Gate of God - ตอนที่ 770 อยากมีเพื่อน?
เหยียนเฉียนหลี่ ที่อยู่ห่างออกไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน ใบหน้าของเขาพลันซีดขาวทันที เขารีบพุ่งตัวเข้าไปหาผู้อาวุโสสองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แสสีแดงเลือดโอบรอบตัวเขาเอาไว้
”อย่าคิดที่จะทำร้ายหลานชายข้า!”
”เหยียนเฉียนหลี่ อย่าดื้อรั้นไป เหยียน ซิว กลายเป็นอาชูร่าคลั่งแล้วไม่มีใครช่วยเขาได้!” แม้ผู้อาวุโสสองเห็น เหยียน เฉียนหลี่ พุ่งเข้ามา แต่เขาก็ไม่ลังเลเขาพุ่งไปหา เหยียน เฉียนหลี่ เพื่อขัดขวาง ขณะที่ดาบทั้งเก้ากำลังหมุนวนอยู่รอบตัว เหยียน ซิว “ตาย!”
”ตูมตูม ตูม…”เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดาบทั้งเก้าทั้งแทงทั้งฟันเข้าไปที่เป้าหมายอย่างไร้ปราณีฝุ่นลอยตลบอบอวลไปทั่ว แต่ออร่าสีดำก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันพยายามต่อต้านดาบทั้งเก้าเล่ม เห็นได้ชัดว่าดาบสีทองทั้งเก้าเล่มยังคงได้เปรียบอยู่
อย่างไรก็ตามออร่าสีดำก็ไม่ได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แต่มันกลับหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสสองเริ่มมีเหงื่อไหลออกมา
อาชูร่าคลั่งนั้นเป็นเครื่องจักรสังหารที่ถูกควบคุมโดยปีศาจอาชูร่าโดยสมบูรณ์พลังของมันนั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าแข็งแกร่งขนาดไหน เพราะมันเป็นตัวแทนของอาชูร่าโดยตรง
แสงสีทองปะทะกับแสงสีดำอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นเองเหยียน เฉียนหลี่ ได้ปรากฎตัวต่อหน้าผู้อาวุโสสอง เขาไม่มีทางทนดู เหยียน ซิว ตายไปเฉยๆได้แน่นอน แม้เขาจะกลายเป็นอาชูร่าคลั่งก็ตาม
เหยียนเฉียนหลี่ กำหมัดแน่นและต่อยออกไปโดยไม่ลังเล แสงสีแดงล้อมรอบมือของเขาเอาไว้ ”แม้ว่าจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนถ้าเจ้าเร็วมันไม่พอมันก็ไร้ค่า!” ผู้อาวุโสไม่ได้แปลกใจที่ เหยียน เฉียนหลี่ ปรากฎตัวขึ้น เขาขยับไปด้านข้างก่อนจะยื่นมือออกไปจับไหล่ของ เหยียน เฉียนหลี่ ก่อนจะตะโกนออกมา “ระฆังสวรรค์!”
จากนั้นระฆังทองที่อยู่รอบตัวเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวมันห่อหุ้ม เหยียน เฉียนหลี่ ไว้ด้านในอย่างสมบูรณ์
”ตึง!”เสียงดังขึ้น พร้อมกับร่าง เหยียน เฉียนหลี่ ที่ตกลงมาบนพื้นอย่างหนัก เขาถูกขังด้วยระฆังทองขนาดใหญ่ไม่มีทางที่จะหนีได้
เมื่อศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เห็นฉากนี้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
”ผู้อาวุโสสองแข็งแกร่งมาก!”
”แน่นอนระฆังทองของผู้อาวุโสสองนั้นเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมาก มันทั้งใช้โจมตีและป้องกันได้ ต่อให้มี เหยียน เฉียนหลี่ ห้าสิบคนก็ไม่สามารถทำอะไรได้!” ”จงตายซะ!เพื่อศาลาเต๋าสวรรค์! เพื่อผู้อาวุโสสอง!”
