Gate of God - ตอนที่ 702 สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
สิ่งที่ว่านเล่ยกำลังรู้สึกในตอนนี้มีคำไหนอธิบายมันได้บ้าง?
ไม่!
ตอนนี้ไม่มีคำไหนอธิบายความรู้สึกของเขาได้เลยถ้าต้องพูดมันคงเป็นคำว่า ซวย
”อะไรกัน?!”ว่านเล่ยกรีดร้องอยู่ในใจเห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งที่ปรากฎเหนือร่างของ ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน เป็นภาพของหยินหยาง แต่เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
เกิดอะไรขึ้นกัน?!
ทำไมแรงดูดถึงรุนแรงขนาดนี้?
ว่านเล่ยค่อนข้างตกใจเขาไม่คิดเลยว่ากระแสหยินหยางของ ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน จะดึงพลังจากเพลิงพันปีกลับไป
เขาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่มีเวลาคิด …
นั่นเพราะว่าหลังจากเกิดแรงดูดที่รุนแรง พลังของเขาก็ถูกลบล้างไปจนหมด ราวกับนักฆ่าที่พุ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว มันเข้าไปถึงมิติพิเศษของเขา
มันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
มันเร็วมาก
เร็วเสียจนเขาไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน
ตอนแรกว่านเล่ยพอใจเป็นอย่างมากและกำลังสนุกไปกับมัน
อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
”ตูม!”ว่านเล่ยรู้สึกถึงความร้อนทั้งหมดที่ถูกดูดออกไปจากมิติพิเศษด้วยความเร็วสูง ราวกับว่าร่างของเขากำลังว่างเปล่า
”เจ้ากล้าดียังไง?!”ว่ายเล่ยยกฝ่ามือขึ้นมาฟาดไปที่ด้านหลังศีรษะของ ฟาง เจิ้งจือ ในทันที
…
แน่นอนว่ามีอีกคนที่กำลังรู้สึกคล้ายกับว่านเล่ยเขาคือผู้นำเทียน
เมื่อเทียบกับเทียนซิงว่านเล่ยช่างไร้เดียงสาเสียจริง
ถ้าคิดจะเอาเพลิงพันปีคืนมาอย่างน้อยก็ควรจะซื่อสัตย์
เพื่อให้มั่นใจว่ามู่ ฉิงเฟิง จะไม่กลับคำพูดของเขา เขาจึงกระแทกฝ่ามือไปที่หน้าอกของ ฟาง เจิงจือ เพื่อทำลายมิติพิเศษ
ไม่ว่าเมื่อไหร่เทียนซิงมักจะใจกว้างเสมอ
อย่างไรก็ตามสำหรับ ฟาง เจิ้งจือ …
นี่ไม่ใช่กรณีที่ต้องคิด
เขาดูจากสองประเด็นเท่านั้นข้อแรกคือ เขาเป็นเพื่อนหรือไม่ เป็นคนที่ไม่ควรเอามาเป็นศัตรูหรือไม่ และข้อสอง อีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้หรือไม่?
เขาได้ข้อสรุปสำหรับฟาง เจิ้งจือ อย่างรวดเร็ว
”เต๋าจะเพิ่มขึ้นจากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสาม และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ” นี่คือสิ่งที่ ฉือ กูเหยียน บอกกับ ฟาง เจิ้งจือ ที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ หลักการนี้สามารถใช้กับหยินหยางได้เช่นกัน”หยิน หยาง ให้กำเนิดพลังอันสูงสุด ซึ่งได้สร้างเป็นสองรูปแบบ จากนั้นมันก็เกิดเป็นสิ่งต่างๆในธรรมชาติ”
เป็นเพียงประโยคหนึ่งแต่เข้าใจได้ง่าย
การสรรค์สร้างทั้งหมดคือหนึ่งเดียว
เต๋าสามารถเป็นทุกสิ่งและทุกสิ่งสามารถเป็นเต๋าได้
แรงดูดที่นาสะพรึงเกิดจากภาพหยินหยางเหนือร่างฟาง เจิ้งจือ
มันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
แม้แต่เทียนซิงก็ตั้งตัวไม่ทันจนพลังของเขาเองก็ถูกดูดออกไปกว่า 30%
และปฏิกิริยาแรกของเขาคือตบหน้าผากของฟาง เจิ้งจือ อย่างแรง
”ตูม!”มีเสียงดังขึ้น
จากนั้นก็มีร่างเงาพุ่งออกมาและมีเลือดก็พุ่งออกมาจากปาก จากเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ทำให้มีหลุมลึกปรากฎขึ้นบนพื้นดิน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
เหล่าศิษย์ของทั้งสองสำนักไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน
พวกเขาต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
”เกิดอะไรขึ้น?”
