Gate of God - ตอนที่ 807 ข้าขอได้ไหม?
ถ้าข้าไม่เคยวางแผนที่จะหลบหนีล่ะ?
ไม่เคยวางแผนที่จะหลบหนี…
เสียงของฟาง เจิ้งจือ ดังก้องไปทั่วเก้าขุนเขา ทุกคนมองไปที่ร่างใหญ่มหึมาของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
นั่นเป็นเพราะฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้หนีจริงๆ
แค่ก…เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับเก้าขุนเขาและศาลาหยินหยางพร้อมๆกันหรือไงเจ้าไม่ไร้เดียงสาเกินไปหน่อยรึ? หยิงยู่กระอักเลือดออกมาขณะมองไปยังผู้อาวุโสหกที่อยู่ใต้มือของ ฟาง เจิ้งจือ
เขาไม่อยากยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เหอะเหอะ..ข้าแค่คิดจะจัดการกับผู้อาวุโสหกเท่านั้น?แต่ดูเหมือนว่าเป็นท่านเองที่พยายามออกมาช่วยเขา ? ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาอย่างเรียบเฉย เจ้า.. หยิงยู่ขมวดคิ้ว เขากำหมัดแน่น
ในฐานะผู้นำเก้าขุนเขาเขาต้องคิดถึงหลายสิ่ง ปัญหาเร่งด่วนคือเขาควรช่วยผู้อาวุโสหกหรือไม่?
ถ้าเขาเลือกพลาดผลลัพธ์จะเกิดขึ้นกับทั้งเก้าขุนเขาและศาลาหยินหยาง
หากเขาไม่ช่วยจะมีใครเชื่อว่าเก้าขุนเขาไม่ได้ร่วมมือกับ ฟาง เจิ้งจือ ทำร้ายผู้อาวุโสหก และ ฟาง เจิ้งจือ จะเลิกแค้นเก้าขุนเขาหรือไม่ ไม่มีใครรู้? แต่เขาก็ต้องเลือก
ท่านหยิงยู่! ผู้อาวุโสสี่รอการตัดสินใจของหยิงยู่
ฟางเจิ้งจือ เจ้าคิดว่าพวกเราจะไม่กล้าโจมตีเจ้า เพราะเจ้าจับตัวผู้อาวุโสหกไว้งั้นหรือ? เจ้าคิดว่าเขาจะยอมเป็นตัวประกันของเจ้าหรือไงกัน? ผู้อาวุโสหกย่อมเลือกที่จะตายดีกว่าอยู่ในสถานะเช่นนี้! หยิงยู่กัดฟันพูดออกมา
โอ้?่ความคิดนี้ไม่เลว มันแสดงให้เห็นถึงความคิดของห้าสำนักในแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน! ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มออกมา
ในห้าสำนักไม่มิตรแท้อย่างแท้จริง…
เมื่อผู้อาวุโสหกได้ยินสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขารู้อยู่แล้วว่าหยิงยู่ต้องการปล่อยให้เขาตาย
มันก็พอจะเข้าใจได้ด้วยสถานการณ์แบบนี้…
ฟางเจิ้งจือ เจ้า…เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้! ถ้าเจ้าฆ่าข้า…เจ้าจะไม่สามารถหนีได้อีกต่อไป! เสียงของผู้อาวุโสหกเต็มไปด้วยความกังวล เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการตาย
เอแต่เหมือนพวกเขาจะอยากให้ท่านตายนะ ข้าควรทำยังไงดี? ฟาง เจิ้งจือ หันมองผู้อาวุโสหกอย่างสนใจ
เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้…ไม่ได้… ผู้อาวุโสหกอยากจะพูดมากกว่านี้แต่เขาไม่มีแรงเหลือแล้ว
เพราะร่างของเขากำลังถูกทับอยู่ด้วยมือที่มีน้ำหนักเทียบเท่ากับภูเขาลูกใหญ่
เขาไม่เต็ม
เขาไม่ยอมตายต่อหน้าศิษย์เก้าขุนเขานับร้อย แต่เขาก็ยังถูกจับเป็นตัวประกัน และต้องตาย
ทำไม?
