Gate of God - ตอนที่ 727 ความต่างชั้น
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์คนหนึ่งที่มีชื่อว่าลู่แทบจะหมดอาลัยตายอยาก สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำนั้นตัดกำลังใจพวกเขามากเกินไป
เขาเข้าใจภาพเซียนสวรรค์ได้ทันทีแค่มองเพียงครั้งเดียวใครจะเชื่อได้ง่ายๆ แต่มันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา พวกเขาจะปฏิเสธมันได้ยังไง?
แน่นอนไม่ใช่แค่พวกเขาแม้แต่เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่อยู่ด้านนอกบ่อน้ำเองก็งุนงงเช่นกัน
เขาใช้เวลาเดินทางจากป่าแห่งความลึกลับมาที่เก้าสวรรค์โดยใช้เวลาน้อยแค่ไหนกัน?
ทำไมเขาถึงเร็วขนาดนี้?
…
ภายในเก้าสวรรค์แผ่นภาพที่อยู่ด้านหน้า ฟาง เจิ้งจือ ได้หายไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองเช่นไร เกิดอะไรขึ้น? ข้าเข้าใจมันได้แล้วงั้นหรือ?
ขณะที่เขากำลังคิดฉากด้านหน้าของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ฟาง เจิ้งจือ พบว่ามีสายตาจำนวนมากกำลังจ้องมาที่เขาด้วยความหวาดกลัว
ใครจะไม่ตกใจถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับพวกเขา?
พวกเขาประหลาดใจโดยสิ้นเชิง
”ฟางเจิ้งจือ เข้ามาในเก้าสวรรค์ได้ยังไง?”
”ไม่เข้าขึ้นมาชั้นที่สองได้ยังไงต่างหาก?”
”เขาออกจากป่าแห่งความลึกลับมาตอนไหนกัน?”
”เขาเป็นคนจริงๆงั้นหรือ?”
ความสงสัยมีอยู่เต็มหัวของพวกเขา
แน่นอนเมื่อเทียบกับศิษย์เกือบสามสิบคนที่ยืนอยู่ชั้นสองศิษย์ที่อยู่ในชั้นหนึ่งนั้นต้องงงงวยยิ่งกว่า ในฐานะศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์พวกเขามีความเชื่อมั่นและภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก พวกเขามักได้รับความเคารพอยู่เสมอ แต่ตอนนี้…
พวกเขากำลังตามหลังศิษย์ส่วนใหญ่อยู่เกือบสามสิบคนขึ้นไปที่ชั้นสองแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ชั้นแรก
และยิ่งไปกว่านั้นความสำเร็จของฟาง เจิ้งจือ นั้นได้ตอกย้ำพวกเขายิ่งกว่าเดิม
พวกเขาทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า
”…”
”เกิดอะไรขึ้น?”
“เขา…เขาเพิ่งไขปริศนา…ภาพสวรรค์ทั้งเก้าได้!”
พวกเขามองไปที่แผ่นภาพที่ลอยอยู่ด้านหน้าของพวกเขาพวกเขาไม่สามารถทนความอับอายได้อีกต่อไป พวกเขาทรุดลงกับพื้น
ท่าทีของหยาน ฉิง ก็แปลกไปเช่นกัน เขาไม่แพ้ แต่เขาก็ไม่ชนะเช่นกันเพราะทั้ง ฟาง เจิ้งจือ และตัวเขาได้เข้ามาสู่เก้าสวรรค์พร้อมๆกัน แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ ไอรีนโนเวล
สิ่งสำคัญคือแม้พวกเขาทั้งสองจะเข้ามาในเวลาเดียวกันแต่ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ ไปชั้นสองแล้ว เขายังคงยืนอยู๋ที่ชั้นหนึ่ง
”ภาพเซียนสวรรค์จะเรียบง่ายขนาดนี้เลยหรือ?”หยาน ฉิง จ้องไปที่ภาพที่มีแค่ขีดเดียวด้านหน้า
ในไม่ช้าดูเหมือนเขาจะได้เข้าสู่โลกที่แตกต่างออกไปมันเป็นโลกที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรแม้แต่น้อย ที่นี่ที่ไหนกัน?
ความกดดันทำให้หยาน ฉิง เหวี่ยงหมัดไปทั่วโดยสัญชาติญาน หนึ่งหมัด สองหมัด สามหมัก…เขาเหวี่ยงหมัดใส่โลกที่ว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง แต่โลกที่ว่างเปล่าก็ยังคงว่างเปล่าเช่นเคย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ไม่!ตอนนี้้ขาควรจะอยู่ที่เก้าสวรรค์ เมื่อกี้ข้ากำลังดูภาพเซียนสวรรค์อยู่ ใช่แล้ว มันมีแค่ขีดเดียว ขีดเดียวเท่านั้น
เขาเหวี่ยงหมัดจนเขาเริ่มเหนื่อย
”ตูม!”เสียงของการพังทลายดังขึ้นไม่ช้าโลกที่ว่างเปล่าก็ถูกกำจัดด้วยหมัดของเขา
สีขาวหายไปต้นไม้และทุ่งหญ้าสีเขียวได้กลับมาสู่สายตาของเขา แผ่นภาพนั้นหายไป พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นข้างหู
”หยานฉิง ได้เข้าสู่สวรรค์ชั้นที่สอง!”
