Gate of God - ตอนที่ 776 มันคือปราสาท
เขาจะถูกทับตายงั้นหรือ?
ขณะที่ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดเรื่องนี้ มีร่างสองร่างปรากฎด้านหน้าเขาทันที จากนั้นพวกเขาก็ยกเหยียน ซิว และตัว ฟาง เจิ้งจือ ขึ้น
เป็นหยาน ฉิง และ เหยียน เฉียนหลี่
ช่วงเวลาที่ภูเขาลูกใหญ่กำลังตกกระแทกพื้นเหยียน เฉียนหลี่ ได้กระโจนออกมาจากเงาภูเขาด้วยความรวดเร็ว จากนั้นร่างของ ฟาง เจิ้งจือ ก็แตะพื้นอีกครั้ง
เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาคิดอะไรแล้วเพราะเมื่อภูเขาลูกนั้นตกกระทบพื้นแรงกระแทกอันมหาศาลได้กระจายออกไป
”ตูม!!!”เสียงพร้อมเศษฝุ่นบินว่อนไปทั่ว
มันเป็นฉากที่บ้าคลั่งหลังจากที่ศิษย์นิกายเงาและศาลาเต๋าสวรรค์หนีพ้นแล้ว พวกเขาก็ได้หันไปมองมัน ฝุ่นค่อยๆร่วงลงมา
จากนั้นภูเขาสีดำค่อยๆเปิดเผยตัวต่อหน้าพวกเขา
หลังจากกระแทกพื้นภูเขาลูกนั้นค่อยๆแตกออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน มันสูง20-30เมตร มันไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ทำมาจากหินสีดำทั้งหมด บนยอดของมันมีลักษณะแปลกๆเล็กน้อย
เพราะบนนั้นมีเสาที่หักสี่ต้นตรงกลางระหว่างเสาทั้งสี่เป็นประตูหินที่เปิดออกครึ่งหนึ่ง ภาพลวดลายสัตว์ถูกแกะสลักอยู่บนประตู
มันดูเก่าแก่ราวกับถูกสร้างมานานแล้ว
”อะไรกัน?!”
“มันไม่ใช่ภูเขา แต่เป็นประสาท!”
”ปราสาทที่พังทลาย?มันตกมาได้ยังไง ยิ่งกว่านั้นทั้งปราสาททำมาจากหินสีดำ?!”
ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันทั้งแปลกประหลาดและบ้าบอเป็นอย่างมาก
ที่นี่คือศาลาเต๋าสวรรค์
มีศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์จำนวนมากคอยดูแลอยู่ไม่มีทางที่ปราสาทสีดำนี้อยู่ดีๆจะปรากฎตัวขึ้นมาได้ โดยเฉพาะอาคารทั้งหมดของศาลาเต๋าสวรรค์เป็นสีขาว ไม่มีทางที่ปราสาทนี้จะเป็นของศาลาเต๋าสวรรค์แน่นอน
อย่างไรก็ตามถ้ามันไม่ได้มาจากบนภูเขาที่ศาลาเต๋าสวรรค์ตั้งอยู่มันมาจากไหนกัน? มันคงไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้าจริงๆใช่ไหม?
ไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แม้แต่ผู้อาวุโสหกก็ไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
”ประสาทโบราณ…มันมาจากที่ไหน?”เหยียน เฉียนหลี่ ขมวดคิ้ว เขาอุ้ม เหยียน ซิว อยู่ในมือ
”ปราสาท?ประสาทที่พังทลาย?” ฟาง เจิ้งจือ เองก็ตกใจเช่นกัน เพราะเขาเห็นกับตาตัวเอง ดวงแสงอยู่ดีๆก็กลายเป็นปราทสาทสีดำ?
เชี่ยอะไรอีกวะ?!