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ที่ตอนแรกถูกกดดันให้ถอยไปเพราะนิกายเงาเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขารู้ว่าผลการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่พวกเขา แต่อยู่ที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามรบ
ตราบใดที่ผู้อาวุโสสองสามารถฆ่าเหยียน เฉียนหลี่ และ ฟาง เจิ้งจือ ได้สำเร็จ พวกเขาก็จะไม่เสียเปรียบอีกต่อไป สุดท้ายศาลาเต๋าสวรรค์ก็จะชนะ
”ฉึก!”เสียงดาบแทงเข้าไปในร่างกาย พร้อมกับคนของนิกายเงาที่ล้มลงไปบนพื้น
ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสสี่และหกคนของนิกายเงาไม่กี่คนไม่สามารถรับมือได้นานนัก เวลาผ่านไปร่างศิษย์ของนิกายเงาล้มลงบนพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ
”ไม่เราทนไม่ได้อีกแล้ว!”เซียนสวรรค์พักพิงเองก็กังวลเช่นกัน แผนเดิมของเขาคือถ่วงเวลาให้ ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตาม
เวลาตอนนี้ผ่นไปนานแล้ว
หยวนหรงและคนอื่นๆได้ตายด้วยน้ำมือของฟาง เจิ้งจือ แล้ว อย่างไรก็ตาม เหยียน ซิว กลับกลายเป็นอาชูร่าคลั่งอย่างกระทันหัน ทำให้เขาไม่สามารถหนีได้
เขายังสามารถหนีได้ไหม?
ถ้าไม่การต่อสู้ครั้งนี้ผลลัธ์ต้องออกมาเลวร้ายแน่นอน
เซียนสวรรค์พักพิงรู้ว่าแม้นิกายเงาจะแข็งแกร่งมากขึ้นพวกเขาก็ต้องพบการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงถ้ายังจะสู้กับศาลาเต๋าสวรรค์ต่อไป
ที่สำคัญพวกเขายังอยู่ในเขตของศาลาเต๋าสวรรค์
ไม่มีใครรู้ว่าความวุ่นวายนี้จะดึงดูดความสนใจคนของศาลาเต๋าสวรรค์ออกมาเพิ่มอีกไหมถ้ามีผู้อาวุโสออกมาเพิ่ม โอกาสหนีรอดของพวกเขายิ่งน้อยลง ”พาเหยียน ซิว ไป!” เขารู้ว่ายิ่งสู้นานแค่ไหนยิ่งไม่เป็นผลดีกับนิกายเงา ดังนั้นพวกเขาต้องหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม…
สภาพปัจจุบันของเหยียน ซิว เขาจะถูกพาตัวไปได้ง่ายๆยังไง?
เหยียนเฉียนหลี่ รู้ถึงสิ่งที่เซียนสวรรค์พักพิงคิด เขาเองก็ต้องการพา เหยียน ซิว ไปจากที่นี่เช่นกัน แต่ยังไงล่ะ?
