Gate of God - ตอนที่ 703 ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น
ชายเสื้อคลุมของเขาพริ้วไหวไปตามสายลมนี่เป็นฉากที่เกิดขึ้นเร็วจนสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
”ข้าคิดว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนของศาลาเต๋าสวรรค์?”
”ถึงเขาจะเชี่ยวชาญเต๋าสวรรค์แต่ระดับพลังของเขาอย่างมากก็อยู่ในระดับจุติใช่ไหม?”
”เขากล้าท้าทายว่านเล่ยได้ยังไง?!”
ความบ้าบิ่น,ความเย่อหยิ่ง, รนหาที่ตาย ความคิดพวกนี้ผุดขึ้นในใจของเหล่าศิษย์เก้าขุนเขา
อย่างไรก็ตามความคิดพวกนี้ไม่ได้อยู่ในหัวของศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์แม้แต่น้อย พวกเขารู้ดี
ฟางเจิ้งจือ เป็นคนที่กล้าปลอมตัวเป็นศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ เพื่อคัดผู้เข้าร่วมออก ทั้งโจมตีผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้า แล้วทำไมเขาต้องกลัวว่านเล่ยด้วย? ในตอนนั้นว่านเล่ยหยุดนิ่งอยู่กับที่ เขารู้สึกได้ถึงอันตราย แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะมาจาก ฟาง เจิ้งจือ
”คิดจะเด็ดหัวข้า?ฮืม ด้วยความสามารถของเจ้า มันก็แค่…” ว่านเล่ยหยุดพูดกลางคันเพราะเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมา
มันเป็นแววตาที่ประหลาด
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือในดวงตาคู่นั้นข้างหนึ่งเป็นสีดำ อีกข้างหนึ่งเป็นสีขาว ที่หมุนวนอยู่ภายใน
ภาพหยินหยาง!
เป็นไปได้ยังไง!
สีหน้าของว่านเล่ย เปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฟาง เจิ้งจือ ชำนาญเต๋าหยินหยาง หรือว่าจะไม่ใช่ฝีมือของ ฉือ กูเหยียน?
เขาไม่อยากเชื่อ
แต่นี่เป็นความจริงฟาง เจิ้งจือ กำลังพุ่งเข้ามา ภาพหยินหยางหมุนวนอยู่ภายในดวงตาของเขา นั่นเป็นเพียงหมัดธรรมดา
ไม่ได้เสริมพลังใดๆ
ความบ้าบิ่นนี้มันทำให้ว่านเล่ยตกตะลึง
ในฐานะศิษย์เอกของศาลาหยินหยางเขาไม่คิดเลยว่าคนที่ยังไม่ได้เป็นศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์จะกล้าท้าทายเขาแบบนี้ เขาจะทนได้ยังไง
เขาไม่ลังเล
แม้จะบาดเจ็บแต่เขาก็ไม่คิดหนี
”ตูม!”เสียงระเบิดดังขึ้น
กรวดหินมากมายกระเด็นไปทั่วบริเวณฝุ่นควันหนาปกคลุมพื้นที่ ร่างของเขาถูกดันถอยออกมาห้าก้าว
”อั่ก!”ว่านเล่ยกระอักเลือดออกมาคำใหญ่เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าศิษย์เอกอย่างเขาจะถูกดันออกมา
เขาเหลือพลังเพียงแค่30-40% เท่านั้น
แต่อีกฝ่ายก็มีพลังในระดับจุติเท่านั้นเองเขามีพลังขนาดนี้ได้ยังไง? หมัดนั่น…
แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?
ว่านเล่ยไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
แต่ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่คิดจะโอกาสเขาได้คิด ในขณะนั้นเอง ฟาง เจิ้งจือ ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหน้าของ ว่านเล่ย อีกครั้ง
”ข้าบอกแล้วถ้าเจ้าอยากให้ข้าแสดงพลังให้เห็น ข้าก็จะทำ!”รอยยิ้มปรากฎขึ้นที่มุมปากของ ฟาง เจิ้งจือ ฟาง เจิ้งจือ ไม่รอให้ ว่านเล่ยได้โต้ตอบ เขาพุ่งเข้าไปอีกครั้ง
”ตูม!”