ฟางเจิ้งจือ พยายามอ่านหนังสือทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่เรื่องตรงหน้านี้เขากลับไม่สามารถทำความเข้าใจได้แม้แต่น้อย
สำหรับวู่ จวี้เอ๋อ นางก็งงงวยเช่นกัน ดวงตาที่งดงามของนางเบิกกว้าง
สำหรับนางการต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมาะสมแม้แต่น้อย…
ดังนั้นนางจึงยืนอยู่แถวทะเลสาบไม่เข้าใกล้การต่อสู้นางไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
”ตาเฒ่าเหยียนเลิกสนใจปราสาทสีดำสักที ไปกันได้แล้ว!” ในที่สุดเซียนสวรรค์พักพิงก็สามารถแยกตัวมาจากการต่อสู้กับผู้อาวุโสหกได้เมื่อปราสาทสีดำตกลงมา เขาเป็นคนกระตือรือร้นที่สุดที่จะหนี
”เซียนสวรรค์พักพิงเจ้าทำร้ายศิษย์ข้าเจ้าคิดว่าสามารถไปไหนได้ง่ายๆงั้นหรือ?” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังมาจากท้องฟ้า เสียงดูเหมือนจะมาจากที่ไกลๆ แต่มันกลับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงนี้ใบหน้าของเซียนสวรรค์พักพิงปรากฎความกังวลขึ้นมาทันที ่ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามองทองฟ้า
ไม่ใช่เขาคนเดียว
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นแต่สีหน้าของพวกเขาต่างจากเซียนสวรรค์พักพิง ประกายแห่งความหวัง
”รีบไปกันเถอะ!”เมื่อ เหยียน เฉียนหลี่ ได้ยินเสียง เขาตัดสินใจได้ในทันที
เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่เตรียมตัวที่จะเดินทาง
”ราชาเหยียนเดินทางไกลมาที่ศาลาเต๋าสวรรค์ท่านไม่คิดแม้แต่จะกล่าวทักทายข้าหน่อยงั้นหรือ?” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันพื้นดินก็แยกออก แสงสีม่วงอ่อนพวยพุ่งขึ้นมาขวางทาง เหยียน เฉียนหลี่ เอาไว้
เมื่อเห็นแสงนี้เหยียน เฉียนหลี่ ยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีว่ามันเป็นพลังของใคร…
เขารู้ว่าเขาไม่มีโอกาสหลบหนี
แม้เขาจะเป็นผู้ปกครองดินแดนเหลียงตะวันตกตำแห่นงของเขาก็ต่ำกว่า มู่ ฉิงเฟิงที่เป็นผู้นำของศาลาเต๋าสวรรค์
ร่างสีขาวค่อยๆร่อนลงมาจากท้องฟ้าชายเสื้อสีขาวพริ้วไหวไปตามสายลม อย่างไรก็ตามร่างนั้นไม่ได้ลงมาที่พื้น
แต่เขาร่อนลงบนเสาที่พังเหนือยอดปราสาทสีดำ
แน่นอนว่าที่อยู่ด้านหลังเขาเป็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งบนหลังของมันมีหญิงสาวนางหนึ่งนั่งอยู่
นางสวมชุดสีชมพูยาวใบหน้าอันงดงาม ดวงตาของนางราวกับดวงดาวยามค่ำคืน
”ท่านอาจารย์!”
”ศิษย์พี่ฉือ กูเหยียน!” เมื่อเหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เห็นมู่ ฉิงเฟิง และ ฉือ กูเหยียน พวกเขาหายหวาดกลัวและกลับมามั่นใจทันที
ฟางเจิ้งจือ แข็งแกร่ง!
อย่างไรก็ตามเขาจะแข็งแกร่งกว่าฉือ กูเหยียน ได้ยังไง?
ส่วนเหยียน เฉียนหลี่ และเซียนสวรรค์พักพิง มันแน่นอนอยู่แล้วพวกเขาไม่มีทางสู้ มู่ ฉิงเฟิง ได้
”เกิดอะไรขึ้น?”มู่ ฉิงเฟิง มองดูฉากที่เกิดขึ้นด้านล่าง จากนั้นเขาก็เห็นศพจำนวนหนึ่งใกล้ๆ เขาขมวดคิ้ว
ในบรรดาร่างเหล่านั้นมีคนที่เขาคุ้นเคยฉือฟ่าน จากศาลาหยินหยาง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหัวคนตกอยู่ใกล้ๆ มันเป็นของสามเซียนจากเกาะจันทราสีดำ
ใครที่เป็นคนฆ่าเซียนจำนวนมากด้านล่างศาลาเต๋าสวรรค์?
เป็นศาลาเต๋าสวรรค์? ไม่น่าเป็นไปได้แม้ว่าศาลาเต๋าสวรรค์จะมีความขัดแย้งกับศาลาหยินหยางอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนี้
หรือจะเป็นนิกายเงา?
อย่างไรก็ตามแค่เพียงเหยียน เฉียนหลี่ และเซียนสวรรค์พักพิงพวกเขาจะฆ่าเซียนได้มากมายขนาดนี้งั้นหรือ?
