Gate of God - ตอนที่ 720 ภาพเซียนสวรรค์
ตอนที่ 720 ภาพเซียนสวรรค์
การสร้างปัญหาให้ตัวเองถือว่าพลาดมหันต์!
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าการโจมตีของเขาถึงได้เป็นปัญหา
ฟางเจิ้งจือ รู้ว่าถึงอยากจะหนีแค่ไหน เขาก็ไม่มีโอกาสนั้นแน่นอน แรงดึงดูดนี้รุนแรงกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเทียนซิงถึงไม่หลบหมัดของเขา
เพราะหลบไม่ได้!แรงดึงดูดจากประตูนั้นมากเกินไป
”ฟางเจิ้งจือ!”เสียงของ ฉือ กูเหยียน ดังขึ้น นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หางงูพันรอบตัวของ ฟาง เจิ้งจือ
ขณะเดียวกัน…
นางเคาะที่ประตูหินด้วยนิ้ว
”ตูม!”ระเบิดที่รุนแรงประตูหินสั่นคลอนจากแรงระเบิด
”รีบปิดประตูเร็วเข้า!”มู่ฉิงเฟิง พูดขึ้น ในขณะนั้นเขาก็กระแทกฝ่ามืออีกครั้ง
เหล่าศิษย์โดยรอบต่างตอบสนองในทันทีตอนนี้พวกเขาต้องช่วย ฟาง เจิ้งจือ และวิธีเดียวที่จะทำได้นั่นก็คือปิดประตู
ฟางเจิ้งจือ ประหลาดใจ
บนโลกใบนี้มีคนไม่ต้องการให้เขาตายแน่นอนว่าในความรู้สึกนั้นก็มีความรู้สึกที่หดหู่รวมอยู่ด้วย
เขาไม่ได้รู้สึกหดหู่เพราะว่าเขากำลังถูกดูดเข้าไป
แต่ดูเหมือนเหล่าอุกาบาตที่ลอยอยู่ด้านในประตูกำลังพุ่งมาที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมให้หินเหล่านั้นมาโดนใบหน้าของเขาแน่นอน
แต่เขาไม่สามารถขยับได้
เขาถูกแรงจากทั้งสองฝั่งดึงอยู่
เขาทำได้แค่ยอมรับชะตากรรม
ขณะที่อุกกาบาตเข้าหาฟาง เจิ้งจือ เขาก็กัดฟันและก้มหัวลง
”ตูม!”
ทันใดนั้นดวงดาวมากมายปรากฎอยู่หน้าฟาง เจิ้งจือ พวกมันหมุนวนอยู่ด้านหน้าเขา ราวกับกำลังเต้นรำอย่างมีความสุข
จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าโลกของเขามืดลงทันที
ทันทีที่โลกมืดลงฟาง เจิ้งจือ เห็นร่างหนึ่งอยู่ในประตูสีเขียว ร่างนั้นล่องลอยอยู่กลางท้องฟ้า
แน่นอนว่ามีดวงตาคู่หนึ่ง
ดวงตาสีทอง
”ตูม!”เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ดวงตาคู่นั้น เขารู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่ทันที
จากนั้น…
ทุกอย่างก็หายไปเขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังกอดเขาอย่างอบอุ่น เขาได้กลิ่นหอมจางๆจากร่างนั้น
…
ฟางเจิ้งจือ กำลังฝัน
มันเป็นความฝันที่ยาวนานมากในความฝันเขาเห็นรอยแตกขนาดใหญ่บนท้องฟ้า ดาวนับไม่ถ้วนหลุดออกจากรอยแตกกลายเป็นอุกกาบาตพุ่งมาที่โลก
มีสัตว์ประหลาดจำนวนหนึ่งเกล็ดของพวกมันมีสีสันที่หลาดหลายดวงตาเป็นสีแดงเลือดและมีฟันที่แหลมคม
เลือดไฟ น้ำ…
ภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก
มันเป็นหายนะอย่างแท้จริงเปลวไฟเผาไหม้ทุกหนแห่ง อสูรร้ายฆ่าล้างมนุษย์
เมื่อมนุษย์ชาติใกล้จะสูญพันธ์ุมีร่างหนึ่งได้ปรากฎขึ้นกลางอากาศ ผมของนางยาวสลวย ชุดของนางเป็นสีขาวบริสุทธิ์
ครึ่งล่างของนางไม่ได้เป็นหางงูแต่อย่างใดแต่เป็นเท้าเปล่า
ข้างหลังนางมีร่างหลายๆร่างยืนอยู่พวกเขาถูกห่อหุ้มด้วยโลกและท้องฟ้า แสงหลากหลายสีส่องออกจากร่างของพวกเขา
ภายใต้การนำของหญิงสาวคนพวกนั้นรีบวิ่งตามนางเข้าไปในรอยแตกบนท้องฟ้าใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
…
ฟางเจิ้งจือ ลืมตาตื่นขึ้นมา มีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ด้านหน้าเขาเช่นกัน ชุดสีชมพูดของนางอาบไปด้วยแสงอาทิตย์
มันเป็นภาพที่งดงามมาก
มันมากพอที่จะทำให้ฟาง เจิ้งจือ ตกตะลึงไปสักพัก ตอนนี้ปัญหาเดียวของเขาคือเขายังคงปวดหัวอยู่
”ตื่นหรือยัง?”นางหันกลับมาช้าๆ
ท่าทีของนางไม่ได้เย็นชาแต่เต็มไปด้วยความสงบ
