Gate of God - ตอนที่ 684 เพื่อนคนสำคัญ
”ผูอ้าวุโสห้าเจ้า…” ผู้อาวุโสสามดูเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่พูด สีหน้าของเขาบิดเกร็งในขณะที่พยายามดิ้นให้หลุดจากเถาวัลย์
จากนั้นเขาก็ตกลงไปบนพื้น
”พี่สามข้ารู้ว่าท่านจะพูดอะไร อย่างไรก็ตาม ข้าไม่สามารถทนดูได้ เมื่อเห็นเจ้าเด็กนั่นนำความอัปยศมาสู่ท่าน แม้ว่าจะต้องเสียเกียรติ อย่างน้อยมันจะต้องตาย!”ผู้อาวุโสห้าจ้องมองผู้อาวุโสสามที่ตกลงไป
หลังจากพูดจบเขาก็จ้องไปทางมู่ ฉิงเฟิง ที่แท่นบูชา จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง
เสียงถอนหายใจดังก้องไปทั่ว
มู่ฉิงเฟิง มองไปที่จักรพรรดิทั้งสี่และศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ก่อนที่จะมองไปที่ผู้อาวุโสห้า
”ผู้อาวุโสห้าจะทำแบบนี้จริงๆงั้นหรือ?”
”โปรดยอมรับในการตัดสินใจของข้า!”ผู้อาวุโสห้าพยักหน้าในขณะที่พูด ”เอาล่ะต่อจากนี้เจ้าถูกปลดจากตำแหน่งผู้อาวุโสห้า และมีสถานะเป็นศิษย์ธรรมดา เจ้าจะต้องคอยพิทักษ์ศิลาเซียนเป็นเวลาสิบปีเพื่อเป็นการลงโทษ!”มู่ ฉิงเฟิง กล่าวหลังจากจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสห้า
”ขอบคุณท่านผู้นำศาลาสำหรับความเมตตา ข้า หลี่ หลิงยู่ จะทำตามที่ท่านสั่ง!”ผู้อาวุโสห้าคำนับเล็กน้อยต่อ มู่ ฉิง เฟิง ก่อนจะยืนขึ้น
ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์รอบข้างและเหล่าจักรพรรดิต่างก็จ้องมองเขาอย่างไม่พูดอะไร
ลอบโจมตี…
ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการตัดสินใจของมู่ ฉิงเฟิง แต่การทำโทษโดยการให้พิทักษ์ศิลาเซียนและปลดจากการเป็นอาวุโสก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว
เมื่อผู้อาวุโสห้าลุกขึ้นยืนสายตาของเขาก็จ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง ชุดคลุมสีขาวพริ้วไหวไปตามสายลมอย่างน่าสะพรึง ดวงตาของเขาเปล่งประกาย ”เจ้าเด็กเหลือขอเจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติที่ข้าต้องสละชื่อตัวเองเพื่อแลกกับชีวิตของเจ้า!”ผู้อาวุโสห้าค่อยๆเดินเข้าไปหา ฟาง เจิ้งจือ หลังจากที่พูด
”เกียรติ?”ฟางเจิ้งจือ จ้องไปที่ผู้อาวุโสห้าที่กำลังเดินเข้ามา
ชื่อผู้อาวุโสของศาลาเต๋าสวรรค์จะมีค่าเท่าไหร่กัน?
ผู้อาวุโสห้าลอบโจมตีนอกจากนี้ ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนที่ไม่มีภูมิหลังและความสำคัญใดๆ
การถูกปลดจากตำแหน่งจนกลายเป็นศิษย์แสดงให้เห็นว่าที่นี่เข้มงวดแค่ไหน
ฟางเจิ้งจือ ครจะรู้สึกเป็นเกียรติงั้นหรือ?
ทันใดนั้นเองฟาง เจิ้งจือ ก็เริ่มหัวเราะออกมา เขาเหลือบมองไปยังเหล่าศิษย์ของศาลาที่ไม่ค่อยพอใจ นอกจากนี้เขายังจ้องไปที่ใบหน้าสงบของ มู่ ฉิงเฟิง และ จักรพรรดิทั้งสี่
ความเหมาะสม?
เหล่าอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้ความสำคัญกับภูมิหลัง ความสำคัญของบุคคล ในขณะที่ดินแดนเซียนเห็นคุณค่าในตัวคน
”ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะไม่ได้เดินออกจากศาลาเต๋าสวรรค์เป็นแน่?”ฟาง เจิ้งจือ ลุกขึ้นและเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา แล้วเผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา
”ถูกแล้ว!”ผู้อาวุโสห้าพยักหน้าและจ้องไปทีฟาง เจิ้งจือ ในขณะที่อักขระบนหน้าผากของเขาส่องสว่างขึ้น
”เริ่มได้!”ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาไม่สนใจผู้ที่จ้องมองเขา ไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว
”ตาย!”ผู้อาวุโสห้าเคลื่อนไหวอย่างที่เขาพูด
แสงมรกตส่องประกายออกจากร่างของเขากลายเป็นเถาวัลย์ยักษ์นับไม่ถ้วน มันพุ่งไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามตอนที่ผู้อาวุโสห้าโจมตี …
แสงสีแดงเข้มก็ปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของเขามันเต็มไปด้วยจิตสังหาร ที่ทำให้บรรยากาศเยือกเย็น
”หืม?ผู้อาวุโสห้าหยุดกลางคันเขาประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น อย่างไรก็ตาม เขาตอบสนองในทันทีแล้วส่งฝ่ามือไปในทิศทางนั้น
ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้น
มีร่างลอยไปด้านหลังบางอย่างที่เหมือนกับผลึกแก้วสีแดงเข้มแตกกระจายอยู่กลางอากาศ
”เหยียนซิว?”
”ทำไมเขาถึงโจมตีผู้อาวุโสห้า?”
”เกิดอะไรขึ้น?”
ถ้าผู้อาวุโสห้าโจมตีฟาง เจิ้งจือ ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ก็เข้าใจการกระทำของ เหยียน ซิว อย่างไรก็ตาม เหยียน ซิว โจมตีผู้อาวุโสห้าอย่างไม่มีเหตุ มันผิดปกติ
เพราะอะไรกัน?
ทำไมเหยียน ซิว ทำเช่นนี้?
ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจเรื่องนี้แม้แต่ผู้เข้าร่วมเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน พวกเขาจ้องไปที่ เหยียน ซิว
”เหยียนซิว เจ้าทำอะไร?”หลิน มู่ไป่ ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาพูด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
ในฐานะจักรพรรดิขออาณาจักรเซี่ย
เขารู้ว่าเหยียน ซิว ไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าบอกว่า เหยียน ซิว ทำเพื่อความยุติธรรม เรื่องมันคงจะยืดเยื้อไปอีกแน่ ที่แห่งนี้คือศาลาเต๋าสวรรค์
และเหยียน ซิว เองก็กำลังเข้าร่วมการสอบ
”เหยียนซิว?”ผู้อาวุโสห้าหันมาจ้องร่างที่อยู่ด้านหลัง ในขณะที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดขึ้น “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!”
”ข้าต้องช่วยเขา!”ใบหน้าของเหยียน ซิว ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แม้เขาจะกำลังตั้งใจอย่างมากก็ตาม หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหาผู้อาวุโสห้าอีกครั้ง
”ช่วยเขา?!”ผู้อาวุโสห้าขมวดคิ้วในขณะที่จ้อง ฟาง เจิ้งจือ โดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็จ้องไปที่ เหยียน ซิว และพูดว่า “เจ้ารู้ตัวจริงของมันงั้นหรือ?”
”ข้าไม่รู้”เหยียน ซิว ส่ายหัวของเขาในขณะที่ตอบ
”เจ้าปกป้องเขาแม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร?”ผู้อาวุโสห้าตกใจกับคำตอบของ เหยียน ซิว เขาไม่สามารถเข้าใจการกระทำเช่นนี้ได้
”ถูกต้อง”เหยียน ซิว พยักหน้า
”ขอเหตุผลดีๆสักข้อ”ผู้อาวุโสห้าจ้องไปที่ เหยียน ซิว ด้วยสายตาที่เย็นชา
”เขาคล้ายกับเพื่อนข้าคนหนึ่ง”
”คล้ายกัน?คล้ายยังไง?”
”จากด้านหลังของเขา”
”ด้านหลัง?เหยียน ซิว ตอนนี้เจ้าเป็นถึงองค์ชายของอาณาจักรเซี่ย เจ้าควรจะเรียนรู้ถึงความสำคัญในสถานการณ์เช่นนี้ บนโลกนี้หลายคนนักที่พอมองจากด้านหลังแล้วจะมีความคล้ายกัน เจ้าจะยอมทิ้งโอกาสที่จะเข้าเป็นศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ด้วยเหตุผลเท่านี้งั้นหรือ?”ผู้อาวุโสห้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกตะลึง ”ใช่!”เหยียนซิว พยักหน้าอีกครั้ง ไอรีนโนเวล
”เหยียนซิว เจ้าคิดให้ดีๆ ถ้าเจ้าถอยไป ข้าจะทำเป็นมองไม่เห็นการกระทำของเจ้าและยังอนุญาติให้เข้าร่วมการทดสอบในรอบที่สาม!”
”ข้าตัดสินใจแล้วแม้จะมีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิด แต่ข้าก็ต้องช่วยเขา นั่นเป็นเพราะเขาคือเพื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตข้า!”เหยียน ซิว ยืนนิ่งพร้อมกับดวงตาสีแดงก่ำ
คลื่นพลังสีแดงเข้มเพิ่มมากขึ้นห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้
”นั่นคือเต๋าแห่งอาชูร่า!”
”ดูเหมือนว่าเหยียน ซิว เข้าใกล้มันแล้ว เขาเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะประสบความสำเร็จ!”
”แม้เขาจะยังทำไม่สำเร็จแต่ความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในระดับจุติขั้นกลาง และเขาอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น!”
เหล่าศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์จ้องไปที่ฉากนี้ด้วยความหวาดกลัวอย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม เหยียน ซิว ถึงเข้าไปขัดขวางผู้อาวุโสห้าด้วยเหตุผลที่ไร้สาระเช่นนั้น
นอกจากนั้นเขายังโจมตีผู้อาวุโสห้า
เขาจะยังพอมีโอกาสได้เข้าศาลาเต๋าสวรรค์อีกหรือไม่?
เพื่อน?เพื่อนแบบนั้นมีอยู่จริงในโลกด้วยงั้นหรือ?
”เหยียนซิว อย่ารีบร้อนไป เขาไม่ใช่ ฟาง เจิ้งจือ ข้าได้ยินมาว่า ฟาง เจิ้งจือ ยังอยู่ที่หมูบ้านภูเขาทางเหนือเมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ทันเวลา นอกจากนี้ ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในระดับอภินิหารเท่านั้น เจ้าคงรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึงระดับจุติได้ ทั้งยังเชี่ยวชาญการใช้เต๋าสวรรค์ ภายในเวลาแค่สองเดือน!”หลิน มู่ไป่ พูดอย่างกังวล เขารู้ถึงตัวตนของเพื่อนคนนั้นในทันทีที่ เหยียน ซิว พูด
นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมให้เหยียน ซิว เป็นศัตรูกับศาลาเต๋าสวรรค์เพื่อคนที่ไม่มีทางเป็น ฟาง เจิ้งจือ ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าผู้อาวุโสห้าจะไม่ใช่ผู้อาวุโสอีกต่อไปแล้วก็ตาม นั่นเป็นเพราะว่าเขาคือจักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ยเขารู้เรื่องกฎหมายและอำนาจของศาลาเต๋าสวรรค์ดี การปลดชื่อเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
”เขาพูดถูกข้าไม่ใช่เพื่อนของเจ้า ข้าไม่ได้รู้จักเจ้าแม้แต่น้อย!” ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนออกมา
”ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใครการตัดสินใจองข้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!”ดูเหมือน เหยียน ซิว จะไม่สนใจคำปฏิเสธของ ฟาง เจิ้งจือ แม้แต่น้อย เขาทำราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
”เจ้าไม่ได้ยินข้าหรือ?”ฟางเจิ้งจือ ตะโกนอย่างแปลกๆ
”ข้าไม่ต้องการที่จะเสียใจเขาเป็นเพื่อนคนแรกของข้า และเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของข้า” เหยียน ซิว จ้องมอง ฟาง เจิ้งจือ ในขณะที่คิด จากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า “ท่านปู่บอกว่า จงมีเพื่อนให้มากที่สุดเท่าที่ชีวิตจะหาได้ อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าแค่มีเขามันก็เพียงพอแล้ว!”
”เพื่อนเพียงคนเดียว?” ”เพื่อนคนเดียวตลอดชีวิต?เหตุผลอะไรกัน?”
เหล่าศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ต่างหันมองกันด้วยความสับสน
เหยียนซิว ไม่สนใจความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในศาลาเต๋าสวรรค์แม้แต่น้อย เขาพูดต่อ “เขาคือเพื่อนที่ข้าพูดถึง ความจริงแล้ว เจ้าทั้งสองคนมีความคล้ายกันมาก เจ้าไม่ค่อยละเอียดอ่อนนักและมักจะหลอกลวงผู้อื่น เจ้าทั้งคู่ดื้อรั้นและชอบสร้างปัญหาเสมอ”
”แต่เขาไม่เคยหลอกข้าแม้แต่ครั้งเดียวแม้เรื่องที่ข้าพูดถึงตอนพบกันครั้งแรก!”
”เขาหลงใหลในเงินมากว่าสิ่งใดแต่ตอนที่พวกเราอยู่หอเจ็ดดวงดาว ข้าวางเดิมพันตามเขาถึง ห้าหมื่นเหรียญเงิน ข้ารู้ว่าถ้าข้าไม่วางเดิมพัน ดวงดาวทั้งเจ็ดคงจะไม่มารวมตัวกันแน่!”
”ครั้งนั้นข้าชนะ”
”ข้าเชื่อว่าเขาจะพาข้าไปสู่ชัยชนะครั้งนี้ข้าก็ขอเดิมพันกับเขา แม้โอกาสจะเป็นหนึ่งในล้านข้าก็จะทำ!”
”ถ้าพูดถึงเพื่อนของข้าข้าสามารถทิ้งใครก็ได้ยกเว้นแต่เขาเพียงคนเดียว!”
.