ด้วยระดับความแข็งแกร่งของฉือฟ่านแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ที่สำคัญผู้าวุโสสี่นอนหมดสติอยู่บนพื้นผู้อาวุโสสองก็มีใบหน้าที่ซีดขาว นอกจากนี้บนหน้าอกของเขายังมีแผลขนาดใหญ่
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?
มู่ฉิงเฟิง ไม่สามารถจินตนาการได้ เพราะช่วงเวลาที่เขาได้ก้าวออกมาจากการการเก็บตัวฝึกจนลงมาที่ด้านล่างนี้ไม่ถึงชั่วอึดใจ
มันไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างไรก็ตามสถานการณ์ตรงหน้าเขานั้นถือว่ารุนแรงมาก พวกเขามาเพื่อไล่ล่าฟาง เจิ้งจือ?
มู่ฉิงเฟิง รู้เหตุผลที่ผู้อาวุโสศาลาเต๋าสวรรค์ไล่ตามเขา เพราะ ฟาง เจิ้งจือ ทำลายบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว
เป็นไปได้ไหมว่า…
เพราะปราสาทสีดำนี้?
มู่ฉิงเฟิง มองไปที่ปราสาทใต้เท้าเขา พร้อมขมวดคิ้ว
เรื่องทั้งหมดมันเป็นการคาดเดาของเขาเท่านั้น
ผู้อาวุโสหกบินเข้ามาหาเขาเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในทันทีหลังจากที่ มู่ ฉิงเฟิง ได้ยินเรื่องทั้งหมดสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที
”เขาฆ่าเซียนห้าคน?ฟาง เจิ้งจือ?!” สิ่งที่ มู่ ฉิงเฟิง รู้สึกในตอนนี้ไม่มีคำไหนอธิบายได้ดีที่สุดนอกจากคำว่า ‘เหลือเชื่อ’ แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหกที่บอกเขาเองก็ตาม
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว หลังจากที่ฉือ กูเหยียน ได้ยิน ดวงตาของนางก็เผยความตกใจออกมาเช่นกัน “เจ้าไร้ยางอาย ใช้เต๋านรกได้ด้วยงั้นหรือ?”
่
เหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ต่างจับดาบแน่นพวกเขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันน่าอัปยศแค่ไหน
”ท่านอาจารย์”เสียงของ ฉือ กูเหยียน ดังขึ้น ใบหน้าของนางเผยความกังวลใจออกมาเล็กน้อย
”เห้อ..”มู่ ฉิงเฟิง ถอนหายใจ เขามองไปยังผู้อาวุโสสองที่ศิษย์กำลังพยายามช่วยพยุงเขาอยู่
”ท่านผู้นำศาลา…แค่กแค่ก…ข้าจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เอง อย่างไรก็ตาม … “ผู้อาวุโสสอง พยายามพูดออกมาด้วยใบหน้าอันกังวล อย่างไรก็ตามเมื่อเห็น มู่ ฉิงเฟิง ยกมือให้เขาหยุดพูด เขาได้กลืนคำพูดของเขากลับไปอย่างรวดเร็ว ”ฟางเจิ้งจือ ข้ามีคำถามจะถามเจ้าสองสามข้อ!” มู่ ฉิงเฟิง มองไปที่ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ ราวกับจะมองให้ลึกไปถึงจิตวิญญานของเขา
”ฟางเจิ้งจือ ตอบเขาดีๆล่ะ!” เซียนสวรรค์พักพิงเตือน ฟาง เจิ้งจือ อย่างจริงจัง เขากลัวว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทำอะไรไม่เข้าท่าอีก
”เรื่องนั้น….ก่อนอื่นข้าขอถามได้ไหมว่าท่านช่วยรักษาข้าและ เหยียน ซิว ก่อนได้ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ มู่ ฉิงเฟิง และ เหยียน ซิว ที่อยู่ในอ้อมแขนของ เหยียน เฉียนหลี่
มู่ฉิงเฟิง นิ่งงัน เขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะขอเรื่องเหล่านี้หลังจากพึ่งสู้กับศาลาเต๋าสวรรค์มา มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถทำแบบนั้นได้
อย่างไรก็ตามหลังจากเงียบไปสักพักมู่ ฉิงเฟิง ไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือไม่พอใจอะไรออกมา
”ข้าเกรงว่าคงไม่ได้”มู่ ฉิงเฟิง ตอบเรียบๆ
……………………………………..