ผู้อาวุโสหกไม่เข้าใจจนกระทั่งวินาทีที่เขาตายเขาไม่รู้ว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงเลือกที่จะฆ่าเขา
สายตาของเขาค่อยๆพร่ามัวหัวใจของเขาค่อยๆแตกออกทีละน้อย เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว…
เห้อตอนนี้ข้าไม่มีตัวประกันแล้ว ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่หยิงยู่และศิษย์นับร้อย ดวงตาของเขาสงบมากราวกับไม่เกิดอะไรขึ้น
คนที่อยู่รอบๆมองไปที่ร่างของผู้อาวุโสหกด้วยความหวาดกลัว
เขาฆ่าจริงๆ!
เขาฆ่าผู้อาวุโสหก! ถ้าไม่มีตัวประกันเขาจะหนีได้ยังไง?!
ไม่มีใครเชื่อว่าฟาง เจิ้งจือ จะหนีรอดได้ถ้าไม่มีตัวประกัน
แต่ฟาง เจิ้งจือ กลับเลือกที่จะฆ่าผู้อาวุโสหก
มีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวเท่านั้นอย่างที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด เขาไม่เคยคิดที่จะหนี
เขาหยิ่งผยองขนาดไหนกันตัวคนเดียวจะเอาชนะเก้าขุนเขา?!
ความจริงแล้วเตาหลอมของพวกท่านดีมากเลยนะ สามารถใช้ทำยาและอาวุธได้ ทำไมไม่มอบมันให้ข้าล่ะ? เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้นอีกครั้ง
เจ้ากล้าดียังไง!หม้อหลอมสายธารเป็นสมบัติชั้นยอดของพวกเรา มันมีอายุนับพันปี… ผู้อาวุโสทั้งสี่เริ่มโกรธ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบ พวกเขาก็ถูกขัดจังหวะ
มันเรียกว่าอะไรนะ?อ้อๆ รู้สึกว่าจะหม้อหลอมสายธาร พวกท่านใช้มันเพื่อหลอมข้า? งั้นข้าเอาหม้อนั้นไปก่อนละกัน ฟาง เจิ้งจือ พูดพร้อมเดินไปหาหม้อใบนั้น ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในกลืนกินโลกทันที
เจ้าอยากตายงั้นรึ? ผู้อาวุโสทั้งสี่รู้สึกโกรธแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ต่อนหน้าศิษย์นับร้อยฟาง เจิ้งจือ กล้าเอาหม้อมหลอมสายธารไป มันไม่ใช่แค่การดูถูกเล็กน้อยเท่านั้นแล้ว
พวกเขาเคลื่อนไหวทันทีแม้หยิงยู่จะไม่ได้ออกคำสั่งอะไรก็ตาม ร่างของพวกเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงและพุ่งไปหา ฟาง เจิ้งจือ
ฟางเจิ้งจือ มองไปที่หม้อหลอมเก้าใบที่เหลือ เขาไม่สนใจผู้อาวุโสทั้งสี่แม้แต่น้อย แล้วพวกนี้ล่ะเรียกว่าอะไร? มีใครรูไหม? …ช่างมันเถอะข้าเก็บพวกมันไปก่อนละกัน รายละเอียดเล็กน้อยข้าไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้ว
ฟุบ! ฟาง เจิ้งจือ พูดพร้อมหยิบหม้อสีดำอีกใบขึ้นมา ตอนนี้ผู้อาวุโสทั้งสี่อยู่ด้านหลังเขาแล้วพวกเขาโจมตีไปที่หลังและที่ลำคอของ ฟาง เจิ้งจือ
ข้าขอหม้ออีกใบได้ไหม? เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นเองร่างกายเขาก็หันไปด้านหลัง
กำปั้นของเขาซึ่งถูกคลุมด้วยเกราะสีดำและเปลวไฟสีดำกระแทกใส่ผู้อาวุโสทั้งสี่ทันที
มันเป็นการโจมตีที่ธรรมดามาก
อย่างไรก็ตามมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั้งสี่คนหยุดนิ่ง
ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อร่างของผู้อาวุโสทั้งสี่ถูกส่งกระเด็นไปไกลทันที
ตูม!
ตูม!
…
จากนั้นหลุมขนาดใหญ่สี่หลุมก็ปรากฎขึ้นบนพื้น ไม่มีใครอยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
มันเป็นหมัดที่ธรรมดามากการหลบไม่ใช่เรื่องยากเลย
แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
นั่นคือเต๋าสวรรค์!
