Gate of God - ตอนที่ 836 ความจริง?!
ปิงหยาง จ้องมองไปที่ หลิน มู่ไป่
ทุกคนต่างอิจฉาที่นางเกิดในราชวงศ์นางมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารหรือที่อยู่อาศัยแม้แต่น้อย อีกทั้งนางยังเป็นที่รักของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซี่ย
แต่ความจริงคือนางต้องทนทุกข์จากการที่นางต้องขาดแม่ไป
นางขาดแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กอย่างน้อยที่สุดนางก็ไม่เคยได้พูดคุยกับแม่เลยสักครั้ง
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางรู้ที่อยู่ของแม่และมีโอกาสที่จะได้พบกันอีกครั้ง และได้รู้ว่าตัวนางนั้นเป็นสาเหตุที่แม่ของนางหายตัวไป
ความตาย?
ปิงหยาง ไม่กลัวความตาย!
ปัญหาคือถ้าต้องตายนางจะไม่สามารถได้พบกับแม่อย่างแน่นอนความเจ็บปวดนี้ มีแต่คนที่เคยเจอสถานการณ์แบบเดียวกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้
ปิงหยาง ไม่ต้องกังวล มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตผนึกอีกชีวิตเอาไว้ได้ อย่า …อย่าถูกคังเยว่หลอก … หลิน มู่ไป่ เข้าใจความคิดของนางได้จากสิ่งที่เห็น
ไม่ใช่ชีวิตแต่เป็นสายเลือดของเจ้า! แม้ข้าจะต่ำต้อยเกินกว่าที่จะได้เห็นการผนึกนายหญิง แต่ข้ามั่นใจ! เจ้าเป็นคนเดียวที่สามาถผนึกนายของข้าได้! คังเยว่ขัดจังหวะ หลิน มู่ไป่ ในทันที
สายเลือด? ปิงหยาง หันมองคังเยว่
ถูกต้องมีเพียงสายเลือดเดียวกันเท่านั้นที่จะใช้สร้างผนึกขึ้นมาได้ และวิธีเดียวที่จะทำลายผนึกคือตัดการเชื่อมต่อของสายเลือดทิ้งไป เมื่อเจ้ารู้ความจริงข้อนี้แล้ว เจ้าจะทำยังไงต่อไป? คังเยว่ ตอบกลับ
อะไร…ข้าจะต้องทำยังไง… ปิง หยาง ดูหดหู่และสับสน
นางจะทำยังไงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้?มีใครบอกนางได้บ้างว่าควรทำยังไง? นางควรตัดสินใจเลือกชีวิตหรือความตายกันแน่!
ปิงหยาง หมดคำพูด
ศิษย์หอคอยหลิงหยุนต่างนิ่งเงียบแม้ว่าพวกเขาจะเกลียด ปิง หยาง แต่พวกนางก็สามารถเข้าใจความเจ็บปวดของ ปิง หยาง ได้เช่นกัน
เฉียนยี่ไม่ได้พูดอะไรสักคำดูเหมือนว่านางกำลังรอบางอย่าง ฟาง เจิ้งจือ ก็เช่นกัน
อย่างไรก็ตามพวกเขากำลังรอด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน
ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นเซียนนายหญิงอาจจะถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อเจ้าตายลงสักร้อยปี…แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นเซียนแล้ว? คังเยว่ พูดออกมาด้วยความเจ็บปวด
ท่าน…พูดถูก…ถ้าข้าไม่กลายเป็นเซียน? ปิง หยาง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเศร้าเช่นกัน
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนที่นางใกล้จะตายเมื่อหกเดือนที่แล้วผู้ที่ปรากฎตัวขึ้นมาเป็นคังเยว่ไม่ใช่แม่ของนาง
และนางเข้าใจว่าทำไมคังเยว่ถึงต้องการให้นางตาย
แต่ในฐานะคนรับใช้คังเยว่ไม่สามารถฆ่า ปิง หยาง ได้
ปิงหยาง เองก็เช่นกัน นางสามารถทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมอันโหดร้ายนี้?!
นางต้องฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้พบแม่ของตัวเอง?
แล้วถ้านางตายไปจะเจอกับแม่ตัวเองได้ยังไง? ปิง หยาง เริ่มกำมือแน่น น้ำตาเริ่มไหลรินออกมา นางรู้สึกเจ็บปวดไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะทำยังไงดี
แต่ทันใดนั้นเองนางสัมผัสไดถึงน้ำหนักที่กดทับลงบนไหล่ของนางมือนั้นเอื้อมมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของนาง
ปิงหยาง ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะนางสัมผัสได้ถึงความรักจากมือนั้น ทุกคนคิดว่าข้าจะตายหลังจากผ่านไปครึ่งปีแต่ตอนนี้ข้ายังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? ฟาง เจิ้งจือ พูดอย่างจริงจัง
แต่…
ข้ารู้ว่ามันไม่เกี่ยวกันแต่ข้าอยากให้เจ้าเชื่อมั่น แม้โอกาสจะมีน้อยเพียงใดก็ตาม
เจ้า…
เจ้าเชื่อข้าไหม?
