Gate of God - ตอนที่ 825 อุดมคติ
ดาบถูกแทงออกไป
แสงสีม่วงแทงทะลุผ่านแผ่นหลังของผู้หญิงคนสุดท้ายอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันผู้หญิงที่อยู่หน้าสุดก็ส่งเสียงกรีดร้อง
อะไรกัน?! เมื่อนางเห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ หายตัวไปนางตื่นตระหนกเป็นอย่างมากและออกคำสั่งทันที
กระจายตัว!
ผู้หญิงในชุดสีแดงรู้แต่ใช่ว่าผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังนางจะรู้
เมื่อผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังสุดได้ยินคำสั่งมันก็สายไปแล้ว นางสัมผัสได้แต่ความเจ็บปวด
ดาบไร้ร่องรอยทะลุผ่านร่างกายของพวกนางราวกับปีศาจ
เลือดสดๆไหลออกมาจากปลายดาบ ความมืดค่อยๆจางหายไป
แสงสีม่วงส่องออกมาจากดาบทำลายความมืดทั้งหมดลง
โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบ
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าศิษย์หรือคังเยว่ต่างเงียบ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
จากจุดที่พวกนางทำให้ฟาง เจิ้งจือ มองไม่เห็น จนถึงจนที่ความมืดถูกทำลาย มันผ่านไปเพียงชั่วพริบตา
ดาบเดียว!
ห้าคน?!
คังเยว่ไม่เชื่อสายตาตัวเองนางรู้ดีว่าผู้หญิงทั้งห้าคนมีความสามารถขนาดไหน มันทำให้ฉากตรงหน้าน่าทึ่งมากยิ่งขึ้น
คังเยว่ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ออกมายังไงดีนางแทบไม่กล้าจะหายใจออกมา ผู้หญิงในชุดสีขาวที่ยืนอยู่ด้านหน้านางก็งงงวยเช่นกัน
เป็นไปไม่ได้!
เป็นไปได้ยังไงกัน?
พวกนางหน้าซีดเผือด
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงแต่มันไม่สามารถสู้แสงสีม่วงที่ปลดปล่อยออกมาจากดาบได้
หลินมู่ไป่ ตัวแข็งค้าง
ตาของปิง หยาง ก็เบิกกว้างเช่นกัน มันเต็มไปด้วยความสนุกและตื่นเต้น
ทรงพลังมาก!
ในที่สุดนางก็รู้ว่าครึ่งปีที่ผ่านมาฟาง เจิ้งจือ มีพลังมากขึ้นขนาดไหน
อั้ก!
หญิงทั้งห้ากระอักเลือดออกมาพร้อมๆกัน
พวกนางโดนโจมตีอย่างรุนแรงพร้อมๆกันพวกนางถูกแทงด้วยดาบยาว
ดาบเล่มนั้นมันยาวพอที่จะผ่านร่างของทั้งห้าคนได้เลยงั้นหรือ?
ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้แต่ ฟาง เจิ้งจือ ได้รู้คำตอบแล้ว
ดาบไร้ร่องรอยไม่ยาวพอที่จะเจาะร่างพวกนางทั้งห้าได้มันเจาะได้แค่ครึ่งทาง
ยาวไม่พอ?เห้อ…ข้าคงคำนวณผิดไป! ฟาง เจิ้งจือ กระพริบตา พร้อมถอนหายใจ
ผู้หญิงในชุดสีแดงกำลังคุกเข่าอยู่ร่างของนางสั่นไหวอย่างรุนแรง
เลือดไหลออกจากแผลบนหลังของนาง
แม้ว่าดาบเล่มนั้นจะไม่ได้แทงผ่านตัวนางอย่างสมบูรณ์แต่แรงกระแทกก็ทำให้นางบาดเจ็บสาหัส
แน่นอนแม้ร่างกายของนางจะเจ็บปวดแต่จิตใจของนางกลับเจ็บปวดยิ่งกว่า
ห้าสำนักในแดนศักดิ์สิทธิ์มักได้รับความเคารพจากผู้คนเสมอนางมักจะมีชวิตด้วยความภาคภูมิใจเสมอมา
แต่ตอนนี้… เรื่องเหล่านั้นได้ถูกทำลายอย่างย่อยยับ
นางไม่ได้ตายแต่นางแพ้อย่างสิ้นเชิง ความจริงที่นางยังมีสติอยู่เพราะดาบนั้นยาวไม่พอเป็นเรื่องที่น่าขันมาก
ความอัปยศแบบนี้นางไม่เคยได้รับมาก่อน
ทำไมทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้?