”หรือว่าเป็นเพราะยานั่น!”
”ร่างเงาที่พุ่งออกมาคืออะไรกัน?”
ศิษย์แต่ละคนพากันจ้องไปที่หลุมลึกที่ปรากฎขึ้นปากของพวกเขาอ้าแข็งค้าง
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
ด้วยความเชื่องช้า
สีหน้าของเขาซีดขาวอย่างมาก
”ว่านเล่ย?!”
”ร่างที่กระเด็นออกมาคือว่านเล่ย?!”
ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นใครสามารถทำให้ศิษย์เอกอย่างว่านเล่ยกระเด็นออกมาได้บ้าง?
นี่เป็นคำถามที่ผุดขึ้นในหัวของพวกเขา
นอกจากนี้ภาพหยินหยางที่ปรากฎขึ้นมาคืออะไรกัน
อย่างไรก็ตามภาพนั้นหายไปแล้ว
”เต๋าสวรรค์?!”
”เกิดอะไรขึ้น?!”
”หรือว่าฟาง เจิ้งจือ จะเป็นคนทำ?”
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์สงสัยว่าเป็นเพราะฟาง เจิ้งจือ เพราะในตำแหน่งนั้นมีเพียง ฟาง เจิ้งจือ เท่านั้นที่สามารถใช้เต๋าสวรรค์ได้
อย่างไรก็ตามศิษย์เก้าขุนเขายังคงนิ่งงัน
พวกเขาไม่รู้ว่าฟาง เจิ้งจือ เชี่ยวชาญเต๋าสวรรค์ บางคนไม่รู้จักชื่อของ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยซ้ำไป
”เต๋าสวรรค์?!ใครกัน?”ความคิดนี้ปรากฎขึ้นในใจของศิษย์เก้าขุนเขา
พวกเขากำลังสับสนอย่างมาก แต่ถ้าต้องพูดถึงความตกใจในตอนนี้คงไม่มีใครรู้สึกมากไปกว่าผู้นำเทียนอีกแล้ว
ผู้นำเทียนรู้ว่าเป็นฝีมือของฟาง เจิ้งจือ อย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่ามันเป็นวิชาของเต๋าสวรรค์
เขาจึงตกตตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อ
”เป็นไปได้ยังไง?ข้าจัดการเขาแล้วนี่!”เทียนซิง ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?
หรือว่าเป็นเพราะภาพหยินหยาง?
ในฐานะที่เป็นผู้นำเก้าขุนเขาเทียนซิงรู้ดีว่าภาพหยินหยางไม่มีทางให้ผลลัพธ์เช่นนี้ได้แน่
ถ้าไมใช่…
เพลิงพันปีสามารถเยียวยาบาดแผลและทำให้มีพลังเพิ่มขึ้น แต่ฟื้นฟูมิติพิเศษ? มันเป็นไปไม่ได้!