ตัวเขาเองก็ติดอยู่ในระฆัง
แม้เขาจะไม่ติดอยู่ที่นี่วิธีเดียวที่จะเอาตัว เหยียน ซิว กลับไปได้คือเอาชนะอาชูร่าคลั่ง
”น้องหกเจ้าต้องรับมือตรงนี้คนเดียว ข้าจะไปช่วยพี่สอง!”ผู้อาวุโสสี่เห็นว่าเซียนสวรรค์พักพิงกำลังคิดจะหลบหนี เขาจึงทิ้งการต่อสู้ตรงนี้และตรงไปหาผู้อาวุโสสองในทันที
”อย่าคิดนะว่าจะหนีไปได้!”เซียนสวรรค์พักพิงพยายามขวางเข้าเอาไว้ อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหกยังคงอยู่ด้านหน้าเขา
”คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”เสียงของผู้อาวุโสหกเต็มไปด้วยความเยือกเย็น การต่อสู้จะรู้ผลเมื่อฝ่ายหนึ่งแพ้เท่านั้น
”น้องสี่ข้าจัดการเหยียน ซิว กับ เหยียน เฉียนหลี่ เอง เจ้าไปจัดการ ฟาง เจิ้งจือ!” เมื่อผู้อาวุโสสองเห็นผู้อาวุโสสี่ตรงมา เขาก็รู้ผลลัพธ์ในการต่อสู้ครั้งนี้ทันที
เพราะเมื่อเขาร่วมมือกับผู้อาวุโสสี่ไม่ว่าฟาง เจิ้งจื หรือ เหยียน เฉียนหลี่ ก็ไม่สามารถหนีไปได้ เหตุผลนั้นง่ายมาก พวกเขาไม่สามารถพา เหยียน ซิว ไปได้
ตราบใดที่เหยียน ซิว ยังอยู่ที่นี่พวกเขาก็ไม่คิดจะหลบนี
”ตกลง!”ผู้อาวุโสสี่เข้าใจความคิดของผู้อาวุโสสองในทันทีเขาหันหลังและรีบตรงไปหา ฟาง เจิ้งจือ
แต่ทันใดนั้นกรงเล็บสีดำขนาดใหญ่ก็ได้คว้าเข้าที่ขาของผู้อาวุโสสี่
”ตูม!เสียงระเบิดอันรุนแรงดังขึ้น
ผู้อาวุโสสี่ล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรงในเวลาเดียวกันอีกกรงเล็บหนึ่งก็ตรงมาที่คอของเขา
”อะไรกัน?!”เมื่อผู้อาวุโสสองเห็นเชนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
เพราะเขาสามารถกดดันเหยียน ซิว ได้อย่างสมบูรณ์
แต่เหยียน ซิว กลับทำร้ายผู้อาวุโสสี่ได้ มันไม่สมเหตุสมผล
ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะจิตสำนึก
”เพื่อน?นี่คือความหมายของคำว่าเพื่อนงั้นรึ?” เสียงหนึ่งดังขึ้น เงาสีเขียวปรากฎตัวต่อหน้าผู้อาวุโสสี่ สายตาของเขามองไปที่กรงเล็บสีดำบนพื้น สีหน้าของเขาตอนนี้ดูแน่วแน่
”หยานฉิง เจ้าจะทำอะไร? สวะ!” เมื่อผู้อาวุโสสี่เห็น หยาน ฉิง ดวงตาของเขาส่องประกายทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรหมัดของ หยาน ฉิง ก็ตรงมาที่หน้าเขาแล้ว มันเป็นหมัดที่รวดเร็วและไร้ความลังเลแม้แต่น้อย
”ตูม!”
หมัดของเขาปะทะเข้ากับใบหน้าของผู้อาวุโสสี่ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “อืม ข้าก็อยากมีเพื่อนเช่นกัน!
ใบหน้าของผู้อาวุโสสี่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะหมัดของ หยาน ฉิง ที่ไม่ได้รุนแรงอะไร
อย่างไรก็ตามมันเป็นเพราะความอัปยศ
เพราะ…
ผู้ที่โจมตีใส่เขาเป็นศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ต่างรอบๆต่างมองด้วยความตกใจพวกเขาไม่คิดว่า หยาน ฉิง จะกล้าต่อยหน้าผู้อาวุโสสี่
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย
”หยานฉิง บ้าไปแล้วหรอ?!” ”เพื่อน?เขาคิดอะไรอยู่?!”
”เขาไม่กลัวตายงั้นรึ?”
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้สถานการณ์ในตอนนี้ไมว่าใครมองก็รู้ว่าฝ่ายใดเหนือกว่า
”น้องสี่…”ผู้อาวุโสสองก็อยากจะพูดบางอย่างเช่นกันเขารู้นิสัยของผู้อาวุโสสี่ดี แม้เขาจะไม่ได้ก้าวร้าย แต่เขาก็มีความภูมิใจในตัวเองสูง
มีหมัดมาต่อยที่หน้าตัวเอง?