”อืมข้าอยู่ที่ไหนกัน?” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า ก่อนจะมองไปรอบๆ เขาพบว่าเขาอยู่ในบ้านไม้ที่ดูธรรมดาๆและเงียบสงบหลังหนึ่ง นอกจากโต๊ะและเก้าอี้แค่สองตัว และดอกไม้ต้นไม้จำนวนมากที่ปลูกอยู่ก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว
”ที่ที่ข้าอาศัยอยู่ในศาลาเต๋าสวรรค์”ฉือ กูเหยียน ตอบ จากนั้นนางก็เดินไปที่โต๊ะไม้ ก่อนจะเทน้ำชาลงบนแก้วไม้ ก่อนที่จะเดินมาทางเตียงที่ ฟาง เจิ้งจือ นอนอยู่ “ชาดอกไม้ ข้าเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง”
”เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่?”ฟาง เจิ้งจือ รับชามาจากนาง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจากดอกไม้ที่ลอยอยู่บนชา
เขาค่อยๆดื่นมันช้าๆขณะที่เขาดื่ม เขารู้สึกสดชื่นราวกับกำลังว่ายอยู่ในแม่น้ำ
“ใช่แล้ว” ฉือ กูเหยียน พยักหน้า
”เหยียนซิว เป็นยังไงบ้าง?” เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ยืนขึ้นจากเตียง เขาพบว่าเขาเปลือยอยู่ เขาจึงเลือกถอยกลับเข้าไปในผ้าห่มทันที
”เขาฟื้นเมื่อสิบวันก่อนท่านอาจารย์ต้องรับเขาเป็นศิษย์ แต่เขาปฏิเสธ” ฉือ กูเหยียน พอจะเดาได้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะถามเรื่องนี้
”ปฏิเสธ?ทำไม…เดี๋ยวนะเจ้าบอกว่าสิบวันที่แล้ว?!” ฟาง เจิ้งจือ ค่อนข้างสับสน ก่อนที่เขากระโดดขึ้นจากเตียงทันที
สิบวัน…
”ข้าหมดสติไปสิบวันเลยงั้นหรือ?!”
เมื่อเขาถามออกมาเขาพบว่าท่าทีของ ฉือ กูเหยียน นั้นแปลกไป ใบหน้าที่สงบของนางเริ่มขึ้นสีเล็กน้อย
”…”
”เดี๋ยวนะข้าไม่ได้ใส่อะไรอยู่นี่!”
…
ฟางเจิ้งจือ ดูเหมือนยังไม่พร้อมที่จะยอมรับความจริงข้อนี้ เขาหมดสติอยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์เป็นเวลาครึ่งเดือน
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยินดีแน่นอน
เพราะมันหมายความว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่สามเดือนครึ่ง
”ข้าต้องไปแล้วมู่ ฉิงเฟิง อยู่ที่ไหน? เขาได้สัญญาบางอย่างกับข้าไว้ ข้าอยากจะพบเขาก่อนที่ข้าจะไป!”ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมา
”ท่านอาจารย์บาดเจ็บเล็กน้อยอย่างน้อยน่าจะครึ่งเดือนกว่าเขาจะออกมาจากการเก็บตัว” ฉือ กูเหยียน พูด ก่อนที่จะหยุดไปสักพัก “อย่างไรก็ตามข้าได้ถ่ายทอดคำสั่งของเจ้าไปแล้ว เจ้าสามารถใช้เวลาในศาลาเต๋าสวรรค์ได้หนึ่งเดือน ในหนึ่งเดือนนี้ เจ้ามีสิทธิ์เท่ากับผู้อาวุโสคนหนึ่ง เจ้าสามารถเข้าไปทุกที่ที่ผู้อาวุโสสามารถไปได้ นอกจากนี้เจ้าจะได้รับขวดยาวิญญานสวรรค์หนึ่งขวด ชุดเกราะทลายวายุ แล้วก็เหยี่ยวหิมะ เหรียญตราของศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์…”
”เจ้ากำลังจะทรยศศาลาเต๋าสวรรค์งั้นหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ฉือ กูเหยียน เขารู้สึกว่าถ้านางอยากจะไร้ยางอาย นางคงไร้ยางอายได้มากกว่าเขา
ทุกสิ่งที่นางมอบให้มันเป็นสิ่งที่มีข้าเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่เหรียญาตราศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์…
แน่นอว่านางจะร้องขอตาเฒ่าเจ้าเล่ห์มู่ ฉิงเฟิง มากเท่าไรก็ได้เพราะนางเป็นศิษย์รัก
”เจ้าใช้เวลาไปแล้วครึ่งเดือนหลังจากที่ท่านอาจารย์ออกมาจากการเก็บตัวเจ้าสามารถเข้าไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับข้าได้” ฉือ กูเหยียน ไม่ได้ตอบ ฟาง เจิ้งจือ แต่นางยังคงพูดต่อไป
”บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์?”ฟางเจิ้งจือ กระพริบตา
”ใช่ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ทุกคนเมื่อเข้าถึงพลังระดับจุติ จะมีโอกาสได้เข้าไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกเรียกว่า ฝนศักดิ์สิทธิ์นั้นเพราะว่า ฝนแต่ละหยดเกิดจากการผสมผสานของสมุนไพรและพืชมากกว่า 999 ขนิดเมื่อได้เข้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะสามารถดื่มมันได้สักอึกสองอึก ทั้งยังอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย จากนั้น เจ้าจะได้เห็นภาพเซียนสวรรค์ทั้งเก้า” ฉือ กูเหยียน อธิบาย
”ภาพเซียนสวรรค์ทั้งเก้า”ฟางเจิ้งจือ กระพริบตาอีกครั้ง
แน่นอนว่าเขาต้องมีปฏิกิริยาเช่นนั้นถ้าเขาถามออกไปว่าภาพเซียนสวรรค์ทั้งเก้าคืออะไร มันคงน่าละอายไม่น้อย
”ใช่แล้วภาพแต่ละชนิดเป็นตัวแทนของสวรรค์ ในประวัติศาสตร์ของศาลาเต๋าสวรรค์ มี 49 คนที่สามารถเข้าถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด และมี 7 คนสามารถเข้าถึงสวรรค์ชั้นแปด และมีเพียงคนเดียวที่เข้าถึงสวรรค์ชั้นเก้า” ฉือ กูเหยียน อธิบายเพิ่ม
”เจ้ารู้ไหม…ว่า หนานกง เฮา ไปถึงสวรรค์ชั้นไหน?” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า ทันใดนั้นเอง ก็มีร่างๆปรากฎขึ้นในใจเขา
”สวรรค์ชั้นแปด”ฉือ กูเหยียน ตอบกลับอย่างไม่ต้องคิด
”1ใน 7 คนที่เข้าถึงสวรรค์ชั้นแปดก็คือ หนานกง เฮา งั้นหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ สั่นเทา
แน่นอนว่าประตูหินถูกปิดไปแล้ว นอกจากนั้น ยังถูกผนึกด้วยพลังของ กู่ หยวน จากสำนักหุบเขาฟู่ซี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รู้ว่า หนานกง เฮา เข้าถึงสวรรค์ชั้นแปด ก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นภายในใจ
หนานกงเฮา …
เขาอาจจะยังไม่ตาย!
”หนานกงมู่ ออกไปจากศาลาเต๋าสวรรค์แล้ว” ฉือ กูเหยียน พูดขึ้น เมื่อนางเห็น ฟาง เจิ้งจือ เงียบลง นางก็ค่อยๆเดินกลับไป
”อืม”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
เขาเดาว่าหนานกง มู่ คงออกไปแล้ว หลังจากเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับ หนานกง เฮา เขาไม่มีทางอยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์ต่ออย่างแน่นอน
”ก่อนเขาจะไปเขาพูดอะไรบางอย่าง” ฉือ กูเหยียน พูดอีกครั้ง
”โอ้?่เขาบอกว่าจะไปที่ไหนหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ฉือ กูเหยียน เขาเดาว่า หนานกง มู่ คงทิ้งที่อยู่ไว้ให้เขา
”ไม่ใช่คำพูดนั้นกล่าวถึง หยาน ฉิง” ฉือ กูเหยียน พูดอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัว
”หา?”ฟาง เจิ้งจือ สงสัย
”หนานกงมู่ บอกให้เจ้าเอาชนะเขาสักครั้งนึง เขาบอกกับ หยาน ฉิง ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า” ฉือ กูเหยียน พูดออกมา เมื่อนางพูดจบ แววตาของนางก็ส่องประกาย
”…”ริมฝีปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุก ในตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรออกมาดี
เขารู้สึกว่าในโลกนี้ไม่มีคำว่าเพื่อนแท้” อะไรกัน? นี่หมายความมิตรภาพของพวกเราจบลงแล้วงั้นหรือ?”
”อ้อใช่ข้าลืมบอกเจ้าอีกอย่าง หยาน ฉิง กำลังรอเจ้าอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขารอมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว” ฉือกูเหยียน พูดอีกครั้ง รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนางเล็กน้อย ราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานออกมา