Gate of God - ตอนที่ 666 ขึ้นสู่ศาลา
การทดสอบของศาลาเต๋าสวรรค์ นั้นมีชื่อเสียงในด้านความเข้มงวด แต่มันก็ไม่ขนาดที่เหล่าชนชั้นสูงจากสี่ดินแดนถูกคัดออกจนหมด
นั่นเป็นเพียงส่วนแรกเท่านั้น….
ตามปกติแล้วการทดสอบในรอบแรกพวกเขาจะกำจัดผู้เข้าสอบออกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเพื่อให้พวกเขาเย่อหยิ่งน้อยลง หรือถามคำถามเพื่อดูว่าใครมี่ความทะเยอทะยานแค่ไหน
อย่างมากที่สุดที่เคยถูกคัดออกในรอบนี้คือสามคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามด้วยสิ่งใดก็ไม่ทราบได้ครั้งนี้มีผู้เข้าสอบถูกคัดออกสิบสี่คน
และผู้เข้าสอบยังถูกคัดออกอย่างต่อเนื่อง
ผู้อาวุโสทั้งสองมองไปยังผู้เข้าสอบๆก่อนจะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขามีความรู้สึกที่หลากหลายเกี่ยวกับสถานการณ์ในขณะนี้
พวกเขาเตรียมใจก่อนที่จะลงมาจากศาลาเต๋าสวรรค์แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่น่าตกใจขนาดนี้ขึ้น!
ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกกลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก…
เกิดอะไรขึ้น?
ความทราบซึ้ง?ยินดีแม้ถูกคัดออกในรอบแรก?
มันไม่น่าเชื่อแม้แต่น้อยคงไม่มีใครในศาลาเต๋าสวรรค์เชื่อถ้าไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ด้วยตาตัวเอง
แต่ทั้งหมดเป็นความจริง
ที่สำคัญกว่านั้นผู้เข้าแข่งขันสิบเจ็ดคนที่เหลือดูเหมือนจะกระตือรือร้นที่จะถูกสอบถามโดยฟาง เจิ้งจือ ผู้อาวุโสห้าและผู้อาวุโสสามต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ
หากพวกเขาไม่ให้กงฉิงทำการทดสอบต่ออาจจะถูกมองว่าเป็นการรังแกผู้เยาว์ได้ หรือมากกว่านั้นเขาอาจจะถูกกล่าวหาว่าทำไปเพื่อแย่งความดีความชอบจากกงฉิง
เอายังไงดี?
พวกเขาควรให้กงฉิงทำการทดสอบต่อไปดีหรือไม่?
ผู้อาวุโสทั้งสองลังเลเพราะพวกเขาเป็นคนให้อำนาจกงฉิงในการทำการทดสอบเอง
ตอนแรกพวกเขาคิดจะใช้การทดสอบนี้ชี้ให้เห็นถึงข้อด้อยของตัวกงฉิงเองแต่ตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกรู้แจ้งจากสิ่งที่ กงฉิง พูดไปด้วย
มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
พวกเขาต้องการหยุดทั้งหมดแต่ไม่สามารถหาเหตุผลที่จะหยุดสถานการณ์นี้ได้ หากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป การทดสอบรอบสุดท้ายคงเหลือผู้เข้าสอบไม่ถึงสามคนเท่านั้น
ด้านบนศาลาเต๋าสวรรค์นั้นมีเหล่าจักรพรรดิและเซียนจากทั้งสี่ดินแดนมารอผลการคัดเลือกด้วยความคาดหวัง
แต่….
ถ้าพวกเขาเหลือแค่สามคนล่ะ?
ศาลาเต๋าสวรรค์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
ขณะที่ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้ากำลังใคร่ครวญเรื่องนี้ตอนแรกพวกเขาคิดว่าลูกแกะตรงหน้านั้นพวกเขาสามารถจัดการได้ทุกเวลา แต่ตอนนี้มันกลับอยู่เหนือการควบคุมของพวกขเา
”ไม่เรื่องนี้จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!”ผู้อาวุโสสามกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาสว่างวาบ
แต่ขณะที่พวกเขากำลังจะเคลื่อนไหวนั่นเอง….ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
”ดีคำพูดนั้นเป็นคำพูดที่ดีจริงๆ!จากนี้เป็นต้นไปเจ้าเป็นหนึ่งในศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์!”
”ศิษย์?!”ดวงตาของผู้อาวุโสสามเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของฟาง เจิ้งจือ แต่เขาไม่เข้าใจ ทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงพูดว่า”ศิษย์?”