ว่านเล่ยถอยออกไปห้าก้าวอีกครั้ง
ใบหน้าของเขาซีดขาวว่านเล่ยจ้อง ฟาง เจิ้งจือ ที่พุ่งเข้ามาหาด้วยความไม่เชื่อ
”เป็นไปไม่ได้!ข้าคือว่านเล่ย จะมาแพ้คนอย่างเจ้าได้ยังไง!”ว่านเล่ยยังคงหยิ่งทระนง แม้เขาจะไม่ต้องการหนี แต่เขาได้พ่ายแพ้ไปแล้วถึงสองครั้ง
เขาจะทนได้ยังไงถ้าต้องแพ้เป็นครั้งที่สาม? เป็นเพราะพลังของข้าถูกดูดออกไปหรือ?นั่นเป็นเหตุผลที่เขาแข็งแกร่ง? ว่านเล่ยคิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างบนโลกนี้มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
อย่างเช่นหยาน ฉิง มีความได้เปรียบในเรื่องพลังกาย
ว่านเล่ยอาจจะกำลังโกรธเกรี้ยวแต่เขาไม่ได้โง่ ระหว่างที่พูดคุย เขายังคงสงบนิ่ง แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก แต่เขาก็ยังวิเคราะห์สิ่งต่างๆของคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าเขาเอาชนะฟาง เจิ้งจือ ด้วยความแข็งแกร่งไม่ได้ เขาจะใช้ประสบการณ์ของเต๋าแห่งการสรรค์สร้าง
ในตอนนี้เขาเปลี่ยนวิธีการใหม่
เขาหลบหมัดที่สามของฟาง เจิ้งจือ และมีเปลวไฟลุกไหม้ที่หน้าผากของเขา มันเป็นเปลวไฟสีดำที่แยกเป็นหกแฉก ราวกับกลีบของดอกไม้
”คนอย่างเจ้ารู้หรือไม่ว่าหยิน หยาง นั้นคืออะไร?” ขณะที่เขาพูดไฟสีดำในมือของเขาก็ลุกโชนขึ้นมา
เปลวไฟรูปร่างคล้านดอกบัวที่ยังไม่บาน
”มันก็คือชีวิตและความตายไม่ใช่หรือ?”ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาด้วยความดูหมิ่น
”อะไรนะ?!ว่าน เล่ย ราวกับถูกฟ้าผ่า ใบหน้าของเขาแข็งค้าง
”หยินหยางได้สร้างขั้วสองขั้วขึ้นมาคือความเป็นและความตาย” ฟาง เจิ้งจือ ใช้เวลาอธิบายไม่นาน ก่อนจะสร้างไฟสีดำลักษณะเดียวกับ ว่าน เล่ยขึ้นมา
”…”ว่านเล่ย ตกใจมาก
ไม่ได้เพียงเขาคนเดียวเท่านั้นมันรวมถึงทุกคนที่อยู่ในที่นี้
”เขาเป็นปีศาจหรือไงกัน?!”
”เป็นไปได้ยังไง?!”
