Gate of God - / ตอนที่ 774 ระฆังทอง
ณป่าด้านล่างภูเขา ศาลาเต๋าสวรรค์
ฟางเจิ้งจือ ยังคงสู้อยู่กับผู้อาวุโสสองและคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ได้เปรียบมาก
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เริ่มออกแอลงพวกเขาได้รับบาเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับการต่อสู้ระหว่างเซียนสวรรค์พักพิงและผู้อาวุโสหก…
มันรุนแรงกว่าการต่อสู้ของศิษย์ทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมากมันรุนแรงมากขึ้นเรื่อนๆ แต่มันก็ทำให้พวกเขาจนมุม
ผู้อาวุโสหกไม่สามารถเอาชนะเซียนสวรรค์พักพิงได้เซียนสวรรค์พักพิงก็ไม่สามารถเอาชนะผู้อาวุโสหกได้เช่นกัน การต่อสู้จึงต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ในด้านผู้อาวุโสสองเขาอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายจริงๆ การเข้ามาของหยาน ฉิง รวมถึงแนวทางการต่อสู้อันป่าเถื่อนของเขาทำให้จังหวะของผู้อาวุโสสองวุ่นวาย
เหยียนซิว นั้นต่อสู้ออกไปด้วยรูปแบบที่แตกต่างจาก หยาน ฉิง เช่นกัน
ตอนนี้เขาใช้เพียงสัญชาตญานต่อสู้เพียงอย่างเดียวเขาไม่สามารถแยกแยะมิตรหรือศัตรูอะไรได้ทั้งสิ้น
สิ่งที่เขาต้องการคือฆ่าเท่านั้น…
อย่างไรก็ตามจิตสังหารของเขาเหมือนพยายามหลีกเลี่ยงฟาง เจิ้งจือ ตลอดเวลา มันเพ่งเล็งไปที่ผู้อาวุโสสองและ หยาน ฉิง เท่านั้น
ผู้อาวุโสสองไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่แต่เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับมันได้ ทุกการเคลื่อนไหวของ เหยียน ซิว นั้นหลีกเลี่ยง ฟาง เจิ้งจือ โดยสมบูรณ์
มันทำให้ฟาง เจิ้งจือ ได้เปรียบอย่างแน่นอนในการต่อสู้ที่วุ่นวายนี่้
หากหยาน ฉิง และ เหยียน ซิว นับเป็นความไม่แน่นอนแล้วนั้น ฟาง เจิ้งจือ นั้นสามรถเรียกได้ว่าเป็นคนไร้ยางอายที่คอยยิงธนูมาจากที่ไกลๆ
ยิ่งไปกว่านั้นการฟันของฟาง เจิ้งจือ แต่ละครั้งนั้นน่ากลัวมาก
เมื่อรวมกับเต๋านรกและโซ่ตรวนนรกที่ปรากฎขึ้นแบบสุ่มแล้วนั้นผู้อาวุโสต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการป้องกัน
หลังจากที่เขาเห็นฟาง เจิ้งจือ สู้กับหยวนหรง เขาไม่กล้าประมาท ฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไป โดยเฉพาะโซ่ตรวนนรก
ถ้ามันเจาะเขาได้เมื่อไร…
มันเท่ากับความตายของเขาที่รออยู่
”ข้าจะแพ้งั้นรึ?”ผู้อาวุโสสองไม่อยากจะยอมรับความจริงในเรื่อบนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาแพ้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะไม่เต็มใจยอมรับมันเท่าไร แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้การต่อสู้ยืดยาวต่อไปได้ โดยเฉพาะระหว่างศิษย์นิกายเงากับศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์
หากสิ่งนี้ดำเนินต่อไป…
เขาสามารถจินตนาการถึงจำนวนผู้เสียชีวิตในตอนจบได้เลย
เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง?