ผู้เข่าแข่งขันที่เตรียมใจที่จะถูกคัดออกเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
”มีอีกคนผ่านการทดสอบแล้ว!”
”ไม่ใช่แค่ผ่านแต่เขากลายเป็นศิษย์ทันที!”
”นี่คือการทดสอบรอบสุดท้ายแล้วงั้นหรือ?ไม่มีทางทำไมกัน?!”
ดูเหมือนไม่มีใครจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
แม้แต่หนานกง มู่ ก็ตกตะลึงเช่นกัน ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
เขายังคงสับสน
”ศิษย์?นี่หมายความว่าข้าสามารถเข้าสู่ศาลาเต๋าสวรรค์ได้เลย!” หนานกง มู่ งุนงงจากท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ จากที่เขาศึกษามาการทดสอบของศาลาเต๋าสวรรค์นั้นประกอบไปด้วยสามส่วน”
”พี่กงฉิงนี่แค่รอบแรกเท่านั้น!”ศิษย์ทั้งสามคนยืมมอง ฟาง เจิ้งจือ อย่างเงียบๆ และมองดูใบหน้าดำมืดของผู้อาวุโส พวกเขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเพื่อเตือน ฟาง เจิ้งจือ
”รอบแรก?โอ้…. ใช่ ข้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อได้พบกับคนที่มีความสามารถ หนานกง มู่ ไม่ต้องกังวลไป จากความสามารถของเจ้า น่าจะผ่านเข้าไปได้อย่างไม่ต้องเสียเหงื่อแม้แต่น้อย เชื่อข้า ผู้อาวุโสของเรามีเหตุผลและมีน้ำใจมากพอ พวกเขาจะเข้าใจแน่นอน!”ฟาง เจิ้งจือ ตอบสนองทันทีที่ได้ยินเสียงเตือนจากศิษย์ทั้งสามคน
”ผู้อาวุโสทั้งสองต้องเข้าใจ?”
”ผู้อาวุโสทั้งสองต้องมีน้ำใจแน่นอน?”
ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าต่างสบตากันก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น ด้วยสติปัญญาของพวกเขา จะไม่เข้าใจความหมายของ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยังไง
เห็นได้ชัด…
การเป็น’ผู้อาวุโส’ หากพวกเขาปฏิเสธ หนานกง มู่ สุดท้ายแล้วพวกเขาจะถูกมองว่าเป็นคนที่ตามืดบอด
”เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจ!”ใบหน้าของผู้อาวุโสห้าสั่นเล็กน้อย ก่อนจะหันมองผู้อาวุโสสาม
”แค่กแค่ก!”ผู้อาวุโสสามกระแอมเล็กน้อย
ดูเหมือนว่า….. Aileen-novel
มันช่วยไม่ได้!
ฟางเจิ้งจือ เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงกระแอม ในขณะที่เขาชี้ไปที่ เหยียน ซิว อย่างเยือกเย็น
”เจ้าเหยียน ซิว งั้นหรือ?”
”ใช่”เหยียน ซิว พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกมาแล้วโค้งคำนับต่อหน้า ฟาง เจิ้งจือ “เหยียน ซิว จากเหลียงตะวันตกแห่งอาณาจักรเซี่ย โปรดถามข้า”
”ข้าไม่จำเป็นต้องถามอะไรเจ้าข้าได้ยินมาว่าเจ้าทั้งสงบเยือกเย็นและมีประสบการณ์มากมาย เจ้าเชี่ยวชาญหนึ่งในหกเต๋า เต๋าแห่งอาชูร่า เจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยม พวกเราศาลาเต๋าสวรรค์ ยินดีต้อนรับคนที่มีความสามารถเช่นเจ้า!”ฟาง เจิ้งจือ โบกมือเรียบๆ ก่อนจะหันไปหาผู้อาวุโสสามแล้วพูด “ผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสห้า เห็นนี่หรือไม่?”
”แค่ก!”เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสสามไม่คิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะเร่งการทดสอบเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็กระแอมเล็กน้อยก่อนจะพูด “อืม ใช่ เจ้าพูดถูก!”
”เยี่ยมเหยียน ซิว เจ้าผ่านรอบนี้ได้ จงเตรียมตัวให้พร้อมในรอบต่อไป!”ฟาง เจิ้งจือ พยักหนาในขณะที่โบกมือให้ เหยียน ซิว แต่เขาเกือบจะตระหนักบางสิ่งได้ในทันทีและถามขึ้น “ผู้อาวุโสสาม ท่านมีอะไรในใจหรือไม่?”