ขณะที่ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดเรื่องนี้ มีร่างสองร่างปรากฎด้านหน้าเขาทันที จากนั้นพวกเขาก็ยกเหยียน ซิว และตัว ฟาง เจิ้งจือ ขึ้น
เป็นหยาน ฉิง และ เหยียน เฉียนหลี่
ช่วงเวลาที่ภูเขาลูกใหญ่กำลังตกกระแทกพื้นเหยียน เฉียนหลี่ ได้กระโจนออกมาจากเงาภูเขาด้วยความรวดเร็ว จากนั้นร่างของ ฟาง เจิ้งจือ ก็แตะพื้นอีกครั้ง
เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาคิดอะไรแล้วเพราะเมื่อภูเขาลูกนั้นตกกระทบพื้นแรงกระแทกอันมหาศาลได้กระจายออกไป
”ตูม!!!”เสียงพร้อมเศษฝุ่นบินว่อนไปทั่ว
มันเป็นฉากที่บ้าคลั่งหลังจากที่ศิษย์นิกายเงาและศาลาเต๋าสวรรค์หนีพ้นแล้ว พวกเขาก็ได้หันไปมองมัน ฝุ่นค่อยๆร่วงลงมา
จากนั้นภูเขาสีดำค่อยๆเปิดเผยตัวต่อหน้าพวกเขา
หลังจากกระแทกพื้นภูเขาลูกนั้นค่อยๆแตกออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน มันสูง20-30เมตร มันไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่ทำมาจากหินสีดำทั้งหมด บนยอดของมันมีลักษณะแปลกๆเล็กน้อย
เพราะบนนั้นมีเสาที่หักสี่ต้นตรงกลางระหว่างเสาทั้งสี่เป็นประตูหินที่เปิดออกครึ่งหนึ่ง ภาพลวดลายสัตว์ถูกแกะสลักอยู่บนประตู
มันดูเก่าแก่ราวกับถูกสร้างมานานแล้ว
”อะไรกัน?!”
“มันไม่ใช่ภูเขา แต่เป็นประสาท!”
”ปราสาทที่พังทลาย?มันตกมาได้ยังไง ยิ่งกว่านั้นทั้งปราสาททำมาจากหินสีดำ?!”
ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันทั้งแปลกประหลาดและบ้าบอเป็นอย่างมาก
ที่นี่คือศาลาเต๋าสวรรค์
มีศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์จำนวนมากคอยดูแลอยู่ไม่มีทางที่ปราสาทสีดำนี้อยู่ดีๆจะปรากฎตัวขึ้นมาได้ โดยเฉพาะอาคารทั้งหมดของศาลาเต๋าสวรรค์เป็นสีขาว ไม่มีทางที่ปราสาทนี้จะเป็นของศาลาเต๋าสวรรค์แน่นอน
อย่างไรก็ตามถ้ามันไม่ได้มาจากบนภูเขาที่ศาลาเต๋าสวรรค์ตั้งอยู่มันมาจากไหนกัน? มันคงไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้าจริงๆใช่ไหม?
ไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แม้แต่ผู้อาวุโสหกก็ไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
”ประสาทโบราณ…มันมาจากที่ไหน?”เหยียน เฉียนหลี่ ขมวดคิ้ว เขาอุ้ม เหยียน ซิว อยู่ในมือ
”ปราสาท?ประสาทที่พังทลาย?” ฟาง เจิ้งจือ เองก็ตกใจเช่นกัน เพราะเขาเห็นกับตาตัวเอง ดวงแสงอยู่ดีๆก็กลายเป็นปราทสาทสีดำ?
เชี่ยอะไรอีกวะ?!