ข้า…ข้าเชื่อเจ้า! ปิง หยาง ลังเล แต่ในที่สุดนางก็พยักหน้า
เอาล่ะในเมื่อเจ้าเชื่อข้า แล้วถ้าข้าบอกเจ้าว่ามีอีกคนที่มีสายเลือดเดียวกับแม่ของเจ้าล่ะ? ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มขณะมองไปที่เฉียนยี่
อีกคนหนึ่ง? ปิง หยาง ตัวสั่น
จะมีคนอื่นได้ยังไง?ปิง หยาง เป็นลูกคนเดียวของนาง! คังเยว่ปฎิเสธที่สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
อย่างไรก็ตามเฉียนยี่กลับตัวสั่นเมื่อได้ยินคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ ฟางเจิ้งจือ มั่นใจในเรื่องนี้ 50%ว่าเขาเดาถูกต้อง
เจ้าไม่ได้บอกว่ายู่เอ๋อร์มีลูกคนเดียวแต่นางยังมีคนรับใช้อยู่อีกไม่ใช่รึ? ฟาง เจิ้งจือ ถือดาบและจ่อไปที่ลำคอของคังเยว่
เจ้าหมายความว่ายังไง? คังเยว่เบิกตากว้าง
เจ้าทำพันธสัญญาข้ารับใช้กับยู่เอ๋อร์ยังไง? ฟาง เจิ้งจือ ถาม
แน่นอนว่าด้วยเลือดของข้ากับนายหญิงอยู่แล้ว…เจ้าจะบอกว่าข้ากับนายหญิงก็มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดงั้นหรือ?’ท่าทีของคังเยว่เปลี่ยนไป
ไม่ใช่นางคนเดียวแม้แต่ หลิน มู่ไป่ และศิษย์ที่อยู่รอบๆก็ตกตะลึง
คังเยว่?
นาง…
เหล่าศิษย์ต่างก้มหัวงุดตัวของพวกนางสั่นเทา คังเยว่เกี่ยวข้องกับยู่เอ๋อร์ทางสายเลือดจริงๆงั้นหรือ? ในเมื่อนาง…เป็นคนรับใช้ของยู่เอ๋อร์ พวกนางต้องทำพันธสัญญากันด้วยเลือดนั่นหมายความว่าเลือดของยู่เอ๋อร์ต้องไหลเวียนอยู่ในตัวคังเยว่แน่นอน!
งั้นเจ้าวางแผนจะทำยังไงต่อไป? ฟาง เจิ้งจือ ยิงคำถามไปที่คังเยว่อีกครั้ง
ทำยังไงต่อไป?ฮ่าฮ่า…ข้าเกี่ยวข้องกับนายหญิงด้วยสายเลือดอย่างไรก็ตามคนที่ผนึกนายหญิงยังคงเป็นปิงหยาง เพราะหอคอยหลิงหยุนสอนให้ศิษย์ตัดอารมณ์ทั้งหมดออกไป ดังนั้นข้าไม่มีทางทำอะไรได้! คังเยว่ ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
โอ้อย่างนั้นรึ?
ใช่ข้ามั่นใจ!
ถ้าผู้คุมหอคอยหลันต้องการแบบนั้นต้องการให้ยู่เอ๋อร์ตัดอารมณ์ทั้งหมดทิ้ง นางจะช่วยยู่เอ๋อร์ปกปิดความจริงเรื่องการตั้งท้องทำไม? นอกจากนี้ทำไมนางยังคงต้องการยกตำแหน่งให้ยู่เอ๋อร์? ฟาง เจิ้งจือ ถามขึ้นอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าเพราะนายหญิงของข้าแข็งแกร่งมากที่สุด! คังเยว่ตอบ
จะเป็นไปได้ยังไง?ศิษย์ของหอคอยหลิงหยุนต้องตัดความรู้สึกทั้งหมดทิ้งไปไม่ใช่งั้นรึ?
เจ้า…เจ้ากำลังบิดเบือนความจริง!
ได้งั้นถ้ามันเป็นไปตามที่เจ้าพูด ผู้คุมหอคอยหลันก็ควรจะผิดหวังในตัวยู่เอ๋อร์มากใช่ไหมล่ะ?
นั่นเป็นเพราะนายหญิง… คังเยว่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ถ้านางผิดหวังในตัวยู่เอ๋อร์ทำไมนางต้องให้อีกครึ่งหนึ่งของ’ดินแดนหลิงหยุน’ไว้กับนางด้วย?
อะไรกัน?!…เจ้ารู้ได้ย้งไงว่านายหญิงของข้ามีมันอยู่?! ร่างของคังเยว่สั่นสะท้าน
มันยังไม่ชัดเจนอีกงั้นหรือ?ในเมื่อ’ดินแดนหลิงหยุน’เป็นสมบัติสูงสุดของหอคอยหลิงหยุน มันต้องถูกควบคุมโดยผู้คุมหอคอย มันไม่จำเป็นที่จะแบ่งมันออกเป็นสองส่วน นั่นหมายความว่าแต่เดิมมันถูกมอบให้ยู่เอ๋อร์แต่เป็นเฉียนยี่ที่ไปแย่งมันมา! ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาราวกับรู้เรื่องทุกอย่าง
อะไรนะ?!แย่งมันมา?!