ผู้หญิงในชุดสีแดงไม่เข้าใจนางเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองมากว่ามันถูกต้อง
นางพ่ายแพ้อย่างสิ้นหวังมันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? นางแทบไม่ได้รู้สึกเสียใจต่อตัวเองด้วยซ้ำ
ใช่นางไม่เสียใจที่ตัวเองพ่ายแพ้
นางได้เห็นฟาง เจิ้งจือ หายตัวไปและออกคำสั่งทันที อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถแรงระเบิดที่ส่งตรงมาที่หลังได้
เป็นเพราะนางยังเร็วไม่พอ
นางมองยังของร่างผู้หญิงอีกสี่คนที่นอนบาดเจ็บอยู่บนพื้น
พวกนางไม่ได้กรีดร้องหรือตะโกนแต่ล้มลงกับพื้นอย่างเงียบๆ ใบหน้าของพวกนางยังคงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ผู้หญิงในชุดสีแดงหันกลับมา
นางมองไปยังฟาง เจิ้งจือ ชุดสีน้ำเงินของเขายังคงพริ้วไหวไปตามสายลม
ในที่สุดนางก็เข้าใจเรื่องหนึ่ง
เต๋า?
ใช่มันเป็นเรื่องจริง
ฟางเจิ้งจือ สามารถเอาชนะเรื่องเต๋าพวกนางได้อย่างสมบูรณ์
ไม่นานมานี่พวกนางพึ่งเคยได้ยินชื่อฟาง เจิ้งจือ ขึ้นเป็นครั้งแรก
ตอนนั้นนางไม่ได้สนใจอะไรมากนักนางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนพูดชื่อนั้นออกมา
ครั้งที่สองที่ได้ยินคือเขาได้ฆ่าห้าเซียนผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เขตแดนของศาลาเต๋าสวรรค์
นางจึงจำชื่อนี้ได้
วันนี้คนที่มีชื่อนั้นได้ปรากฎตัวขึ้นที่หอคอยหลิงหยุนและตอนนี้เขายืนอยู่ด้านหลังนาง
นางจะไม่มีวันลืมชื่อนี้อีกตราบชั่วชีวิต
ฟางเจิ้งจือ อายุ18 อยู่ในระดับเซียน…
ข้าแพ้แล้ว… นางหันไปมองบนหอคอยหลิงหยุน
ดวงอาทิตย์สีแดงไม่ได้สว่างนักแต่มันทำให้นางรู้สึกถึงสีของเลือด
ู่ ใช่ท่านแพ้แล้ว ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าอย่างจริงจัง ขณะมองไปยังผู้หญิงอีกสี่คนที่ล้มอยู่บนพื้น
ทำไมเจ้ายังไม่ลงมือ? ผู้หญิงในชุดสีแดงถามขึ้นมา
ฆ่าท่าน?