ช่วงเวลาที่เขากำลังประมาทมัวแต่คิดมันทำให้เขาเจ็บปวดที่แขน เห็นได้ชัดว่ามันมีรอยถลอกเล็กน้อย คนเดียวที่สามารถโจมตีเขาตอนนี้ได้คือ หยาน ฉิง
แน่นอนว่าช่วงเวลาที่หยาน ฉิง โจมตีที่แขนเขา รอยดาบเองก็ปรากฎที่แขนหยาน ฉืง เช่นกัน เขาถูกดาบบินทั้งเก้าเล่มบาด
แผลลึกมากจนสามารถมองเห็นกระดูกได้
อย่างไรก็ตามหยาน ฉิง ไม่สนใจ
แขนเสื้อของหยาน ฉิง โชกไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตามบาดแผลของเขากลับสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสสองย่อมรู้ว่าหยาน ฉิง เองก็มีสายเลือดพิเศษบางอย่างเช่นกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันไร้ประโยชน์ถ้าเขาไม่สามารถโจมตีใส่ หยาน ฉิง อย่างรุนแรงในครั้งเดียวได้
ฟางเจิ้งจือ ไม่มีทางให้เขาทำแบบนั้นแน่นอน
”ข้าจะต้องแพ้จริงๆใช่ไหม?”ผู้อาวุโสสองถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะความสำคัญของการต่อสู้ครั้งนี้ เขาคงสั่งถอยไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!ไม่มีทาง!
”แม้ว่าข้าจะตายข้าก็จะต้องรักษาความรุ่งโรจน์ของศาลาเต๋าสวรรค์ไว้ให้ได้ ข้าจะแพ้ไม่ได้ ฟาง เจิ้งจือ ต้องตาย!” ร่างของผู้อาวุโสสองโชกไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตามเขายังคงพยายามฝืนต่อไป ลำแสงสีทองยาวประมาณ25เซนติเมตรพุ่งออกจากดาบที่เขาถือ จากนั้นผู้อาวุโสสองก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศผ่านหยาน ฉิง เขาฟันลงไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่อยู่ด้านหลัง หยาน ฉิง
”ข้าอยู่นี่!”เมื่อเห็นผู้อาวุโสสองกระโดดข้ามตัวเขาไป หยาน ฉิง ย่อตัวลงและกระโดดตีลังกากลับหลังตามผู้อาวุโสสองทันที
เมื่อเท้าของเขากระทบพื้นรอยแตกปรากฎขึ้นทันที
มันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความชำนาญของเขา
ช่วงเวลาที่ผู้อาวุโสสองฟันดาบลงมาหยาน ฉิง ก็เอื้อมมือไปจับที่ขาของผู้อาวุโสสองทันที จากนั้นเขาก็ลึงดงอย่างแรง
ด้วยวิธีนี้ร่างของผู้อาวุโสเอียงไปด้านข้างเล็กน้อยดาบของเขาพลาดเป้าไปประมาณหนึ่งเซนติเมตร
”โอกาสที่ดี!”ปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกอีกครั้ง เขารอมานานแล้ว ในการต่อสู้ถ้าทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งทั้งคู่ ใครที่กังวลมากกว่าจะเปิดเผยจุดอ่อนออกมาเร็วกว่า
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสสองกำลังกังวล
ฟางเจิ้งจือ จับดาบไร้ร่องรอยแน่น แสงสีม่วงพุ่งขึ้นไปสู้ท้องฟ้า ขณะที่ผู้อาวุโสสองลอยอยู่บนอากาศ เขามั่นใจว่าถ้าโจมตีตอนนี้อย่างน้อยต้องทำให้ผู้อาวุโสสองบาดเจ็บหนักแน่นอน
เขาไม่ลังเลอีกต่อไป
เขามีอะไรที่จะต้องกังวล?
ไม่มีเลยถ้าเขาไว้ชีวิตผู้อาวุโสสองในครั้งนี้ ครั้งหน้าถ้าเจอกันเขามั่นใจว่าผู้อาวุโสสองก็ไม่ปล่อยเขาไปอยู่ดี
มันเป็นความแค้น…
ฟางเจิ้งจือ ไม่อยากสร้างศัตรูอีก
เขายกดาบของเขาขึ้น…
ได้ยินเสียงคำรามของมังกร!
ร่างของฟาง เจิ้งจือ หายไป จากนั้นเงาทั้งแปดร่างก็ปรากฎขึ้นรอบๆผู้อาวุโสสอง ทุกเงาต่างถือดาบอยู่ในมือ
”มังกรร่ายรำเหนือแปดดินแดน!”นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของ ฟาง เจิ้งจือ
ดาบทั้งแปดถูกยกขึ้นพร้อมกันแสงสีม่วงสว่างไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับเสียงร้องของมังกร ดาบทั้งแปดฟันไปที่ผู้อาวุโสสองทันที
”ตูม!”เสียงระเบิดอันรุนแรงดังขึ้น
แสงสีม่วงส่องบนท้องฟ้าราวกับดอกบัวสีม่วงจากนั้นเลือกก็สาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า
มันเป็นฉากที่น่าตกตะลึงศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ต่างเบิกตากว้าง
ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ ส่องประกาย แสงสีม่วงส่องสว่างออกมาจากดวงตาของเขา เมื่อเขาฟาดดาบออกไป เขามั่นใจว่าทำให้ผู้อาวุโสสองบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามมันยังไม่พอในการฆ่า ในตอนนั้น ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่ามีบางอย่างบังเขาเอาไว้
อย่างที่เขาคิด… แสงสีทองสว่างขึ้นและทลายแสงสีม่วงรอบๆอย่างรวดเร็ว มันยิ่งใหญ่และมีเสียงระฆังดังขึ้น
”ก้อง!”เสียงระฆังดังก้อง
แสงสีม่วงที่ปล่อยออกมาถูกกลบไปโดยสมบูรณ์ระฆังเริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา เทียบกับเงาแล้วมันแตกต่างกันมาก ระฆังมีขนาดเล็กลงแต่ยังคงหนักแน่น ผู้อาวุโสสองถือระฆังขนาดเล็กอยู่ในมือ เขาลั่นมันอย่างช้าๆ
มันคือระฆังโบราณสามารถเห็นลวดลายที่ปราณีตได้อย่างชัดเจน ดาบสีทองขนาดเล็กเก้าเล่มถูกสลักไว้และที่ด้านบนเป็นรูปร่างของสัตว์ร้าย จินฉาน (ตามที่รู้มันคือกบแห่งโชคลาภ ตามที่เห็นทั่วไปคือกบที่คาบเหรียญเอาไว้ในปาก)
”นี่คือแหล่งพลังเต๋าของผู้อาวุโสสอง’ระฆังทองคำ’!”
”แขนของผู้อาวุโสสองได้รับบาดเจ็บ?!” ”เขาถึงกับต้องใช้สิ่งนี้…ชายคนนี้อยู่ในระดับจุติจริงๆงั้นหรือ?!”
เมื่อเหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เห็นระฆังเล็กและเลือดที่ไหลอาบแขนของผู้อาวุโสสอง พวกเขาก็ไม่แปลกใจอีกแล้ว
พวกเขารู้สึกต่ำต้อย
ถ้าเขาไม่ใช่ระฆังทองคำเหล่าศิษย์ต่างก็ยังพอมีหวัง
แต่นี่หมายความว่าผู้อาวุโสสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากแล้ว
”เขาจะแพ้จริงเหรอ?ศาลาเต๋าสวรรค์ หนึ่งในห้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จะแพ้ให้กับนิกายเงาในดินแดนของตนเองงั้นหรือ?”เหล่าศิษย์ไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
แน่นอนว่าผู้อาวุโสสองไม่ยอมแพ้
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ท่สิ้นหวังถึงกับต้องใช้ระฆังทองคำแต่นั้นก็หมายความว่าพลังของผู้อาวุโสสองก็เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ”ฟางเจิ้งจือ แม้ว่าข้าจะต้องตายในวันนี้ ข้าก็จะพาเจ้าไปด้วย!”ผู้อาวุโสสองร้องลั่นออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น
ระฆังทองส่องสว่างราวกับว่าเขากำลังสวมเกราะทองอยู่
ในเวลาเดียวกันดาบเก้าเล่มบนระฆังทองก็เริ่มเคลื่อนไหวพวกมันพุ่งไปรวมที่ดาบทองของผู้อาวุโสสอง
”ติ้ง!”เสียงเบาๆดังขึ้น
ดาบทั้งเก้าหายไปทันทีและดาบในมือของผู้อาวุโสสองก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่าง แสงที่ปลายดาบส่องสว่างจ้ายิ่งขึ้น กลิ่นอายเปล่งออกอย่างไม่น่าเชื่อ มันรุนแรง0นรู้สึกได้
”ดาบทั้งเก้ารวมเป็นหนึ่ง?ท่านคงเอาจริงแล้วใช่ไหม?!”ในตอนที่ ฟาง เจิ้งจือ เห็นความเปลี่ยนแปลงนั้น เขาเองก็ตะลึงเช่นกัน
ฝ่ายตรงข้ามของเขาคือผู้อาวุโสแห่งศาลาเต๋าสวรรค์ในเรื่องของความแข็งแกร่ง เขามีพลังมากกว่าหลายเท่า เมื่อเขาตัดสินใจใช้พลังทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องตลกอีกแล้ว!
……………………………………..
��
ฟางเจิ้งจือ ยังคงสู้อยู่กับผู้อาวุโสสองและคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ได้เปรียบมาก
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เริ่มออกแอลงพวกเขาได้รับบาเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับการต่อสู้ระหว่างเซียนสวรรค์พักพิงและผู้อาวุโสหก…
มันรุนแรงกว่าการต่อสู้ของศิษย์ทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมากมันรุนแรงมากขึ้นเรื่อนๆ แต่มันก็ทำให้พวกเขาจนมุม
ผู้อาวุโสหกไม่สามารถเอาชนะเซียนสวรรค์พักพิงได้เซียนสวรรค์พักพิงก็ไม่สามารถเอาชนะผู้อาวุโสหกได้เช่นกัน การต่อสู้จึงต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ในด้านผู้อาวุโสสองเขาอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายจริงๆ การเข้ามาของหยาน ฉิง รวมถึงแนวทางการต่อสู้อันป่าเถื่อนของเขาทำให้จังหวะของผู้อาวุโสสองวุ่นวาย
เหยียนซิว นั้นต่อสู้ออกไปด้วยรูปแบบที่แตกต่างจาก หยาน ฉิง เช่นกัน
ตอนนี้เขาใช้เพียงสัญชาตญานต่อสู้เพียงอย่างเดียวเขาไม่สามารถแยกแยะมิตรหรือศัตรูอะไรได้ทั้งสิ้น
สิ่งที่เขาต้องการคือฆ่าเท่านั้น…
อย่างไรก็ตามจิตสังหารของเขาเหมือนพยายามหลีกเลี่ยงฟาง เจิ้งจือ ตลอดเวลา มันเพ่งเล็งไปที่ผู้อาวุโสสองและ หยาน ฉิง เท่านั้น
ผู้อาวุโสสองไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่แต่เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับมันได้ ทุกการเคลื่อนไหวของ เหยียน ซิว นั้นหลีกเลี่ยง ฟาง เจิ้งจือ โดยสมบูรณ์
มันทำให้ฟาง เจิ้งจือ ได้เปรียบอย่างแน่นอนในการต่อสู้ที่วุ่นวายนี่้
หากหยาน ฉิง และ เหยียน ซิว นับเป็นความไม่แน่นอนแล้วนั้น ฟาง เจิ้งจือ นั้นสามรถเรียกได้ว่าเป็นคนไร้ยางอายที่คอยยิงธนูมาจากที่ไกลๆ
ยิ่งไปกว่านั้นการฟันของฟาง เจิ้งจือ แต่ละครั้งนั้นน่ากลัวมาก
เมื่อรวมกับเต๋านรกและโซ่ตรวนนรกที่ปรากฎขึ้นแบบสุ่มแล้วนั้นผู้อาวุโสต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการป้องกัน
หลังจากที่เขาเห็นฟาง เจิ้งจือ สู้กับหยวนหรง เขาไม่กล้าประมาท ฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไป โดยเฉพาะโซ่ตรวนนรก
ถ้ามันเจาะเขาได้เมื่อไร…
มันเท่ากับความตายของเขาที่รออยู่
”ข้าจะแพ้งั้นรึ?”ผู้อาวุโสสองไม่อยากจะยอมรับความจริงในเรื่อบนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาแพ้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะไม่เต็มใจยอมรับมันเท่าไร แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้การต่อสู้ยืดยาวต่อไปได้ โดยเฉพาะระหว่างศิษย์นิกายเงากับศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์
หากสิ่งนี้ดำเนินต่อไป…
เขาสามารถจินตนาการถึงจำนวนผู้เสียชีวิตในตอนจบได้เลย
เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง?
ช่วงเวลาที่เขากำลังประมาทมัวแต่คิดมันทำให้เขาเจ็บปวดที่แขน เห็นได้ชัดว่ามันมีรอยถลอกเล็กน้อย คนเดียวที่สามารถโจมตีเขาตอนนี้ได้คือ หยาน ฉิง
แน่นอนว่าช่วงเวลาที่หยาน ฉิง โจมตีที่แขนเขา รอยดาบเองก็ปรากฎที่แขนหยาน ฉืง เช่นกัน เขาถูกดาบบินทั้งเก้าเล่มบาด
แผลลึกมากจนสามารถมองเห็นกระดูกได้
อย่างไรก็ตามหยาน ฉิง ไม่สนใจ
แขนเสื้อของหยาน ฉิง โชกไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตามบาดแผลของเขากลับสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสสองย่อมรู้ว่าหยาน ฉิง เองก็มีสายเลือดพิเศษบางอย่างเช่นกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันไร้ประโยชน์ถ้าเขาไม่สามารถโจมตีใส่ หยาน ฉิง อย่างรุนแรงในครั้งเดียวได้
ฟางเจิ้งจือ ไม่มีทางให้เขาทำแบบนั้นแน่นอน
”ข้าจะต้องแพ้จริงๆใช่ไหม?”ผู้อาวุโสสองถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะความสำคัญของการต่อสู้ครั้งนี้ เขาคงสั่งถอยไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!ไม่มีทาง!
”แม้ว่าข้าจะตายข้าก็จะต้องรักษาความรุ่งโรจน์ของศาลาเต๋าสวรรค์ไว้ให้ได้ ข้าจะแพ้ไม่ได้ ฟาง เจิ้งจือ ต้องตาย!” ร่างของผู้อาวุโสสองโชกไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตามเขายังคงพยายามฝืนต่อไป ลำแสงสีทองยาวประมาณ25เซนติเมตรพุ่งออกจากดาบที่เขาถือ จากนั้นผู้อาวุโสสองก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศผ่านหยาน ฉิง เขาฟันลงไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่อยู่ด้านหลัง หยาน ฉิง
”ข้าอยู่นี่!”เมื่อเห็นผู้อาวุโสสองกระโดดข้ามตัวเขาไป หยาน ฉิง ย่อตัวลงและกระโดดตีลังกากลับหลังตามผู้อาวุโสสองทันที
เมื่อเท้าของเขากระทบพื้นรอยแตกปรากฎขึ้นทันที
มันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความชำนาญของเขา
ช่วงเวลาที่ผู้อาวุโสสองฟันดาบลงมาหยาน ฉิง ก็เอื้อมมือไปจับที่ขาของผู้อาวุโสสองทันที จากนั้นเขาก็ลึงดงอย่างแรง
ด้วยวิธีนี้ร่างของผู้อาวุโสเอียงไปด้านข้างเล็กน้อยดาบของเขาพลาดเป้าไปประมาณหนึ่งเซนติเมตร
”โอกาสที่ดี!”ปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกอีกครั้ง เขารอมานานแล้ว ในการต่อสู้ถ้าทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งทั้งคู่ ใครที่กังวลมากกว่าจะเปิดเผยจุดอ่อนออกมาเร็วกว่า
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสสองกำลังกังวล
ฟางเจิ้งจือ จับดาบไร้ร่องรอยแน่น แสงสีม่วงพุ่งขึ้นไปสู้ท้องฟ้า ขณะที่ผู้อาวุโสสองลอยอยู่บนอากาศ เขามั่นใจว่าถ้าโจมตีตอนนี้อย่างน้อยต้องทำให้ผู้อาวุโสสองบาดเจ็บหนักแน่นอน
เขาไม่ลังเลอีกต่อไป
เขามีอะไรที่จะต้องกังวล?
ไม่มีเลยถ้าเขาไว้ชีวิตผู้อาวุโสสองในครั้งนี้ ครั้งหน้าถ้าเจอกันเขามั่นใจว่าผู้อาวุโสสองก็ไม่ปล่อยเขาไปอยู่ดี
มันเป็นความแค้น…
ฟางเจิ้งจือ ไม่อยากสร้างศัตรูอีก
เขายกดาบของเขาขึ้น…
ได้ยินเสียงคำรามของมังกร!
