆสิบเจ็ด สิบแปดเท่านั้น แต่เขามั่นใจว่าชายคนนั้นไม่ได้อยู่ในสามสิบสองคนที่มาเข้าร่วมการทดสอบ
เขาเป็นใครกัน?
เขาเป็นศิษย์ของที่อื่นงั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
ศาลาเต๋าสวรรค์ก่อตั้งมาหลายปีแล้วในวันสำคัญเช่นนี้ สำนักต่างๆคงไม่คิดจะสร้างความบาดหมางแน่
”เจ้าเป็นใคร…”กงฉิงรู้ดีว่าถ้าเขาตะโกนขอความช่วยเหลือ เขาจะถูกฆ่าในทันที เขาจึงพยายามใช้เสียงที่เบา เพราะต้องการรู้เหตุผลการมาเยือนของชายคนนี้
ชายคนนั้นไม่ปล่อยให้กงฉิงมีโอกาสได้พูดเขาใช้ไม้ฟาดที่หัวของกงฉิงในทันที
”ตึง!”
จากนั้นกงฉิงก็หมดสติไป
”ข้าคิดว่าจะต้องลำบากกว่านี้เสียอีกแต่ดูเหมือนจะประเมิณเจ้าสูงไปหน่อย” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวก่อนจะเก็บไม้ไป
จากนั้นเขาก็วางแผ่นใยแก้วบางๆลงบนใบหน้าของกงฉิงเขาลูบมันไปมา แม้จะไม่ได้ทำอย่างอ่อนโยนแต่ก็ยังคงพิถีพิถัน
ความสามารถในการปลอมตัว
นั่นเป็นความรู้ขั้นสูง
ในช่วงปีที่ผ่านมาฟาง เจิ้งจือ ได้เรียนรู้วิชาความรู้มากมายที่เป็นประโยชน์จากนิกายเงาการวางยา การปลอมตัว การพรางตัว
แน่นอนว่าการวางยาผู้ช่ำชองอย่างกงฉิงจะใช้วัตถุดิบทั่วไปไม่ได้ แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะเซียนสวรรค์พักพิงเป็นถึงกูรูด้านการปรุงยา
และฟาง เจิ้งจือ ที่อยู่รอบตัวเซียนตลอดเวลา คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะขโมยมันมา
มีคำพูดหนึ่งที่ว่า
ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็อย่าได้ประมาทมีดทำครัว
การเตรียมพร้อมเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งไปกว่านั้น ฟาง เจิ้งจือ มีกืนกินโลกอยู่กับตัว เขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องจะการเก็บสิ่งของ
หลังจากนั้นไม่นาน
ฟางเจิ้งจือ ก็ทำหน้ากามนุษย์เสร็จสิ้น ก่อนจะถอดเสื้อของกงฉิงออกมา จากนั้นก็พันตัวกงฉิงราวกับชิ้นเกี๊ยวและโยนเขาทิ้งไว้ด้านข้าง
ทุกอย่างจะสำเร็จเมื่อฟาง เจิ้งจือ สวมชุดของศิษย์แห่งศาลาเต๋าสวรรค์ ชุดยาวสีขาวที่มีคำว่า เต๋าสวรรค์ ปักอยู่ มันดูสง่างามอย่างมาก
”ฮ่าฮ่าศาลาเต๋าสวรรค์ ข้ามาถึงแล้ว!”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่กงฉิงตรงมุมห้อง
สองสามวันที่ผ่านมาฟาง เจิ้งจือ ลำบากลำบนมากเพื่อรีบมาเข้าร่วมการทดสอบ
สุดท้ายเขาก็ยังมาสายอยู่ดี
ทันทีที่เขามาถึงเวลาของการสมัครเข้าร่วมการทดสอบก็หมดลงแล้ว การทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว
เพื่อไม่ให้คนอื่นแตกตื่นเขาจึงตัดสินใจทำตามแผนการนี้
งีบหลับ
เพราะจริงๆแล้วเขาไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว
แต่เขาไม่คิดเลยว่ากงฉิงจะเข้ามาในบ้านไม้เร็วขนาดนี้นอกจากนี้ดูเหมือนเขาจะอาบน้ำ
ฟางเจิ้งจือ จะทนดูผู้ชายอาบน้ำต่อหน้าเขาได้ยังไง?