ฆ่าข้า?ฮ่าฮ่า…เจ้าฉลาดมากและไร้ยางอายมากที่กล้าถามคำถามเช่นนี้กับข้า มันคงเป็นเรื่องดีที่จะจับข้าเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับชีวิตหนึ่งคนหรือสองคน นางยิ้มอย่างเฉยเมยให้ ฟาง เจิ้งจือ
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้หัวเราะ เขาทอดสายตาออกไปไกล
อย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ข้าไม่ต้องการตัวประกัน เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้น
? ผู้หญิงในชุดแดงยังคงจ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
นางกำลังสับสนก่อนที่นางจะตัดสินใจอย่างแน่วแน่
นางหยิบมีดสั้นออกมาจากเสื้อ
ดูเหมือนข้าจะยังโชคดีที่ไม่เข้าไปใกล้ท่าน? ฟาง เจิ้งจือ ประหลาดใจเล็กน้อย และระวังมีดเล่มนั้นทันที
ใช่…แต่ต่อให้ข้าเข้าไปใกล้นายน้อยฟางข้าก็ไม่มั่นใจที่จะทำร้ายท่าน ในเมื่อท่านไม่คิดจะจับข้าเป็นตัวประกัน ข้าก็คงเลือกที่จะยอมแพ้โดยดี
หลังจากที่นางพดจบนางก็ชูมีดเล่มนั้นขึ้นและเตรียมแทงไปที่หน้าอกตัวเอง
ฆ่าตัวตาย? ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนในแดนศักดิ์สิทธิ์มักจะรักตัวกลัวตายเสมอ
นี่ยิ่งตอกย้ำว่าหอคอยหลิงหยุนนั้นต่างจากสำนักอื่นๆอย่างแท้จริง
สิ่งสำคัญคือ…
ไม่ใช่นางเลือกลงมือเพราะความอ่อนแอของตัวเองแต่เป็นความเชื่อในอุดมคติมากกว่าชีวิตขอตัวเอง
คังเยว่มองไปรอบๆ
ศิษย์หอคอยหลิงหยุนจำนวนมากล้มอยู่บนพื้น
ที่น่าแปลกใจคือไม่มีใครเข้าไปขัดขวางการฆ่าตัวตายของผู้หญิงในชุดแดงแม้แต่น้อยไม่มีใครเคยพูดอะไรเกี่ยวกับมัน ราวกับพวกนางไม่มีข้อสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ฟางเจิ้งจือ จับดาบไร้ร่องรอยในมือแน่น เขาไม่คิดจะหยุดนางเช่นกัน แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
เงาแดงเจ้าไม่จำเป็นต้องตาย เสียงเล็ดลอดออกมาจากหอคอยหลิงหยุน มันเป็นเสียงที่สงบแต่เต็มไปด้วยอำนาจ
หลังจากนั้นแสงอาทิตย์ก็ส่องออกมาจากหอคอยหลิงหยุนตรงไปที่ผู้หญิงในชุดแดง
นางตัวแข็งทื่อความไม่เชื่อปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง มีดที่กำลังจะแทงลงไปที่หน้าอกถูกหยุดอย่างกระทันหัน
ในเวลาเดียวกันมือสีขาวหยกก็ยืนมืออกมาหยิบมีดไปจากมือของนาง
ท่านผู้คุม! ผู้หญิงในชุดแดงคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว เลือดไหลออกมาจากหน้าอกของนาง
ศิษย์ที่บาดเจ็บคนอื่นๆพยายามลุกขึ้นมาคุกเข่าเช่นกัน
พวกเราทุกคนไร้ความสามารถพวกเราพร้อมจะรับการลงโทษ!
เราสมควรถูกลงโทษ!
ลุกขึ้นทุกคนความพ่ายแพ้นี้ไม่ได้เป็นความผิดของพวกเจ้า ร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากแสงอาทิตย์
มันเป็นผู้หญิงสวมเสื้อคลุมสีแดงเจือด้วยผ้าไหมสีทองเข็มขัดทองคำสีม่วงรอบเอวของเธอเผยให้เห็น ร่างกายอันอรชรของนาง
ผมยาวสีดำของเธอนางยาวลงไปถึงเอวของและถูกประดับด้วยใบไม้สีทองห้าใบ
นางมีรูปร่างหน้าตาที่อ่อนเยาว์มากและดูจะอายุมากที่สุดไม่เกิน24 ปี ดวงตาของนางเป็นสีทองสดใส
มีเครื่องหมายสีทองไม่ซับซ้อนอยู่บนหน้าผากของนางเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่านางเป็นผู้คุมหอคอยหลิงหยุนคนปัจจุบัน
นี่คือยู่เอ๋อร์ที่องค์จักรพรรดิกล่าวถึงหรือเปล่า? ฟาง เจิ้งจือ สับสนเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่ารูปลักษณ์ของนางจะเยาว์วัยขนาดนี้
……………………………………..