นอกจากนี้ยังต่อหน้าศิษย์จำนวนมากรอบๆเขาจะทนความอัปยศเช่นนี้ได้ยังไง?
”ตูม!”เสียงระเบิดอันรุนแรงดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นกรงเล็บที่จับผู้อาวุโสสี่อยู่ก็ระเบิดกระจุย
เป็นอย่างที่ผู้อาวุโสสองคิด…
ผู้อาวุโสสี่ตอนนี้โมโหมาก!
แสงพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าก่อนที่พวกมันจะถูกดูดเข้ามาในตัวของผู้อาวุโสสี่จนหมด ในเวลาเดียวกันผิวหนังบนใบหน้าของเขาก็เปล่งแสงออกมาราวกับแก้ว
จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหว
ดาบของเขาแยกเป็นสองส่วนสีน้ำเงินและแดง สีแดงเหมือนไฟ สีน้ำเงินเหมือนน้ำ ฝั่งหนึ่งร้อนระอุ อีกฝั่งเยือกเย็น มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
”นั้นดาบเพลิงและดาบน้ำแข็งของผู้อาวุโสสี่ใช่ไหม?”
”ข้าไม่เห็นเขาใช้ดาบสองเล่มนี้มานานมาก!”
”ใช่แล้ว…ข้าเกรงว่าตอนนี้ผู้อาวุโสสี่คงโกรธมาก!”
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ต่างรู้ความหมายของดาบทั้งสองเล่มนี้ดีเล่มหนึ่งเป็นน้ำแข็ง อีกเล่มเป็นไฟ มันแตกต่างกันสุดขั้ว
มันแสดงให้เห็นถึงชีวิตของผู้อาวุโสสี่เช่นกัน
เขาถูกฝึกฝนในพื้นที่ที่หนาวจัดและร้อนจัดทำให้เขาเชี่ยวชาญเต๋าแห่งไฟและเต๋าน้ำแข็ง เป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็สามารถผสานทั้งสองจนกลายเป็นหนึ่งได้…
……………………………………..
”อย่าคิดที่จะทำร้ายหลานชายข้า!”
”เหยียนเฉียนหลี่ อย่าดื้อรั้นไป เหยียน ซิว กลายเป็นอาชูร่าคลั่งแล้วไม่มีใครช่วยเขาได้!” แม้ผู้อาวุโสสองเห็น เหยียน เฉียนหลี่ พุ่งเข้ามา แต่เขาก็ไม่ลังเลเขาพุ่งไปหา เหยียน เฉียนหลี่ เพื่อขัดขวาง ขณะที่ดาบทั้งเก้ากำลังหมุนวนอยู่รอบตัว เหยียน ซิว “ตาย!”
”ตูมตูม ตูม…”เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดาบทั้งเก้าทั้งแทงทั้งฟันเข้าไปที่เป้าหมายอย่างไร้ปราณีฝุ่นลอยตลบอบอวลไปทั่ว แต่ออร่าสีดำก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันพยายามต่อต้านดาบทั้งเก้าเล่ม เห็นได้ชัดว่าดาบสีทองทั้งเก้าเล่มยังคงได้เปรียบอยู่
อย่างไรก็ตามออร่าสีดำก็ไม่ได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แต่มันกลับหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสสองเริ่มมีเหงื่อไหลออกมา
อาชูร่าคลั่งนั้นเป็นเครื่องจักรสังหารที่ถูกควบคุมโดยปีศาจอาชูร่าโดยสมบูรณ์พลังของมันนั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าแข็งแกร่งขนาดไหน เพราะมันเป็นตัวแทนของอาชูร่าโดยตรง
แสงสีทองปะทะกับแสงสีดำอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นเองเหยียน เฉียนหลี่ ได้ปรากฎตัวต่อหน้าผู้อาวุโสสอง เขาไม่มีทางทนดู เหยียน ซิว ตายไปเฉยๆได้แน่นอน แม้เขาจะกลายเป็นอาชูร่าคลั่งก็ตาม
เหยียนเฉียนหลี่ กำหมัดแน่นและต่อยออกไปโดยไม่ลังเล แสงสีแดงล้อมรอบมือของเขาเอาไว้ ”แม้ว่าจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนถ้าเจ้าเร็วมันไม่พอมันก็ไร้ค่า!” ผู้อาวุโสไม่ได้แปลกใจที่ เหยียน เฉียนหลี่ ปรากฎตัวขึ้น เขาขยับไปด้านข้างก่อนจะยื่นมือออกไปจับไหล่ของ เหยียน เฉียนหลี่ ก่อนจะตะโกนออกมา “ระฆังสวรรค์!”