”นั่นมันเต๋าหยินหยางเหมือนกับของ ว่านเล่ยไม่มีผิด!” ไม่มีใครเขาใจเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะศาลาเต๋าสวรรค์ที่เคยเห็นฟาง เจิ้งจือ ใช้เต๋าสวรรค์และเต๋าแห่งชีวิตมาก่อน
และตอนนี้…
เต๋าแห่งหยินหยางทำให้เราสามารถเข้าสู่แดนแห่งความเป็นและตายได้
”เขาเชี่ยวชาญเต๋าถึงสามชนิดได้ยังไง?”มันเป็นการยากที่พวกเขาจะยอมรับได้ง่ายๆ
ความภูมิใจของพวกเขาทั้งหมดถูกทำลายโดยฟาง เจิ้งจือ
ไม่ใช่เพียงศาลาเต๋าสวรรค์เท่านั้นที่ตกตะลึงแม้แต่ศิษย์ของเก้าขุนเขาก็ตกตะลึง
หรือแม้แต่มู่ ฉิงเฟิง, กู่ หยวน
สำหรับคนที่ตกใจที่สุด…
เป็นเทียนซิง
”เขาใช่คนอยู่อีกงั้นหรือ?มิติพิเศษของเขาถูกทำลายไปแล้ว แต่ยังสามารถใช้เต๋าสวรรค์ได้? หรือหัวใจของเขาอยู่ด้านขวา?!” เทียนซิงกำหมัดแน่น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
”เจ้าเป็นใครกันแน่?”ว่านเล่ย อดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้ออกไป
”ข้าได้ตอบเจ้าไปแล้วตานี้ถึงทีที่เจ้าต้องตอบข้า…” ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจความสงสัยของว่านเล่ย
”หมายความว่าอะไร?”ว่านเล่ยถามโดยไม่รู้ตัว
”ถ้าระดับสูงสุดของหยินหยางคือหยินหยางแห่งความเป็นและตายงั้นจุดสูงสุดของเต๋าแห่งชีวิตคืออะไร?”ฟาง เจิ้งจือ ถามขึ้นมา
”เต๋าแห่งชีวิต?”ว่านเล่ย แสดงความแปลกใจออกมา เขาไม่รู้ว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงถามคำถามนี้ออกมา แต่เขาก็จำเป็นต้องตอบ เขาไม่มีทางยอมเสียหน้า! ” แน่นอนว่าเป็นโซ่ตรวนจากนรก มันสามารถปิดผนึกสัมผัสทั้งหกได้!”
”อืมงั้นก็มาลองทดสอบกัน” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าด้วยความพอใจ ”ทดสอบ?ทดสอบอะไร?”ว่านเล่ย มึนงงอย่างมาก
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้ตอบ เขาทำเพียงแค่ เหยียดยิ้มออกมา
”เจ้ารู้หรือไม่ว่าเต๋าแห่งชีวิตนั้นเป็นหนึ่งในหกเต๋าระดับจุติมันอยู่ในระดับเดียวกับเต๋าหยินหยาง ไม่มีใครสามารถเชี่ยวชาญทั้งสองได้ในเวลาเดียวกัน!”
”ถ้ามีคนทำได้ล่ะ?”
”หึคิดว่าข้าโง่หรือไงกัน!” ว่านเล่ย เย้ยหยัน
เมื่อได้ยินสิ่งเหล่านี้ท่าทีของเหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์นั้นแปลกมาก พวกเขามองไปที่ว่านเล่ยเหมือนกำลังมองคนโง่
มันทำให้ว่านเล่ย รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
”เจ้าหมายความว่ายังไงเจ้าใช้มันได้งั้นรึ?!” ว่านเล่ย รู้สึกสังหรณ์ใจ
”ไม่ข้าใช้ไม่ได้” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัว
”ถ้าอย่างนั้นเจ้าหมายความ…”ว่ายเล่ย รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที ในช่วงเวลาต่อมาเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากฝ่าเท้าราวกับขาขวาของเขาเสียการควบคุม
จากนั้นก็มีแสงสีแดงปรากฎขึ้น
มันคือห่วงโซ่ซีแดงเลือดที่พุ่งมาจากพื้นดิน
จากนั้น…
โซ่ที่สองสาม และสี่ก็ปรากฎขึ้น…
ว่านเล่ยตกตะลึง
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นแม้แต่ศิษย์ของเก้าขุนเขา และผู้อาวุโสกู่ หยวน ก็ตกตะลึง
”นี่คือ… โซ่ตรวนจากนรก!”
”เขาเชี่ยวชาญเต๋าแห่งชีวิตจริงๆงั้นหรือ?!”
”เป็นไปได้ยังไงกัน?”
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ
ฟางเจิ้งจือ นั้นเป็นปีศาจอย่างแท้จริง ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถทำแบบเขาได้
”แกรก!”แขนข้างหนึ่งของว่านเล่ย ถูกเจาะทะลุด้วยโซ่สีเขียว ทำให้ร่างของเขาล้มลงกับพื้น
”ไม่เป็นไปไม่ได้!” ดวงตาของว่านเล่ยนั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แต่ความจริงอันโหดร้ายก็ได้ปรากฎต่อหน้าเขา ความเจ็บปวดที่ร่างกายถูกเจาะทะลุเขาสามารถสัมผัสได้ชัดเจน
เต๋าแห่งชีวิต!