เขาควบคุมไม่ให้ผู้อาวุโสทั้งสี่เคลื่อนไหวได้!
ผู้อาวุโสทั้งสี่โกรธแค้นมากอย่างไรก็ตามนอกเหนือจากความโกรธ พวกเขาสัมผัสได้ว่ากำปั้นนั้นมีอะไรแปลกๆอยู่ เพราะร่างของพวกเขารู้สึกถูกตรึงเมื่อกำปั้นนั้นเข้ามาใกล้ จนทำให้พวกเขาไม่สามารถหลบได้
อืมจริงๆแล้วพวกท่านควรขอบคุณข้านะ? ข้าเก็บหม้อหลอมไว้ในตัวข้า มันไม่มีทางเสียหายแน่นอน ใช่ไหมล่ะ? เอ๊ะ…หม้อใบนี้ก็ดูดีอยู่นะ อันนั้นก็ดี ถ้าข้าปลูกดอกไม้ข้างในมันต้องสวยมากแน่นอน? หลังจาก ฟาง เจิ้งจือ ปัดผู้อาวุโสทั้งสี่กระเด็น เขาก็เดินไปดูหม้อหลอมต่อ ขณะที่พูดเขาก็เก็บหม้อไปอีกสองใบ
ฆ่าฆ่าเขาเดี๋ยวนี้! ในที่สุดหยิงยู่ก็เปิดปาก นี่เป็นเพราะเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ไม่มีใครในเก้าขุนเขาทนความอัปยศนี้ได้อีกต่อไป
ตาย!
ตายซะ!
เมื่อศิษย์ทุกคนได้ยินคำสั่งพวกเขาก็พุ่งออกไปทันที
อย่างไรก็ตามพวกเขากลับไปหยุดยืนอยู่บนก้อนหินไม่มีใครกล้าพุ่งไปข้างหน้ามากกว่านี้แม้แต่น้อย
ดูที่นี่คงแออัดไปหน่อยแล้วมั้ง? ฟาง เจิ้งจือ มองไปศิษย์ที่ยืนล้อมเขาอยู่
ทันใดนั้นสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ได้ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้ามันใหญ่จนไม่น่าเชื่อ รอบๆสัญลกษณ์มีดวงไฟสีดำแปดลูกลอยอยู่
เต๋านรก!
มันคอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของปากปล่องภูเขาไฟลูกนี้!
ตูม!
ตูม!
…
ศิษย์ระดับต่ำถูกบดขยี้ลงกับพื้นทันทีเมื่อรวมกับแรกดึงดูดบนพื้น พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย
อ้าก!
อ้ากกก!ช่วยด้วย!
เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดดังก้องไปทั่ว
มีน้อยกว่าสิบคนที่สามารถยืนอยู่ได้
ในหมู่พวกเขาสี่คนอยู่ในระดับเซียน อีกหกคนอยู่ในระดับจุติขั้นสูงสุด
ความแตกต่างของระดับเซียนและจุตินั้นเหมือนความแตกต่างระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่
ตอนนี้…
ศิษย์เก้าขุนเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างนี้อย่างชัดเจน พวกเขารู้เรื่องหนึ่งแม้พวกเขาทั้งหมดจะเป็นอัจฉริยะ แต่ใครก็ตามที่สามารถควบคุมเต๋าแห่งการจุติทั้งหกได้คือผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของอัจฉริยะอย่างแท้จริง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจเหตุผลที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่หนี….เพราะเขาไม่จำเป็นต้องหนีเลยแม้แต่น้อย
พวกเจ้ารู้จักหม้อนี้ไหม?อืม ข้าตั้งชื่อมันเองดีกว่า ข้าจะเรียกมันว่า ‘หม้อแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ อันนั้นเป็น’หม้อแห่งความโชคดี’ เอ๊ะ…อันนี้มีลายดอกไม้ด้วย ข้าเรียกมันว่า’หม้อหลอมดอกไม้’ละกัน นอกจากนี้ข้าจะต้องหาใครที่ใจดี น่ารัก สามารถทำงานบ้านได้ ทำกับข้าว ที่สำคัญ…ต้องสวยกว่า ฉือ กูเหยียน!
เสียงของฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ฝั่งเก้าขุนเขาไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
…
ไม่มีใครพูดอะไรเลยพวกเขาแค่เบิกตากว้างมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ……………………………………..