จากนั้นระฆังทองที่อยู่รอบตัวเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวมันห่อหุ้ม เหยียน เฉียนหลี่ ไว้ด้านในอย่างสมบูรณ์
”ตึง!”เสียงดังขึ้น พร้อมกับร่าง เหยียน เฉียนหลี่ ที่ตกลงมาบนพื้นอย่างหนัก เขาถูกขังด้วยระฆังทองขนาดใหญ่ไม่มีทางที่จะหนีได้
เมื่อศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เห็นฉากนี้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
”ผู้อาวุโสสองแข็งแกร่งมาก!”
”แน่นอนระฆังทองของผู้อาวุโสสองนั้นเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมาก มันทั้งใช้โจมตีและป้องกันได้ ต่อให้มี เหยียน เฉียนหลี่ ห้าสิบคนก็ไม่สามารถทำอะไรได้!” ”จงตายซะ!เพื่อศาลาเต๋าสวรรค์! เพื่อผู้อาวุโสสอง!”
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ที่ตอนแรกถูกกดดันให้ถอยไปเพราะนิกายเงาเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขารู้ว่าผลการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่พวกเขา แต่อยู่ที่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามรบ
ตราบใดที่ผู้อาวุโสสองสามารถฆ่าเหยียน เฉียนหลี่ และ ฟาง เจิ้งจือ ได้สำเร็จ พวกเขาก็จะไม่เสียเปรียบอีกต่อไป สุดท้ายศาลาเต๋าสวรรค์ก็จะชนะ
”ฉึก!”เสียงดาบแทงเข้าไปในร่างกาย พร้อมกับคนของนิกายเงาที่ล้มลงไปบนพื้น
ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสสี่และหกคนของนิกายเงาไม่กี่คนไม่สามารถรับมือได้นานนัก เวลาผ่านไปร่างศิษย์ของนิกายเงาล้มลงบนพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ
”ไม่เราทนไม่ได้อีกแล้ว!”เซียนสวรรค์พักพิงเองก็กังวลเช่นกัน แผนเดิมของเขาคือถ่วงเวลาให้ ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตาม
เวลาตอนนี้ผ่นไปนานแล้ว
หยวนหรงและคนอื่นๆได้ตายด้วยน้ำมือของฟาง เจิ้งจือ แล้ว อย่างไรก็ตาม เหยียน ซิว กลับกลายเป็นอาชูร่าคลั่งอย่างกระทันหัน ทำให้เขาไม่สามารถหนีได้
เขายังสามารถหนีได้ไหม?
ถ้าไม่การต่อสู้ครั้งนี้ผลลัธ์ต้องออกมาเลวร้ายแน่นอน
เซียนสวรรค์พักพิงรู้ว่าแม้นิกายเงาจะแข็งแกร่งมากขึ้นพวกเขาก็ต้องพบการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงถ้ายังจะสู้กับศาลาเต๋าสวรรค์ต่อไป
ที่สำคัญพวกเขายังอยู่ในเขตของศาลาเต๋าสวรรค์
ไม่มีใครรู้ว่าความวุ่นวายนี้จะดึงดูดความสนใจคนของศาลาเต๋าสวรรค์ออกมาเพิ่มอีกไหมถ้ามีผู้อาวุโสออกมาเพิ่ม โอกาสหนีรอดของพวกเขายิ่งน้อยลง ”พาเหยียน ซิว ไป!” เขารู้ว่ายิ่งสู้นานแค่ไหนยิ่งไม่เป็นผลดีกับนิกายเงา ดังนั้นพวกเขาต้องหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม…
สภาพปัจจุบันของเหยียน ซิว เขาจะถูกพาตัวไปได้ง่ายๆยังไง?
เหยียนเฉียนหลี่ รู้ถึงสิ่งที่เซียนสวรรค์พักพิงคิด เขาเองก็ต้องการพา เหยียน ซิว ไปจากที่นี่เช่นกัน แต่ยังไงล่ะ?
ตัวเขาเองก็ติดอยู่ในระฆัง
แม้เขาจะไม่ติดอยู่ที่นี่วิธีเดียวที่จะเอาตัว เหยียน ซิว กลับไปได้คือเอาชนะอาชูร่าคลั่ง
”น้องหกเจ้าต้องรับมือตรงนี้คนเดียว ข้าจะไปช่วยพี่สอง!”ผู้อาวุโสสี่เห็นว่าเซียนสวรรค์พักพิงกำลังคิดจะหลบหนี เขาจึงทิ้งการต่อสู้ตรงนี้และตรงไปหาผู้อาวุโสสองในทันที
”อย่าคิดนะว่าจะหนีไปได้!”เซียนสวรรค์พักพิงพยายามขวางเข้าเอาไว้ อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหกยังคงอยู่ด้านหน้าเขา
”คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”เสียงของผู้อาวุโสหกเต็มไปด้วยความเยือกเย็น การต่อสู้จะรู้ผลเมื่อฝ่ายหนึ่งแพ้เท่านั้น
”น้องสี่ข้าจัดการเหยียน ซิว กับ เหยียน เฉียนหลี่ เอง เจ้าไปจัดการ ฟาง เจิ้งจือ!” เมื่อผู้อาวุโสสองเห็นผู้อาวุโสสี่ตรงมา เขาก็รู้ผลลัพธ์ในการต่อสู้ครั้งนี้ทันที
เพราะเมื่อเขาร่วมมือกับผู้อาวุโสสี่ไม่ว่าฟาง เจิ้งจื หรือ เหยียน เฉียนหลี่ ก็ไม่สามารถหนีไปได้ เหตุผลนั้นง่ายมาก พวกเขาไม่สามารถพา เหยียน ซิว ไปได้
ตราบใดที่เหยียน ซิว ยังอยู่ที่นี่พวกเขาก็ไม่คิดจะหลบนี
”ตกลง!”ผู้อาวุโสสี่เข้าใจความคิดของผู้อาวุโสสองในทันทีเขาหันหลังและรีบตรงไปหา ฟาง เจิ้งจือ
แต่ทันใดนั้นกรงเล็บสีดำขนาดใหญ่ก็ได้คว้าเข้าที่ขาของผู้อาวุโสสี่
”ตูม!เสียงระเบิดอันรุนแรงดังขึ้น
ผู้อาวุโสสี่ล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรงในเวลาเดียวกันอีกกรงเล็บหนึ่งก็ตรงมาที่คอของเขา
”อะไรกัน?!”เมื่อผู้อาวุโสสองเห็นเชนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
เพราะเขาสามารถกดดันเหยียน ซิว ได้อย่างสมบูรณ์
แต่เหยียน ซิว กลับทำร้ายผู้อาวุโสสี่ได้ มันไม่สมเหตุสมผล
ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะจิตสำนึก
”เพื่อน?นี่คือความหมายของคำว่าเพื่อนงั้นรึ?” เสียงหนึ่งดังขึ้น เงาสีเขียวปรากฎตัวต่อหน้าผู้อาวุโสสี่ สายตาของเขามองไปที่กรงเล็บสีดำบนพื้น สีหน้าของเขาตอนนี้ดูแน่วแน่
”หยานฉิง เจ้าจะทำอะไร? สวะ!” เมื่อผู้อาวุโสสี่เห็น หยาน ฉิง ดวงตาของเขาส่องประกายทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรหมัดของ หยาน ฉิง ก็ตรงมาที่หน้าเขาแล้ว มันเป็นหมัดที่รวดเร็วและไร้ความลังเลแม้แต่น้อย
”ตูม!”