ร่างของฟาง เจิ้งจือ หายไป จากนั้นเงาทั้งแปดร่างก็ปรากฎขึ้นรอบๆผู้อาวุโสสอง ทุกเงาต่างถือดาบอยู่ในมือ
”มังกรร่ายรำเหนือแปดดินแดน!”นี่เป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของ ฟาง เจิ้งจือ
ดาบทั้งแปดถูกยกขึ้นพร้อมกันแสงสีม่วงสว่างไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับเสียงร้องของมังกร ดาบทั้งแปดฟันไปที่ผู้อาวุโสสองทันที
”ตูม!”เสียงระเบิดอันรุนแรงดังขึ้น
แสงสีม่วงส่องบนท้องฟ้าราวกับดอกบัวสีม่วงจากนั้นเลือกก็สาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า
มันเป็นฉากที่น่าตกตะลึงศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ต่างเบิกตากว้าง
ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ ส่องประกาย แสงสีม่วงส่องสว่างออกมาจากดวงตาของเขา เมื่อเขาฟาดดาบออกไป เขามั่นใจว่าทำให้ผู้อาวุโสสองบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามมันยังไม่พอในการฆ่า ในตอนนั้น ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่ามีบางอย่างบังเขาเอาไว้
อย่างที่เขาคิด… แสงสีทองสว่างขึ้นและทลายแสงสีม่วงรอบๆอย่างรวดเร็ว มันยิ่งใหญ่และมีเสียงระฆังดังขึ้น
”ก้อง!”เสียงระฆังดังก้อง
แสงสีม่วงที่ปล่อยออกมาถูกกลบไปโดยสมบูรณ์ระฆังเริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา เทียบกับเงาแล้วมันแตกต่างกันมาก ระฆังมีขนาดเล็กลงแต่ยังคงหนักแน่น ผู้อาวุโสสองถือระฆังขนาดเล็กอยู่ในมือ เขาลั่นมันอย่างช้าๆ
มันคือระฆังโบราณสามารถเห็นลวดลายที่ปราณีตได้อย่างชัดเจน ดาบสีทองขนาดเล็กเก้าเล่มถูกสลักไว้และที่ด้านบนเป็นรูปร่างของสัตว์ร้าย จินฉาน (ตามที่รู้มันคือกบแห่งโชคลาภ ตามที่เห็นทั่วไปคือกบที่คาบเหรียญเอาไว้ในปาก)
”นี่คือแหล่งพลังเต๋าของผู้อาวุโสสอง’ระฆังทองคำ’!”
”แขนของผู้อาวุโสสองได้รับบาดเจ็บ?!” ”เขาถึงกับต้องใช้สิ่งนี้…ชายคนนี้อยู่ในระดับจุติจริงๆงั้นหรือ?!”
เมื่อเหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เห็นระฆังเล็กและเลือดที่ไหลอาบแขนของผู้อาวุโสสอง พวกเขาก็ไม่แปลกใจอีกแล้ว
พวกเขารู้สึกต่ำต้อย
ถ้าเขาไม่ใช่ระฆังทองคำเหล่าศิษย์ต่างก็ยังพอมีหวัง
แต่นี่หมายความว่าผู้อาวุโสสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากแล้ว
”เขาจะแพ้จริงเหรอ?ศาลาเต๋าสวรรค์ หนึ่งในห้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จะแพ้ให้กับนิกายเงาในดินแดนของตนเองงั้นหรือ?”เหล่าศิษย์ไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
แน่นอนว่าผู้อาวุโสสองไม่ยอมแพ้
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ท่สิ้นหวังถึงกับต้องใช้ระฆังทองคำแต่นั้นก็หมายความว่าพลังของผู้อาวุโสสองก็เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ”ฟางเจิ้งจือ แม้ว่าข้าจะต้องตายในวันนี้ ข้าก็จะพาเจ้าไปด้วย!”ผู้อาวุโสสองร้องลั่นออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น
ระฆังทองส่องสว่างราวกับว่าเขากำลังสวมเกราะทองอยู่
ในเวลาเดียวกันดาบเก้าเล่มบนระฆังทองก็เริ่มเคลื่อนไหวพวกมันพุ่งไปรวมที่ดาบทองของผู้อาวุโสสอง
”ติ้ง!”เสียงเบาๆดังขึ้น
ดาบทั้งเก้าหายไปทันทีและดาบในมือของผู้อาวุโสสองก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่าง แสงที่ปลายดาบส่องสว่างจ้ายิ่งขึ้น กลิ่นอายเปล่งออกอย่างไม่น่าเชื่อ มันรุนแรง0นรู้สึกได้
”ดาบทั้งเก้ารวมเป็นหนึ่ง?ท่านคงเอาจริงแล้วใช่ไหม?!”ในตอนที่ ฟาง เจิ้งจือ เห็นความเปลี่ยนแปลงนั้น เขาเองก็ตะลึงเช่นกัน
ฝ่ายตรงข้ามของเขาคือผู้อาวุโสแห่งศาลาเต๋าสวรรค์ในเรื่องของความแข็งแกร่ง เขามีพลังมากกว่าหลายเท่า เมื่อเขาตัดสินใจใช้พลังทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องตลกอีกแล้ว!
……………………………………..
��