Gate of God - ตอนที่ 739 บุญคุณ
…
ณสวรรค์ชั้นแปดแห่งบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเข้ามาถึงฟาง เจิ้งจือ เห็นเสาสีขาวที่เหมือนกับที่สวรรค์ชั้นเจ็ด ฉือ กูเหยียน ยืนอยู่หน้าเสา
ชุดสีชมพูพริ้วไหวไปตามสายลม
มันเป็นภาพที่สวยงามและ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไรเพราะเห็นว่า ฉือ กูเหยียน กำลังตั้งอกตั้งใจมองภาพ
ตัวนางเองก็ไม่ได้คิดจะทักทายฟาง เจิ้งจือ เหมือนที่ทำในสวรรค์ชั้นเจ็ด
”โอ้?่เจ้ากำลังดูภาพอยู่นี่ ถ้าเจ้ารู้อะไรก็บอกข้าด้วยสิ ใครจะรู้ เจ้าอาจได้คำแนะนำจากข้าเหมือนครั้งก่อนก็ได้ เจ้าต้องเข้าใจนะว่า ที่เจ้ามาถึงสวรรค์ชั้นแปดได้นั้นเป็นเพราะข้า ใช่ไหม?”ฟาง เจิ้งจือ พูดในขณะที่เดินเข้าหา ฉือ กูเหยียน แน่นอนว่าในขณะที่เขาเดินเข้าไปเขาก็เงยหน้ามองภาพเช่นกัน
เขามองมัน… ..
เสียงฝีเท้าของเขาหยุดลงในทันที
เป็นเพราะบนภาพไม่มีหมึกหรือรูปใดๆอยู่เลย มันเป็นเพียงกระดาษเปล่า
กระดาษเปล่า?!
จู่ๆฟาง เจิ้งจือ ก็รู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่มีทั้งความรักและความเชื่อใจ การที่มังกรปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าในสวรรค์ชั้นเจ็ดนั้นก็ทำให้เขาท้อมากพอแล้ว
ในสวรรค์ชั้นแปดกลับเป็นภาพที่ว่างเปล่า?
ได้ยังไงกัน?
ราวกับว่าเขาที่รอคำถามอย่างตั้งอกตั้งใจแต่ผู้ถามกลับโยนกระดาษเปล่าให้เขาแผ่นหนึ่ง
ไม่มีคำถามใดๆ … .. เขาจะตอบอย่างไร?
คำถามมันกว้างเกินไปเขาต้องพึ่งดวงในการเดาความคิดของผู้ถามเท่านั้น
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตั้งคำถามข้อนี้ขึ้นมา แล้วเขาจะเดามันได้ยังไง?
เมื่อฉือ กูเหยียน ได้ยินคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ นางก็ค่อยๆหันมองเขา
”ที่ข้าคิดก็คือทุกสิ่งเริ่มจากความว่างเปล่า และกลายเป็นบางสิ่ง ก่อนที่จะหายไปเป็นความว่างเปล่าอีกครั้ง ทุกสิ่งเกิดจากความว่างเปล่าและหายไปเป็นความว่างเปล่า แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าคิดอะไรต่างไปจากนี้ไหม?”ฉือ กูเหยียน เอ่ยปากพูด ดูเหมือนนางจะไม่ลังเลแม้แต่น้อย
”ทุกสิ่งมาจากความว่างเปล่าและหายไปเป็นความว่างเปล่า?”ฟาง เจิ้งจือ สั่นเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำพูดของ ฉือ กูเหยียน นั้นทำให้เขาตกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่านางจะยอมบอกความคิดของตัวเองออกมา
เห็นได้ชัดเลยว่านางต่างกับตอนที่อยู่ในสวรรค์ชั้นเจ็ด
”ถ้าเจ้ายังคิดอะไรไม่ออกงั้นเจ้าก็ดูภาพไปก่อน” ฉือ กูเหยียน หาที่นั่งลงและไม่สนใจจะมองภาพต่อ