ฟางเจิ้งจือ พยายามอ่านหนังสือทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่เรื่องตรงหน้านี้เขากลับไม่สามารถทำความเข้าใจได้แม้แต่น้อย
สำหรับวู่ จวี้เอ๋อ นางก็งงงวยเช่นกัน ดวงตาที่งดงามของนางเบิกกว้าง
สำหรับนางการต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมาะสมแม้แต่น้อย…
ดังนั้นนางจึงยืนอยู่แถวทะเลสาบไม่เข้าใกล้การต่อสู้นางไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน
”ตาเฒ่าเหยียนเลิกสนใจปราสาทสีดำสักที ไปกันได้แล้ว!” ในที่สุดเซียนสวรรค์พักพิงก็สามารถแยกตัวมาจากการต่อสู้กับผู้อาวุโสหกได้เมื่อปราสาทสีดำตกลงมา เขาเป็นคนกระตือรือร้นที่สุดที่จะหนี
”เซียนสวรรค์พักพิงเจ้าทำร้ายศิษย์ข้าเจ้าคิดว่าสามารถไปไหนได้ง่ายๆงั้นหรือ?” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังมาจากท้องฟ้า เสียงดูเหมือนจะมาจากที่ไกลๆ แต่มันกลับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงนี้ใบหน้าของเซียนสวรรค์พักพิงปรากฎความกังวลขึ้นมาทันที ่ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามองทองฟ้า
ไม่ใช่เขาคนเดียว
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นแต่สีหน้าของพวกเขาต่างจากเซียนสวรรค์พักพิง ประกายแห่งความหวัง
”รีบไปกันเถอะ!”เมื่อ เหยียน เฉียนหลี่ ได้ยินเสียง เขาตัดสินใจได้ในทันที
เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่เตรียมตัวที่จะเดินทาง
”ราชาเหยียนเดินทางไกลมาที่ศาลาเต๋าสวรรค์ท่านไม่คิดแม้แต่จะกล่าวทักทายข้าหน่อยงั้นหรือ?” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันพื้นดินก็แยกออก แสงสีม่วงอ่อนพวยพุ่งขึ้นมาขวางทาง เหยียน เฉียนหลี่ เอาไว้
เมื่อเห็นแสงนี้เหยียน เฉียนหลี่ ยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีว่ามันเป็นพลังของใคร…
เขารู้ว่าเขาไม่มีโอกาสหลบหนี
แม้เขาจะเป็นผู้ปกครองดินแดนเหลียงตะวันตกตำแห่นงของเขาก็ต่ำกว่า มู่ ฉิงเฟิงที่เป็นผู้นำของศาลาเต๋าสวรรค์
ร่างสีขาวค่อยๆร่อนลงมาจากท้องฟ้าชายเสื้อสีขาวพริ้วไหวไปตามสายลม อย่างไรก็ตามร่างนั้นไม่ได้ลงมาที่พื้น
แต่เขาร่อนลงบนเสาที่พังเหนือยอดปราสาทสีดำ
แน่นอนว่าที่อยู่ด้านหลังเขาเป็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งบนหลังของมันมีหญิงสาวนางหนึ่งนั่งอยู่
นางสวมชุดสีชมพูยาวใบหน้าอันงดงาม ดวงตาของนางราวกับดวงดาวยามค่ำคืน
”ท่านอาจารย์!”
”ศิษย์พี่ฉือ กูเหยียน!” เมื่อเหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เห็นมู่ ฉิงเฟิง และ ฉือ กูเหยียน พวกเขาหายหวาดกลัวและกลับมามั่นใจทันที
ฟางเจิ้งจือ แข็งแกร่ง!
อย่างไรก็ตามเขาจะแข็งแกร่งกว่าฉือ กูเหยียน ได้ยังไง?
ส่วนเหยียน เฉียนหลี่ และเซียนสวรรค์พักพิง มันแน่นอนอยู่แล้วพวกเขาไม่มีทางสู้ มู่ ฉิงเฟิง ได้
”เกิดอะไรขึ้น?”มู่ ฉิงเฟิง มองดูฉากที่เกิดขึ้นด้านล่าง จากนั้นเขาก็เห็นศพจำนวนหนึ่งใกล้ๆ เขาขมวดคิ้ว
ในบรรดาร่างเหล่านั้นมีคนที่เขาคุ้นเคยฉือฟ่าน จากศาลาหยินหยาง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหัวคนตกอยู่ใกล้ๆ มันเป็นของสามเซียนจากเกาะจันทราสีดำ
ใครที่เป็นคนฆ่าเซียนจำนวนมากด้านล่างศาลาเต๋าสวรรค์?
เป็นศาลาเต๋าสวรรค์? ไม่น่าเป็นไปได้แม้ว่าศาลาเต๋าสวรรค์จะมีความขัดแย้งกับศาลาหยินหยางอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงขนาดนี้
หรือจะเป็นนิกายเงา?
อย่างไรก็ตามแค่เพียงเหยียน เฉียนหลี่ และเซียนสวรรค์พักพิงพวกเขาจะฆ่าเซียนได้มากมายขนาดนี้งั้นหรือ?