เขาจึงเลือกทำเช่นนี้
สุดท้าย..
กงฉิงก็นอนสลบอยู่บนพื้น
ความจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดของฟาง เจิ้งจือ เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีกงฉิง
เขาคิดจะปลอมตัวเป็นผู้เข้าร่วมคนอื่น
แต่เพราะสถานการณ์ทำให้แผนการเเปลี่ยนไปเล็กน้อยมันช่วยไม่ได้
นี่คือการทดสอบ
การเป็น”ผู้คุมสอบ” คงดีกว่า “ผู้เข้าร่วม” ใช่หรือไม่?
ฟางเจิ้งจือ ไม่เสียใจกับการตัดสินใจของเขา เขาไม่ได้คิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าศาลาเต๋าสวรรค์รู้เรื่องนี้เข้า
เขาไม่คิดจะเป็นศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์จากสถานการณ์ตอนนี้ พวกเขาคงไม่ชอบข้าแล้วหละ
ศาลาเต๋าสวรรค์คงไม่เข้าข้างเขาหรอก?
ทำไมเขาต้องเข้าศาลาเต๋าสวรรค์ด้วย?
นอกจากนี้เขามีชีวิตอยู่ได้น้อยกว่าสี่เดือนนั่นหมายความว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะเสี่ยง
เขาขี้เกียจจะคิดถึงผลจากการกระทำของเขาเขาไม่สามารถรักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้ เขาคิดจะทำมากกว่านี้
เขาจะปล้นสมบัติทั้งหมดของศาลาเต๋าสวรรค์ถ้ามีโอกาส
หลังจากเตรียมการฟาง เจิ้งจือ เตรียมจะออกไปข้างนอกในฐานะศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ แต่ในขณะที่เขากำลังจะยกขาของ กงฉิง ก็มีม้วนกระดาษหนึ่งตกลงมา
”มันคืออะไรกัน?”ฟาง เจิ้งจือ หยิบมันออกมาและพลิกหน้าไปเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาอย่างสดใส
ดูเหมือนกงฉิงจะใช้เวลาอย่างมากในการเตรียมตัวเป็นผู้ดูแลการคัดเลือกเขาได้เตรียมคำถามในปีก่อนๆเอาไว้
แน่นอนว่า…
มีเพียงคำถามที่ไม่มีคำตอบ
…
ขณะที่ฟาง เจิ้งจือ กำลังอ่านหนังสือที่ตกอยู่ด้านในบ้านนั้นเอง ได้มีสัตว์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งบนอยู่เหนือศาลาเต๋าสวรรค์ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเกรงขาม
”องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรแสงจันทร์ได้เดินทางมาถึงแล้ว!”เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ประตูทางเข้าของศาลาเต๋าสวรรค์ เหล่าลูกศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ก้าวเดินไปทางประตูสามก้าวทันที
ประตูของศาลาเต๋าสวรรค์ไม่มีทางเป็นประตูธรรมดามันมีรูปปั้นมนุษย์ที่ทำจากหยกสีขาวอยู่ที่ทั่งสองด้านของประตู
ด้านซ้ายมีผมสีขาวยาวสวมชุดนักปราชญ์ยาวสีขาวด้านหลังมีดาบสีเขียวอยู่
รูปปั้นด้านขวานั้นดูอายุน้อยกว่าเขามีดวงตาที่เฉียบคมใบหน้าอันนิ่งเฉยดาบเหน็บอยู่ที่เอวของเขา เขาเองก็สวมชุดนักปราชญืสีขาวเช่นกัน
ในฐานะศิษบ์ของศาลาเต๋าสวรรค์พวกเขาก้าวไปที่ด้านหน้ารูปปั้นทั้งสอง จากนั้นก็มีสองคนพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ร่างหนึ่งมีผมสีขาวสวมชุดสีทองขณะที่อีกร่างดูเหมือนจะอยู่ในวัยกลางคน
”ยินดีต้อนรับท่านทั้งสองหัวหน้าศาลาเต๋าสวรรค์ได้รอพวกท่านอยู่ที่แท่นบูชานานแล้ว!”