”ทำไมเจ้าถึงบอกข้า?”ฟางเจิ้งจือ รู้สึกสับสนหลังจากเห็นนางนั่งลง
ในตอนแรกเขาคิดจะพูดยั่วเพื่อกวนสมาธิของฉือ กูเหยียน
เขาไม่คิดจะปราณีจนกระทั่งเห็นฉือ กูเหยียน นั่งลง
แต่…
ในตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองไร้เรี่ยวแรงไปหมด
”เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือ?ให้ขอบคุณคำแนะนำของเจ้า ที่ทำให้ข้าเข้าสู่สวรรค์ชั้นแปดได้ ดังนั้นในตอนนี้ แน่นอนว่าข้าเองก็ต้องทำเช่นเดียวกัน” ฉือ กูเหยียน พูดอย่างเป็นปกติ
”ข้าเกือบจะเชื่อเจ้าแล้ว”ฟาง เจิ้งจือ ทำท่าดูถูก ในขณะที่เขาไม่อยากเชื่อคำพูดของ ฉือ กูเหยียน
เขาเข้าใจฉือ กูเหยียน เป็นอย่างดี
ตามนิสัยของนางแล้วนางจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ นอกจากนี้ นางยังพยายามอย่างมาก กับการวางแผนนี้
ถ้าฉือ กูเหยียน อยากให้เขาชนะจริงๆ นางคงไม่เดิมพัน ให้ผู้อาวุโสหกส่งเขาไปที่ป่าแห่งความลึกลับ
มันเป็นกับดัก!
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นกับดัก!
เขาจะไม่ตกลงไปแน่นอนอย่างไรก็ตามสำหรับคำพูดของ ฉือ กูเหยียน ตอนนี้ เขาไม่ได้พบปัญหาใดๆเกี่ยวกับมัน
เพราะเหมือนที่ ฉือ กูเหยียน พูด… กระดาษที่ว่างเปล่าข้างหน้าอาจจจะหมายถึงทุกสิ่งมาจากความว่างเปล่าและจะกลายเป็นความว่างเปล่าอีกครั้ง Aileen-novel
แต่ถ้านั่นเป็นคำตอบที่แท้จริงทำไม ฉือ กูเหยียน ต้องให้ข้อมูลนี้กับเขา และที่สำคัญทำไมนางถึงยังคงรออยู่ที่สวรรค์ชั้นแปด
ปัญหา
จะต้องมีปัญหา
แต่ปัญหาของปัญหาอยู่ตรงไหน?
ฟางเจิ้งจือ ไม่ค่อยเข้าใจ เขามองมันหลายครั้ง ก่อนที่เขาจะได้ข้อสรุป…
มันเป็นกระดาษเปล่าชิ้นหนึ่ง
และมันก็เป็นกระดาษธรรมดาที่ไม่มีร่องรอยของน้ำหมึกแม้แต่น้อย
เขาต้องดูกระดาษเปล่าแบบนี้ไปอีกหนึ่งชั่วโมงเลยงั้นหรือ?
ฟางเจิ้งจือ มองไปที่ ฉือ กูเหยียน ที่กำลังหลับตาเพื่อพักผ่อนอยู่ ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆนางในทันที สายลมเบาๆพัดผ่านชุดกระโปรงยาวของฉือ กูเหยียน
ฟางเจิ้งจือ สามารถได้กลิ่นน้ำหอมจางๆจากตัวนาง รวมถึงความอบอุ่นและเสียงลมหายใจของนางได้
”ข้ามีคำถาม”ฟาง เจิ้งจือ นั่งลงข้างๆและถามนาง
”พูด”ฉือ กูเหยียน ไม่แม้แต่จะลืมตา นางพยักหน้าเบาๆเท่านั้น
”เจ้าบอกว่าถ้าข้าโจมตีเจ้าจนหมดสติ ก็เท่ากับข้าชนะการแข่งขันนี้ใช่ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ปรับร่างกายเล็กน้อยให้อยู่ในตำแหน่งที่สบายมากยิ่งขึ้น
”นั่นไม่นับ”ฉือ กูเหยียน ตอบกลับมาอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา
”ถ้าเจ้าหมดสติเพราะข้าเนี่ยนะ?”