”….” ศิษย์ที่เหลือในชั้นแรกเห็น หยาน ฉิง นั้นหายไปกับตา ริมฝีปากของพวกเขากระตุก พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมา
พวกเขาต้องเห็นฉากที่น่าเจ็บปวดเช่นนี้อีกกี่ครั้งกัน
…
ศิษย์เกือบสามสิบคนที่อยู่ในชั้นสองก็รู้สึกแบบเดียวกันเพราะเสียงประกาศหนึ่งดังก้องอยู่ที่ข้างหูพวกเขา…
”ฟางเจิ้งจือ เข้าสู่สวรรค์ชั้นที่สาม!” ”…สวรรค์ชั้นที่สาม!”
”…”
มีอะไรที่แย่ไปกว่าการที่ตัวเองวิ่งออกมาก่อนประมาณหนึ่งชั่วโมงแต่กลับแพ้ให้คนที่วิ่งตามมาที่หลัง?
ใช่!ตอนนี้พวกเขาถูกแซงไปแล้ว!
”….” เหล่าศิษย์ต่างพูดไม่ออก ฟาง เจิ้งจือ เข้ามาที่ชั้นสองนี้ไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ!
ขณะที่พวกเขากำลังสับสนอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของพวกเขา “หยาน ฉิง ได้เข้าสู่สวรรค์ชั้นที่สอง!”
”….” เกือบสามสิบคนหันไปมอง หยาน ฉิง ที่พึ่งปรากฎตัวขึ้นมาโดยไม่ได้รู้ตัวแม้แต่น้อย ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ
โลกนี้…เต็มไปด้วยปีศาจจริงๆ!!
พวกเขาถูกทำให้อับอายครั้งแล้วครั้งเล่า
แน่นอนว่าหยาน ฉิง ไม่ได้สังเกตุเห็นสีหน้าของศิษย์คนอื่นๆแม้แต่น้อย ความเป็นจริง หยาน ฉิง ไม่คิดแม้แต่จะมองไปที่พวกเขาด้วยซ้ำ เพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่า…เขาได้ยินเสียงประกาศว่า ฟาง เจิ้งจือ ได้ไปสู้สวรรค์ชั้นที่สามแล้ว!
แม้ว่าการเดิมพันระหวังเขากับฟาง เจิ้งจือ นั้นจะจบไปแล้ว แต่ในเมื่อยังไม่ได้ผู้ชนะที่เหมาะสม เขาจะยอมแพ้ง่ายๆได้ยังไงกัน?
ดังนั้นเขายังคงต้องการที่จะแข่งกับฟาง เจิ้งจือ ต่อ มันชัดเจนว่าเขาต้องการแข่งขันว่าใครจะไปถึงสวรรค์ชั้นสูงๆได้ไวกว่ากัน
”เร็วมาก!แต่ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าให้ได้แน่นอน!” หยาน ฉิง เงยหน้ามองภาพที่อยู่บนฟ้าด้วยความมุ่งมั่น
เมื่อเปรียบเทียบกับภาพแรกภาพที่สองนี้มีเส้นที่มากกว่าชัดเจน
มันเป็นเหมือนเส้นคลื่นที่เรียงต่อกันจำนวนมากอาจจะตีความได้ว่าเป็นหมอกที่หนาทึบ เป็นสายลม เป็นคลื่นน้ำ? ”มันหมายความว่ายังไงกัน?”ไม่เหมือนภาพแรกที่พา หยาน ฉิง ไปสู่โลกที่ว่างเปล่า ตอนนี้เขากำลังยืนงุนงงอยู่
…
”เห็นได้ชัว่าภาพแรกนั้นหมายถึงความเรียบง่ายและภาพที่สองนั้นหมายถึงธรรมชาติ ภาพเซียนสวรรค์นั้นง่ายขนาดนี้เลยงั้นรึ?” ฟาง เจิ้งจือ มองออกไปยังทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ด้านหน้า ก่อนจะมองไปที่ภาพที่ลอยอยู่บนฟ้า
ทันใดนั้นเขารู้สึกหัวใจของเขาว่างเปล่าๆแปลกๆแต่ทันใดนั้นได้เกิดเสียงดังขึ้นที่ข้างหูของเขาอีกครั้ง
”ฉือกูเหยียน เข้าสู่สวรรค์ชั้นห้า!”
”…สวรรค์ชั้นที่ห้า!”
”…”
”ตายซะ!”ฟาง เจิ้งจือ ชูนิ้วกลางของเขาขึ้นบนท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว เขาคิดแค่ว่าเขาต้องรีบไปสวรรค์ชั้นต่อไปเพื่อทำให้ ฉือ กูเหยียน ตกใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่้ต้องตกใจเสียเอง
นางเร็วจริงๆฟาง เจิ้งจือ พึ่งมาถึงสวรรค์ชั้นสาม ฉือ กูเหยียน นั้นไปถึงสวรรค์ชั้นที่ห้าแล้ว ช่องว่างของพวกเขานั้นไม่ใช่น้อยๆ ในทางตรงกันข้ามมันห่างกันมาก
ฟางเจิ้งจือ รู้ดี ว่ายิ่งชั้นสูงขึ้น ความยากก็ต้องมากขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องคิดให้เร็วมากกว่านี้!
ฟางเจิ้งจือ เงยหน้าขึ้นมองภาพอย่างรวดเร็ว มันเป็นภาพวาดหมึก เส้นลากจากด้านบนไปทางซ้ายก่อนที่จะค่อยๆจางลงเมื่อไปลากไปถึงด้านขวาล่าง นอกจากนั้นบนภาพยังเต็มไปด้วยรอยหมึกประปรายกระจายไปทั่ว
ฟางเจิ้งจือ เลิกคิ้ว ภาพนี้มีความซับซ้อนมากกว่าภาพแรกอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่แน่ใจจริงๆว่ามันหมายถึงอะไรหลังจากมองเพียงครั้งแรก
ภาพสาดหมึก?
อะไร…มันหมายถึงอะไร? ………………………………….