ถ้าไม่ใช่เพลิงพันปีแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
เทียนซิงกำลังสับสนอย่างแท้จริง ไอรีนโนเวล
แม้จะเป็นผู้นำของเก้าขุนเขาแต่เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้มันเหนือความคาดหมายเขาทำลายมิติพิเศษของ ฟาง เจิ้งจือ ไปแล้ว
…
”แค่กแค่ก…” ว่านเล่ยกระอักเลือดออกมา ใบหน้าของเขาซีดขาว เขาต้องการจะโจมตี ฟาง เจิ้งจือ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกโจมตีจนกระเด็นออกมาโดยเทียนซิง
ในฐานะศิษย์เอกศาลาหยินหยางเขาไม่มีทางยอมรับเรื่องแบบนี้ได้
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้พิการไปแล้วหรือ?เขาจะหลบการตบของเทียนซิงไปได้อย่างไร? นอกจากนี้ เต๋าสวรรค์ เขาสามารถเข้าถึงมันได้ยังไง?
หรือว่าเป็นฉือ กูเหยียน?
คำถามมากมายปรากฎขึ้นในใจของว่านเล่ย
เขาจ้องไปที่ร่างของคนทั้งสอง
ชายและหญิง
เคียงข้างจับมือกัน
ฟางเจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน ”เต๋าสวรรค์เป็นไปได้ยังไง?! ชายคนนี้ใช้หนึ่งในหกวิชาเต๋าสวรรค์!” ท่าทีของว่านเล่ยเปลี่ยนไป
ไม่ใช่ฝีมือของฉือ กูเหยียน อย่างแน่นอน
มันคือฟาง เจิ้งจือ!
ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่เขาก็หาเหตุผลให้กับเรื่องนี้ไม่ได้
…
ฟางเจิ้งจือ สูญเสียมิติพิเศษของเขาไปเมื่อสองปีก่อน เขาเหลือเพียงแค่กลืนกินโลกเท่านั้น
เขาจะพิการหรือไม่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
แต่ถือยังเป็นโชคดีของเขาถ้าตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอ เทียนซิงคงทำให้เขาพิการไปแล้ว
”น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ดูดพลังของเจ้าออกมาให้หมด”ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังค่อนข้างพอใจ อย่างน้อยก็ได้พลังของเทียนซิงมาถึง30% และแน่นอนเป้าหมายหลักอย่างว่านเล่ยที่กำลังสนใจแต่เพลิงพันปี ก็ถูกดูดพลังออกมาถึง 70%
เขาได้พลังที่เสียไปก่อนนี้กลับมาทั้งหมด
ในความจริงแล้วบางส่วนก็ยังไม่สมบูรณ์นัก
”เจ้าไร้ยางอายเจ้านี่มันจริงๆเลย!”ฉือ กูเหยียน ค่อนข้างฉุนเฉียว แต่นางไม่ได้โกรธมากนัก ความจริงแล้วนางไม่ได้ดึงมือออกจากมือของเขา
”กูเหยียนไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”มู่ ฉิงเฟิง มองดูมือของนางที่ถูกกุมเอาไว้แล้วมองที่ใบหน้าของนาง
ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์แต่ละคนต่างมีท่าทีที่กังวลอย่างมาก
”อาจารย์ข้าไม่เป็นไร” ฉือ กูเหยียน ส่ายหัว
”ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาล่ะ…” เมื่อได้ยินนางตอบรับ มู่ ฉิงเฟิง ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งออก ในขณะเดียวกันเขาก็หันมองที่ ฟาง เจิ้งจือ ดูเหมือนเขาจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจ ”แน่นอนว่าเขาไม่เป็นไร!”เสียงของว่านเล่ยดังขึ้นก่อนที่จะลุกขึ้นมาจากหลุมลึกด้วยความลำบาก “ฉือ กูเหยียน ข้าช่วยเจ้า และนี่คือสิ่งที่ตอบแทนข้ารึ? วางแผนต่อต้านข้าร่วมกับชายคนนั้น? นี่คือวิธีที่ศาลาเต๋าสวรรค์ปฏิบัติกับมิตรสหายงั้นรึ?”
”แผน?”
”วางแผนอะไรกัน?”
”ฟางเจิ้งจือ กับพี่หญิงวางแผนต่อต้านว่านเล่ย?”