”เยี่ยมมากโปรดนำทางไป”ชายวัยกลางคนพยักหน้าทันทีหลังจากได้ยิน “โอ้ใช่ น้องชายหกของข้าเดินทางมาถึงที่นี่แล้วหรือยัง? เขานั้นมีพรสวรรค์กว่าข้ามาก…”
”ท่านหมายถึงองค์ชายหก?”ศิษย์คนหนึ่งถามขึ้นมา
”แน่นอน!”
”ข้าเสียใจด้วยเป็นอย่างยิ่งองค์ชายหกนั้นหุนหันพลันแล่นไปเสียหน่อยจึงถูกตัดสิทธิ์จากการทดสอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!”
”เรื่องนี้…ข้า…ไม่น้องชายข้าอยู่ในระดับจุติแล้วนะมันเป็นไปตามเงื่อนไขของศาลาเต๋าสวรรค์ แต่เขากลับถูกตัดสิทธิ์ทั้งๆที่การทดสอบยังไม่เริ่มเนี่ยนะ?”
”พลังเป็นแค่เงื่อนไขเพียงอย่างหนึ่งเท่านั้นศักยภาพและความคิดนั้นสำคัญกว่ามากยิ่งไปกว่านั้นการทดสอบได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ที่ฝ่าเท้าเหยียบลงที่ตีนเขา ถ้าองค์รัชทายาทไม่มีคำถามอื่นแล้วโปรดให้ข้าพาท่านไปที่แท่นบูชา” ศิษย์คนนั้นอธิบาย
”เห้อ…” องค์รัชทายาทของอาราจักรแสงจันทร์ถอนหายใจก่อนจะหันไปสบตากับชายผมขาว่ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้พูดอะไรกัน และรีบเดินตามศิษย์คนนั้นไป
ตอนนั้นเองศิษย์อีกคนหนึ่งก็เดินขึ้นไปด้านหน้าเพื่อต้อนรับอีกสองคนที่มาถึง
”ฝ่าบาทและราชาเซี่ยนจากอาณาจักรเซี่ยได้เดินทางมาถึงแล้ว!”
”สวัสดีท่านฑูต!” ไอรีนโนเวล
”ฝ่าบาทราชาเซี่ยน โปรดตามข้าไปพบผู้นำศาลาเต๋าสวรรค์!”
”แน่นอนรบกวนท่านฑูตด้วย” หลิน มู่ไป่ พยักหน้า ก่อนจะเหลือบมอง หลิน หยุน ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา
แต่หลิน หยุน กลับกำลังหันไปมองด้านหลัง
อากาศด้านบนยอดเขาค่อนข้างหนาวเย็นคิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย แต่ก้ไม่นาน เขารีบตาม หลิน มู่ไป่ ไปทันที
…
ในศาลาเต่าสวรรค์ณ แท่นบูชา
มีแผ่นหินคริสตัลสีดำตั้งอยู่ด้านหน้าของอนุสาวรีย์สีขาวตัวอักษรสีทองเด่นชัดอยู่บนนั้น
รอบๆมีเหล่าศิษย์กำลังยืนอยู่จำนวนมากพวกเขากำลังถือดาบและคัมภีร์อยู่ในมือ พวกเขายืนนิ่งเต็มไปด้วยความจริงจัง
ห่างออกมารอบๆลานมีโต๊ะหยกสีขาวตั้งอยู่จำนวนมาก
หลินมู่ไป่ และ หลิน หยุน นั่งอยู่ข้างๆกันพร้อมกับคนอื่นๆอีกสองสามคนรอบๆโต๊ะ
”ท่านผู้นำเหล่าราชาและองค์ชายจากแต่ละดินแดนเดินทางมาครบแล้ว การทดสอบได้เริ่มขึ้นแล้วแต่…” ศิษย์คนหนึ่งเดินเข้ามา
”กูเหยียนยังไม่กลับมา?”