”แน่นอนว่าไม่เรากำลังแข่งขันกันอยู่ว่าใครจะไปถึงชั้นสูงสุดได้โดยใช้เวลาน้อยกว่ากัน ข้าก้าวมาที่สวรรค์ชั้นแปดก่อนเจ้า ถ้าเจ้าไม่สามารถไปยังสวรรค์ชั้นเก้าได้ถือว่าข้าชนะ” ฉือ กูเหยียน ตอบ
”แต่นั่นเพราะข้าช่วยเจ้า!”ฟาง เจิ้งจือ ดูเหมือนยังไม่พอใจ
”แต่ความจริงก็คือข้าเร็วกว่าเจ้า?”ฉือ กูเหยียน ตอบกลับ ก่อนที่จะค่อยเอนร่างลงช้าๆ
”…..” ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะสิ่งที่ ฉือ กูเหยียน พูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด และพวกเขากำลังแข่งขันกันว่าใครจะไปถึงชั้นที่สูงกว่ากัน
เมื่อคิดถึงจึดนี้ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าอุณหภูมิรอบๆเขานั้นสูงกว่าปกติ จากนั้นเขาก็รู้สึกหนักที่ไหล่ของเขา
”หือ?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าหัวของ ฉือ กูเหยียน นั้นพิงไหล่เขาอยู่
หรือว่า…
ฉือกูเหยียน เริ่มจะพัฒนาความรู้สึกกับข้างั้นหรือ?
เสน่ห์อันน่าดึงดูดของเขาทำให้นางลงมืออย่างฉับพลัน?ในสถานการณ์แบบนี้เขาน่าจะได้เปรียบใช่หรือไม่?
แต่ตอนที่เขาอยู่ในบ้านไม้กับ ฉือ กูเหยียน พวกเขามักจะรักษาระยะห่างกันตลอดเวลา
มันเป็นกับดัก!
การกระทำของฉือ กูเหยียน นั้นดูผิดปกติมาก ก่อนอื่นนางพูดแนวคิดของนางออกมาอย่างใจกว้าง รวมถึงใช้กลอุบายนี้เพื่อล่อลวงเขา
เดี๋ยวก่อน….
นางคิดจะถ่วงเวลาใช่ไหม?
หลังจากความคิดนี้ผุดขึ้นในใจเขาก็ตื่นขึ้นทันที จากนั้นเหงื่ออันเย็นเฉียบก็ไหลลงมาจากหน้าผากของเขา
เห็นได้ชัดว่าฉือ กูเหยียน ตั้งใจจะชะลอเวลา
นางทำเป็นยอมแพ้และนอนลงข้างๆเขาเพื่อถ่วงเวลาให้พวกเขาอยู่ในชั้นแปด เพราะนั่นหมายถึงนางจะชนะ!
นางช่างเป็นนักแสดงที่เก่งกาจเหลือเกิน!
ที่สำคัญถ้าฉือ กูเหยียน สามารถไขปริศนาในชั้นแปดได้ นางคงไม่รอ ฟาง เจิ้งจือ มาถึงชั้นแปด
”ข้าจะไปดูรูปอีกหน่อย!”ฟางเจิ้งจือ ขยับไหล่ของเขาก่อนจะลุกขึ้น จากนั้นเขาก็เงยหน้ากระดาษเปล่าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
”อืมจริงๆแล้วข้ามีเรื่องที่ข้ารู้บางอย่าง เจ้าอยากจะฟังไหม?” ฉือ กูเหยียน ลุกขึ้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
”จะดีกว่าถ้าเจ้าหยุดเล่นละครเสียทีมันจะดูจริงใจกว่านี้!” ฟาง เจิ้งจือ ชูนิ้วกลางใส่ ฉือ กูเหยียน ทันที
”ฮ่าฮ่า…”หลังจากได้ยิน ฉือ กูเหยียน รู้สึกช่วยไม่ได้ นางทำได้แค่หัวเราะออกมาเสียงดัง นางคล้ายกับดอกไม้ที่สวยงามที่สุดที่ตอนนี้กำลังเบ่งบานอย่างเต็มที่
มันเป็นความงามที่แม้แต่ดวงดาวที่เปล่งประกายที่สุดก็ต้องยอมแพ้ให้นางมันทั้งสวยงามและงดงามเป็นอย่างมา
……………………………………..