ศิษย์ของทั้งสองสำนักต่างไม่มั่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของว่านเล่ยต่างก็อยากรู้มากขึ้น
”ฮ่าฮ่าฉือ กูเหยียน ผู้ที่ถูกเลือก เจ้าไปขโมยเพลิงพันปีมาจากเกาะจันทราดำ จากนั้นก็รวมหัวกับคนนอกต่อต้านศิษย์เอกของศาลาหยินหยาง ว่านเล่ยช่างน่าประทับใจ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโส กู่หยวน ก็ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า คังเยว่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขายังคงนิ่งเงียบนางจ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และขมวดคิ้วเล็กน้อย
ส่วนเทียนซิงในตอนนี้ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความมืดมนและน่าสะพรึงกลัว
ในฐานะผู้นำของเก้าขุนเขาเขาแพ้ให้กับคนที่ไม่ใช่แม้แต่ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ ทั้งยังเสียพลังให้เขาไปถึง 30%นี่เป็นการดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
เพียงแต่…
เขาไม่ได้พูดออกมาเหมือนกับว่านเล่ย
ในตอนนี้มู่ ฉิงเฟิง ลุกขึ้นและกวาดสายตามอง ว่านเล่ย กูหยวน จากนั้นก็หันมองที่ ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน
”ผู้อาวุโสแห่งหุบเขาท่านหมายความว่าอย่างไร?เทียนซิงเป็นคนทำร้ายว่านเล่ย มันเกี่ยวอะไรกับ ฉือ กูเหยียน?”ท่าทีของ มู่ ฉิงเฟิง เต็มไปด้วยความเย็นชา
”ผู้นำศาลามู่ท่านรู้วิธีแก้ตัวให้ศิษย์รักดีเสียจริง! ถ้าไม่ใช่ความช่วยเหลือของ ฉือ กูเหยียน เด็กชั้นต่ำแบบนั้นจะทำได้ยังไง?ช่างน่าขัน!”ว่านเล่ย เช็ดคราบเลือดที่มุมปากของเขา
จริงๆแล้ว…
ในฐานะศิษย์คนเอกของหอหยินหยาง
ว่านเล่ยมีเหตุผลที่จะโกรธไม่ว่าจะทักษะการปรุงยาหรือระดับของการฝึกฝนนั้นยอดเยี่ยมที่สุด
เขาจะเชื่อได้ยังไงว่าฟาง เจิ้งจือ สามารถสร้างภาพหยินหยางขึ้นมาได้?
ฉือกูเหยียน!
มันต้องเป็นฉือ กูเหยียน
แม้เขาจะไม่รู้ว่าฉือ กูเหยียน รู้ถึงเต๋าหยินหยางได้ยังไง แต่เขาก็มั่นใจว่านางเท่านั้นที่ทำได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพูดจบ แสงสีฟ้าก็ส่องสว่างบนหัวของเขา มันสดใสราวกับท้องฟ้า
”หา?”ท่าทีของว่านเล่ยเปลี่ยนไปแม้ว่าพลังกว่า70% ของเขาจะถูกดูดออกไป ทั้งยังรับการโจมตีของเทียนซิง แต่เขาก็ยังคงมีสัญชาตญาณพอที่จะรู้สึกถึงอันตราย
เมื่อเขาเห็นแสงสีฟ้าปรากฎขึ้นบนหัวของเขาเขาก็ก้าวถอยไปสองก้าว และเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา “เจ้าเด็กเหลือขอ คิดจริงๆหรือว่าจะต่อต้านข้าได้ด้วยพลังระดับจุติของเจ้า?รนหารที่ตายซะแล้ว!”
ว่านเล่ยนั้นรวดเร็วมาก
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่เขาก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขากลายเป็นเงา
”รวมหัวกันเพื่อต่อต้านเจ้า?คิดง่ายไปแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น!” ในขณะที่ว่านเล่ยก้าวถอยหลังออกไป ร่างๆหนึ่งก็ปรากฎขึ้นพร้อมกับแสงสีฟ้าที่ส่องสว่างอยู่บนหัว