”ใช่…”
”ไม่มีปัญหาพรุ่งนี้เป็นวันแห่งคำพยากรณ์ ข้าเชื่อว่านางต้องกลับมาทันที” ชายชราสายหัวและส่งสัญญานให้ศิษย์คนนั้นถอยไป
”รับทราบ”
ชายชราลุกขึ้นเช่นกันเขาเท้าเปล่าและสวมชุดสีขาว เขามองไปรอบๆและส่งยิ้มให้ทุกคน
”ข้าขอโทษพวกท่านด้วยกับการต้อนรับที่อาจจะไม่ดีเท่าไรนัก”
”ท่านสุภาพเกินไปแล้ว”
ข้าเชื่อว่าพวกท่านคงสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของศาลาเต๋าสวรรค์จากครั้งก่อน”
”ท่านผู้นำศาลาคงพูดถึงเรื่องการมาถึงของคำพยากรณ์?”
”ใช”
”แม้ว่าผู้ที่ถูกเลือกฉือ กูเหยียน จะเป็นคนของอาณาจักรเซี่ย แต่คำทำนายนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเรา ดังนั้น เรา จะ พลาดเรื่องสำคัญแบบนี้ได้ยังไง?”
”อืมจริงๆแล้วมันก็เกี่ยวข้องกับพวกเราทุกคน…”ผู้นำศาลา มู่ ฉิงเฟิง เงยหน้ามองท้องฟ้า
….
ฟางเจิ้งจือ ใช้เวลาอ่านสมุดเล่มนั้นกว่าสามสิบนาที
ทุกคนเริ่มเชื่อฟังมากขึ้นหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับองค์ชายหกจากอาณาจักรแสงจันทร์
ไม่มีใครกล้าซักถามฟาง เจิ้งจือ ที่ใช้เวลาอยู่ในบ้านนานมาก
พวกเขายืนขึ้นอย่างเงียบๆ รออย่างอดทน… ….
”พี่กงฉิง!”ศิษย์ทั้งสามทักทายเขาอย่างสุภาพ
”อืม”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและโบกมือให้อย่างไม่เป็นทางการในฐานะ “ศิษย์พี่” เขาก็ควรทำตัวให้สมกับการที่เป็นผู้ที่มีอาวุโสมากกว่า
ก่อนที่เขาจะมองไปรอบๆตอนนี้เหลือเหล่าชนชั้นสูงอยู่สามสิบเอ็ดคน ด้วยความรวดเร็วเขาก็สังเกตุเห็น เหยียน ซิว ยืนอยู่ท่ามกลางฝุงชน
เขาเกือบจะเดินไปหาเหยียน ซิว แล้ว
แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้
สิ่งที่สำคัญที่สุดระหว่างเพื่อนคืออะไร?
ความเชื่อใจ!
ฟางเจิ้งจือ รู้ดีว่าเขาสามารถเชื่อใจตัว เหยียน ซิว ได้ แต่เขาไม่คิดว่า เหยียน ซิว จะต้องการให้เขาช่วยเพื่อผ่านการทดสอบ และถ้าเขาเข้าไปช่วยมันจะทำให้เสียความเชื่อใจที่มีต่อกัน
ถ้างั้น..
เขาทำอะไรได้บ้าง?
อย่างน้อยเขาก็ต้องทำอะไรที่น่าตกใจหรือให้พวกเขานับถือ
เช่นตัดสิทธิ์ทุกคน?
และเหลือเพียงเหยียน ซิว เอาไว้?
แน่นอนว่าวิธีนี้ไม่น่าใช่ตัวเลือกที่ดี….