โง่…
ข้ามันโง่จริงๆ ไอลีนโนเวล
ว่านเล่ยไม่ลังเลอีกต่อไปเพราะโซ่ที่สามได้มาถึงแขนเขาแล้ว
”ความเป็นและความตายดอกบัวแห่งความตายจงเปิดออก!”ขณะที่ว่านเล่ยตะโกน ดอกบัวสีดำในมือของเขาก็ค่อยๆเปิดออก
ดอกบัวหมุนอย่างรวดเร็วคล้ายกับกงจักรก่อนจะพุ่งไปตัดโซ่ทั้งสามออกทันที
”อั้ก!”ว่านเล่ย กระอักเลือดออกมา ก่อนที่เขาจะรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
”ดอกบัวแห่งความตายจงเปิดออก!”ทันใดนั้นประโยคเหมือนๆกันถูกพูดออกมา
”อะไรนะ?!ว่านเล่ย อยากจะหนีแต่มันก็สายไปแล้ว ในตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจในสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ ได้กล่าว “รวมหัวกันเพื่อต่อต้านเจ้า คิดง่ายไป ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นเอง…”
แน่นอนว่า…
หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
ต่อให้ฟาง เจิ้งจือ จะเชี่ยวชาญเต๋าทั้งสามเขาก็ไม่หวาดกลัว แต่ความจริงก็คือเขาได้รับบาดเจ็บแล้ว
”ตูม!”
ดอกบัวสีดำหมุนวนอย่างรวดเร็วกลายเป็นพายุขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาว่านเล่ย เสื้อผ้า หน้าผม และผิวหนังของเขาถูกเผาไหม้
ตอนนี้ว่านเล่ย ดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนเขากำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มเยาะเย้ย
”กลับหยินหยาง!”ว่านเล่ย ตะโกนเบาๆ ก่อนที่เรื่องแปลกประหลาดจะเกิดขึ้น ไฟสีดำที่แผดเผาร่างเขาอยู่นั้นหายไปทันที
เขาเป็นศิษย์เอกของศาลาหยินหยาง
เขาจะแพ้ฟาง เจิ้งจือ ได้ยัง? เขารออยู่
รอโอกาสที่จะสวนกลับ
ในความจริงเมื่อเขาเห็นดอกบัวแห่งความตายในมือของฟาง เจิ้งจือ เขาก็ได้วางแผนไว้แล้ว และตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน
”ตาย!”สายตาของว่านเล่ยเต็มไปด้วยความเย็นชา ก่อนที่เขาจะค่อยๆดูดกลืนพลังจากดอกบัวแห่งความตายเขาไปในร่าง การทำแบบนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องสูญเสีย
อย่างไรก็ตามเขาไม่สนใจอีกต่อไป
ต่อให้เขาจะบาดเจ็บแค่ไหนต่อให้เขาอาจจะต้องใช้พลังไม่ได้ไปอีกสองปี วันนี้เขาต้องทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ได้รับสิ่งที่ทำไว้กับเขา
”ตูม!”เปลวไฟลุกโชนรอบตัว ว่านเล่ย จนสูงเสียดฟ้า
ศิษย์เอกของศาลาหยินหยางจะอ่อนแอได้ยังไง?
เขาต้องการให้ฟาง เจิ้งจือ ตาย ถ้าเขาตายว่านเล่ยจะสามารถกูหน้าตัวเองได้ นั่นคือสิ่งที่ว่านเล่ยคิด
อย่างไรก็ตามความคิดนี้อยู่ได้ไม่นานนักเพราะมีดาบเล่มหนึ่งปรากฎอยู่ด้านหน้าเขา ดาบธรรมดาๆ
”ฉึก!”ก่อนที่มันจะเสียบทะลุอกของเขาทันที
”ถ้าเจ้าอยากตายงั้นข้าจะฆ่าเจ้าเอง!” ว่านเล่ย ได้ยินเสียงที่ข้างหูของเขา เสียงเบาๆแต่กลับทำให้เขาตัวสั่นด้วยความกลัว
.