”โอ้ข้านึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำในศาลาเต๋าสวรรค์ ข้าคิดว่าเจ้าคงเหนื่อยกับการทดสอบแล้ว ทำไมเจ้าไม่ไปกับข้าล่ะ? เราปล่อยให้คนที่เหลือได้พักผ่อนไปก่อน” ผู้อาวุโสสามพูดจบประโยคและชี้ไปที่ศิษย์ทั้งสามคน
”เราจะทำตามที่ท่านสั่งผู้อาวุโสสาม พวกเราจะดูแลส่วนที่เหลืออย่างเต็มที่ โปรดวางใจ ผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสห้า รวมถึงศิษย์พี่กงฉิงด้วย!”ศิษย์ทั้งสามคนตัวแข็งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
พวกเขาไม่สามารถเข้าใจความของพวกระดับสูงอย่างผู้อาวุโสได้พวกเขาไม่คิดอะไรมากและพยักหน้ารับคำทันทีโดยไม่ถาม ฟาง เจิ้งจือ แม้แต่น้อย
”ศิษย์พี่กงฉิงจะไปด้วยงั้นหรือ?!”
”…ข้าอยากให้เขาสอนมากกว่านี่!”
”น่าเสียดาย”
ผู้เข้าร่วมที่เหลือรอให้ฟาง เจิ้งจือ สั่งสอน พวกเขารู้สึกผิดหวังทันทีเมื่อได้ยินว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไปแล้ว อย่างไรก็ตามนี่คือศาลาเต๋าสวรรค์ พวกเขาไม่กล้าคัดค้าน
เหมือนกับรนหาที่ตาย
”กงฉิงตามข้ามา!”ผู้อาวุโสสามกวาดสายตามองใบหน้าที่ผิดหวังของผู้เข้าร่วมพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่คิดจะอยูที่นี่แล้ว
”ขึ้นไปศาลาเต๋าสวรรค์หรือ?”ฟางเจิ้งจือ ลังเล
เขาคิดจะขึ้นไปที่ศาลาเต๋าสวรรค์แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ขึ้นไปด้วยวิธีนี้ ตามจริงแล้วผู้อาวุโสทั้งสองไม่ควรจะโกรธเขาหรอกหรือ?
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกดีในใจ
ไม่เพียงแต่ได้คัดคนออกแต่ยังทำให้ผู้อาวุโสรู้สึกอับอายอีกด้วย
ทำไมถึงไม่มีความโกรธแม้แต่น้อย
มันเกิดอะไรขึ้นเขาจินตนาการถึงห้องคุมขัง ไม้กระดานต่างๆที่ฟาดตีเขา และการถูกไล่ออกจากศาลาเต๋าสวรรค์?
แล้วทำไมเหล่าผู้อาวุโสถึงเป็นเช่นนี้?
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่าทุกอย่างแปลกไปหมด แม้เขาจะไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เขาควรจะขึ้นไปหรือไม่กัน?
”ช่างมันข้าจะต้องขึ้นไปไม่ช้าก็เร็ว!”ฟาง เจิ้งจือ ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจออกมา
เขารู้สึกโชคดีที่ได้ปล่อยหนานกง มู่ และ เหยียน ซิว เข้าไปล ก่อนที่ผู้อาวุโสสามจะหยุดพวกเขา
อย่างน้อยหนานกง มู่ และ เหยียน ซิว ก็ได้ผ่านรอบแรก
ฟางเจิ้งจือ ยกย่องตัวเองว่าทำได้ดีมาก …
”โฮก!”สัตว์ร้ายเริ่มส่งเสียงร้องไปทั่วฟ้า ขัดจังหวะความคิดของ ฟาง เจิ้งจือ จากนั้นก็มีสัตว์ยักษ์สีดำสองตัวบินมาจากท้องฟ้า
ทันทีที่สัตว์ทั้งสองร่อนลงพื้นก็สร้างสายลมที่รุยแรงขึ้น
”พวกท่านไปเถิด!”ศิษย์ทั้งสามพูดขึ้นเมื่อเห็นสัตว์ที่ร่อนลงมา
”ได้”ผู้อาวุโสพยักหน้ารับในขณะที่ขึ้นไปบนหลังสัตว์ร้าย
และฟาง เจิ้งจือ ยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งของเขา
”เพลิงเขียวของท่านอยู่ที่ไหนล่ะกงฉิง? รีบๆเรียกมันออกมาสิ!”ศิษย์ทั้งสามคนเตือน ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง
”ใช่เจ้าเพลิงเขียวข้าอยู่ที่ไหนเนี่ย?”ฟาง เจิ้งจือ เงยหน้ามองบนฟ้าที่ว่างเปล่าและเอ่ยถามขึ้นมา