ด้วยระดับความแข็งแกร่งของฉือฟ่านแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ที่สำคัญผู้าวุโสสี่นอนหมดสติอยู่บนพื้นผู้อาวุโสสองก็มีใบหน้าที่ซีดขาว นอกจากนี้บนหน้าอกของเขายังมีแผลขนาดใหญ่
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?
มู่ฉิงเฟิง ไม่สามารถจินตนาการได้ เพราะช่วงเวลาที่เขาได้ก้าวออกมาจากการการเก็บตัวฝึกจนลงมาที่ด้านล่างนี้ไม่ถึงชั่วอึดใจ
มันไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างไรก็ตามสถานการณ์ตรงหน้าเขานั้นถือว่ารุนแรงมาก พวกเขามาเพื่อไล่ล่าฟาง เจิ้งจือ?
มู่ฉิงเฟิง รู้เหตุผลที่ผู้อาวุโสศาลาเต๋าสวรรค์ไล่ตามเขา เพราะ ฟาง เจิ้งจือ ทำลายบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว
เป็นไปได้ไหมว่า…
เพราะปราสาทสีดำนี้?
มู่ฉิงเฟิง มองไปที่ปราสาทใต้เท้าเขา พร้อมขมวดคิ้ว
เรื่องทั้งหมดมันเป็นการคาดเดาของเขาเท่านั้น
ผู้อาวุโสหกบินเข้ามาหาเขาเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในทันทีหลังจากที่ มู่ ฉิงเฟิง ได้ยินเรื่องทั้งหมดสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที
”เขาฆ่าเซียนห้าคน?ฟาง เจิ้งจือ?!” สิ่งที่ มู่ ฉิงเฟิง รู้สึกในตอนนี้ไม่มีคำไหนอธิบายได้ดีที่สุดนอกจากคำว่า ‘เหลือเชื่อ’ แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหกที่บอกเขาเองก็ตาม
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว หลังจากที่ฉือ กูเหยียน ได้ยิน ดวงตาของนางก็เผยความตกใจออกมาเช่นกัน “เจ้าไร้ยางอาย ใช้เต๋านรกได้ด้วยงั้นหรือ?”
่
เหล่าศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ต่างจับดาบแน่นพวกเขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันน่าอัปยศแค่ไหน
”ท่านอาจารย์”เสียงของ ฉือ กูเหยียน ดังขึ้น ใบหน้าของนางเผยความกังวลใจออกมาเล็กน้อย
”เห้อ..”มู่ ฉิงเฟิง ถอนหายใจ เขามองไปยังผู้อาวุโสสองที่ศิษย์กำลังพยายามช่วยพยุงเขาอยู่
”ท่านผู้นำศาลา…แค่กแค่ก…ข้าจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เอง อย่างไรก็ตาม … “ผู้อาวุโสสอง พยายามพูดออกมาด้วยใบหน้าอันกังวล อย่างไรก็ตามเมื่อเห็น มู่ ฉิงเฟิง ยกมือให้เขาหยุดพูด เขาได้กลืนคำพูดของเขากลับไปอย่างรวดเร็ว ”ฟางเจิ้งจือ ข้ามีคำถามจะถามเจ้าสองสามข้อ!” มู่ ฉิงเฟิง มองไปที่ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ ราวกับจะมองให้ลึกไปถึงจิตวิญญานของเขา
”ฟางเจิ้งจือ ตอบเขาดีๆล่ะ!” เซียนสวรรค์พักพิงเตือน ฟาง เจิ้งจือ อย่างจริงจัง เขากลัวว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทำอะไรไม่เข้าท่าอีก
”เรื่องนั้น….ก่อนอื่นข้าขอถามได้ไหมว่าท่านช่วยรักษาข้าและ เหยียน ซิว ก่อนได้ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ มู่ ฉิงเฟิง และ เหยียน ซิว ที่อยู่ในอ้อมแขนของ เหยียน เฉียนหลี่
มู่ฉิงเฟิง นิ่งงัน เขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะขอเรื่องเหล่านี้หลังจากพึ่งสู้กับศาลาเต๋าสวรรค์มา มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถทำแบบนั้นได้
อย่างไรก็ตามหลังจากเงียบไปสักพักมู่ ฉิงเฟิง ไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือไม่พอใจอะไรออกมา
”ข้าเกรงว่าคงไม่ได้”มู่ ฉิงเฟิง ตอบเรียบๆ
……………………………………..