แน่นอน!ยิ่งกว่านั้นถ้าข้าเดาไม่ผิด ไม่ใช่ผู้คุมหลันที่ขังยู่เอ๋อร์เอาไว้ แต่เป็นเฉียนยี่!’
ท่านเฉียนยี่?!… คังเยว่ไม่อยากจะเชื่อ ฟาง เจิ้งจือ
…
โกหก!ฟาง เจิ้งจือ เจ้ากล้าดูหมิ่นข้างั้นรึ! ในที่สุดเฉียนยี่ก็ไม่ยอมอยู่เฉยนางพุ่งไปหาหลิน มู่ไป่
ในฐานะที่นางเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดในแดนศักดิ์สิทธิ์มันไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะพุ่งไปถึงด้านหลังของ หลิน มู่ไป่ อย่างรวดเร็ว พร้อมกับแสงสีทองที่ถูกปลดปล่อยออกมา เฉียนยี่ไม่ลังเลที่จะปล่อยพลังอันรุนแรงออกมาทันที
หน้าของหลิน มู่ไป่ ซีดขาวทันที พลังของเขาไม่สามารถเทียบกับเฉียนยี่ได้แม้แต่น้อย
ท่านพ่อ! ปิง หยาง ตะโกน
ฟางเจิ้งจือ ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า ปล่อยคังเยว่แล้วเอาตัว หลิน มู่ไป่ และ ปิง หยาง กลับไป ไม่อย่างนั้นข้าจะข้าพวกเขาโดยไม่ลังเล ต่อให้ข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ก็ตาม! เฉียนยี่ พูดออกมาอย่างเย็นชา
ฮ่าฮ่าได้แต่ท่านต้องปล่อยตัวองค์จักรพรรดิมาก่อน ข้าไม่เชื่อใจท่านอีกแล้ว! ฟาง เจิ้งจือ พูดพร้อมหยุด ปิง หยาง ที่กำลังจะพุ่งไปหาพ่อของนาง
เฉียนยี่ไม่คาดหวังว่า ฟาง เจิ้งจือ จะตอบคกลงได้ง่ายดายอย่างนี้
เดินไป! เฉียนยี่ตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
หลินมู่ไป่ ยืนขึ้นชาๆที่มุมปากของเขายังคงมีเลือดไหลออกมา เขาค่อยๆเดินไปหา ฟาง เจิ้งจือ และ ปิง หยาง
ฟางเจิ้งจือ พูดต่อ ถ้าข้าเดาไม่ผิด เฉียนยี่แย่งดินแดนหลิงหยุนมาจากยู่เอ๋อร์และผนึกนางไว้ ซึ่งไม่น่าจะใช้เลือดของ ปิง หยาง…
เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเรื่องหลอกลวงของเจ้างั้นหรือ?
ในเมื่อข้าพูดความจริงแล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้า ลองคิดดูว่าถ้าเฉินเฟยฮัวพา ปิง หยาง กลับมาในขณะที่ยู่เอ๋อร์ถูกผนึกอยู่ โอกาสที่ ปิง หยาง จะรอดมีมากแค่ไหน?
ข้าไม่มีทางเชื่อเจ้า! คังเยว่พูดอีกครั้ง
ถ้าข้าเป็นเฉียนยี่ข้าจะไม่ผนึกยู่เอ๋อร์ด้วยเลือดของ ปิง หยาง มั่นเสี่ยงเกินไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วยู่เอ๋อร์หลุดออกมาได้ ทุกคนก็จะรู้เรื่องที่เฉียนยี่ขโมยดินแดนหลิงหยุนไป
หุบปาก!
ดังนั้นมันจะปลอดภัยกว่าถ้าใช้เลือดของเจ้าข้อแรกคือเจ้าอยู่ที่หอคอยหลิงหยุนตลอดเวลา ข้อที่สอง ปิง หยาง ไม่ใช่เซียนอายุขัยของนางมีจำกัด นางต้องตายหลังจากผ่านไปร้อยปีแน่นอน แต่เจ้าเป็นเซียนที่มีอายุขัยยืนนาน ผนึกจะอยู่ได้นานกว่าถ้าใช้เลือดของเจ้า
… คังเยว่ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนางรู้ว่ายังไงก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่ยอมหยุดแน่นอน
นางทำได้แค่กัดริมฝีปากและปล่อยให้ฟาง เจิ้งจือ พูดต่อไป
แล้วเจ้าคิดว่าเฉียนยี่เป็นคนฆ่าผู้คุมหอคอยหลันด้วยหรือเปล่า?
ฟางเจิ้งจือ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! ในที่สุดเฉียนยี่ก็ระเบิดความโกรธออกมา นางไม่สนใจเรื่องแลกตัวประกันอีกต่อไป นางรีบพุ่งไปหา ฟาง เจิ้งจือ
……………………………………..