หมัดของเขาปะทะเข้ากับใบหน้าของผู้อาวุโสสี่ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “อืม ข้าก็อยากมีเพื่อนเช่นกัน!
ใบหน้าของผู้อาวุโสสี่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะหมัดของ หยาน ฉิง ที่ไม่ได้รุนแรงอะไร
อย่างไรก็ตามมันเป็นเพราะความอัปยศ
เพราะ…
ผู้ที่โจมตีใส่เขาเป็นศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ต่างรอบๆต่างมองด้วยความตกใจพวกเขาไม่คิดว่า หยาน ฉิง จะกล้าต่อยหน้าผู้อาวุโสสี่
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย
”หยานฉิง บ้าไปแล้วหรอ?!” ”เพื่อน?เขาคิดอะไรอยู่?!”
”เขาไม่กลัวตายงั้นรึ?”
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้สถานการณ์ในตอนนี้ไมว่าใครมองก็รู้ว่าฝ่ายใดเหนือกว่า
”น้องสี่…”ผู้อาวุโสสองก็อยากจะพูดบางอย่างเช่นกันเขารู้นิสัยของผู้อาวุโสสี่ดี แม้เขาจะไม่ได้ก้าวร้าย แต่เขาก็มีความภูมิใจในตัวเองสูง
มีหมัดมาต่อยที่หน้าตัวเอง?
นอกจากนี้ยังต่อหน้าศิษย์จำนวนมากรอบๆเขาจะทนความอัปยศเช่นนี้ได้ยังไง?
”ตูม!”เสียงระเบิดอันรุนแรงดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นกรงเล็บที่จับผู้อาวุโสสี่อยู่ก็ระเบิดกระจุย
เป็นอย่างที่ผู้อาวุโสสองคิด…
ผู้อาวุโสสี่ตอนนี้โมโหมาก!
แสงพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าก่อนที่พวกมันจะถูกดูดเข้ามาในตัวของผู้อาวุโสสี่จนหมด ในเวลาเดียวกันผิวหนังบนใบหน้าของเขาก็เปล่งแสงออกมาราวกับแก้ว
จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหว
ดาบของเขาแยกเป็นสองส่วนสีน้ำเงินและแดง สีแดงเหมือนไฟ สีน้ำเงินเหมือนน้ำ ฝั่งหนึ่งร้อนระอุ อีกฝั่งเยือกเย็น มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
”นั้นดาบเพลิงและดาบน้ำแข็งของผู้อาวุโสสี่ใช่ไหม?”
”ข้าไม่เห็นเขาใช้ดาบสองเล่มนี้มานานมาก!”
”ใช่แล้ว…ข้าเกรงว่าตอนนี้ผู้อาวุโสสี่คงโกรธมาก!”
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ต่างรู้ความหมายของดาบทั้งสองเล่มนี้ดีเล่มหนึ่งเป็นน้ำแข็ง อีกเล่มเป็นไฟ มันแตกต่างกันสุดขั้ว
มันแสดงให้เห็นถึงชีวิตของผู้อาวุโสสี่เช่นกัน
เขาถูกฝึกฝนในพื้นที่ที่หนาวจัดและร้อนจัดทำให้เขาเชี่ยวชาญเต๋าแห่งไฟและเต๋าน้ำแข็ง เป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็สามารถผสานทั้งสองจนกลายเป็นหนึ่งได้…
……………………………………..