Gate of God - ตอนที่ 841 เฉียนยู่
ตูม!
ไม่ใช่เสียงฟ้าผ่าหรือฟ้าร้องเพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงที่มีอากาศร้อนจัด
อย่างไรก็ตามศิษย์หอคอยหลิงหยุนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า พวกเขาได้ยินเสียงทักทายคำหนึ่ง ‘สวัสดี’
เหล่าศิษย์ต่างหันมองไปด้านหลังของเฉียนยี่เกือบในทันที
นั่นไม่ใช่ประตูหอคอยหลิงหยุนมันเป็นเส้นทางออกจากสำนัก
อย่างไรก็ตามมีบางคนยืนอยู่ตรงนั้น
นางสวมชุดกระโปรงสีขาวผมยาวสลวยถึงเอว และมีปิ่นปักผมที่ประดับด้วยดอกไม้หยกสีขาวอยู่บนหัว
นางดูไม่เหมือนคนอายุ30 ปี ใบหน้าของนางยังงดงามราวกับภาพเขียน สง่างามและอ่อนโยน แน่นอนว่าสิง่ที่สำคัญที่สุดคือนางดูคล้ายกับเฉียนยี่อย่างมาก
เฉียน…เฉียนยู่?!
นาง…ผนึกของเฉียนยู่คลายออกแล้วจริงๆ!
เป็นไปได้ยังไง?
เหล่าศิษย์ที่สวมชุดสีแดงสีน้ำเงิน ต่างตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
ไม่ใช่ศิษย์หอคอยหลิงหยุนทุกคนจะเคยเห็นใบหน้านี้อย่างไรก็ตาม พวกเขามั่นใจกับใบหน้าและคำทักทายอย่างมาก
เฉียนยุ่!
หญิงสาวที่ใช้นามสกุลเดียวกันกับเฉียนยี่!
นางเป็นความภูมิใจของหอคอยหลิงหยุนแต่ชื่อของนางกลายเป็นสิ่งต้องห้ามตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
แต่ในตอนนี้นางปรากฎตัวต่อหน้าพวกเขา ทุกอย่างเหมือนจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
ทุกคนมองไปที่เฉียนยู่จากนั้นก็หันมองเฉียนยี่ที่กำลังยืนนิ่ง ไม่มีอะไรนอกจากความเงียบ นั่นเพราะไม่มีใครรู้ว่าควรพูดอะไรดี
ท่าทีของเฉียนยี่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนสีหน้ากลายเป็นขาวซีด ก่อนจะกลับมาแดงก่ำอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดหรือนางจะทำอะไร เพราะว่าพวกนางไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นตรงหน้านี้แล้ว
คังเยว่ตายแล้ว!
จากนั้นเฉียนยู่ก็ปรากฎตัวขึ้น!
มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆงั้นหรือ?หรือว่า …เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ!
หลังจากผ่านไปสักพักเฉียนยี่ก็หายใจเข้าลึกๆก่อนจะค่อยๆหันมอง แสงสีทองยังคงส่องสว่างในดวงตา นางยกลูกบอลน้ำยักษ์ขึ้นในมือแล้ววางลงที่มืออีกข้าง จากนั้นก็สบตากัน
ริมฝีปากของเฉียนยี่กระตุกเล็กน้อยก่อนที่จะสงบลงและเผยยิ้มบนใบหน้า
น้องเอ๋ยเจ้าต้องทนทุกข์มากตลอดหลายปี! เสียงของเฉียนยี่ดังขึ้น แต่นางไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
ผู้คนต้องมีจิตใจและร่างกายให้แกร่งขึ้นก่อนที่จะประสบความสำเร็จมันเป็นแค่สิบปีแห่งการฝึกฝนที่เข้มงวด ข้าไม่เรียกว่ามันคือความทุกข์หรอก เฉียนยู่พยักหน้าและมองไปที่เฉียนยี่
ร่างของนางสั่นสะท้านเมื่อมองไปยังร่างไร้วิญญาณของคังเยว่
แสงสีเงินพุ่งโค้งไปบนอากาศเกือบจะทันทีที่เฉียนยู่ปรากฎตัวต่อหน้าคังเยว่
คังเยว่! เฉียนยู่นั่งลงและอุ้มร่างคังเยว่ขึ้น นางเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
หลายปีที่ถูกขังนั้นเป็นเพียงการฝึกที่เข้มงวดของเฉียนยู่แต่นางร้องไห้เมื่อได้เห็นคังเยว่
ยู่เอ๋อร์?!นั่น …คือเจ้าใช่ไหม? เป็นเจ้าจริงๆใช่ไหม? หลินมู่ไป่ตัวแข็งค้างและทำได้เพียงแค่นั้น
เมื่อเขาได้ยินเสียงของนางใจของเขาก็หล่นไปที่พื้นทันที เขาเรียกสติกลับมาเมื่อเห็นเฉียนยู่เดินไปหาคังเยว่
นั่นเพราะเขาไม่สามารถเชื่อได้คนที่เขาเฝ้ารอตลอดหลายสิบปี จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเขา ความตกใจนั้นเกินกว่าที่เขาจะรับได้
มือของเฉียนเยว่สั่นไหวเมื่อได้ยินเสียงของหลินมู่ไป่แต่นางก็คุมสติได้อย่างรวดเร็ว
ข้ารู้ว่าเราไม่มีชะตากรรมร่วมกันแต่ …ข้า …ข้าไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้ …
ฝ่าบาทในเมื่อท่านมาที่นี่แล้ว ได้โปรดช่วยข้าดูแลคังเยว่ ยกโทษให้ข้าด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญต้องจัดการ เฉียนยู่พูดแทรกหลินมู่ไป่และเดินเข้าไปหาเขา นางวางร่างของคังเยว่ลงที่ด้านหน้าเขา และมองไปที่ด้านหลังของเฉียนยี่
ร่างของหลินมู่ไป่สั่นสะท้านเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเลือกที่จะเงียบไป เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น และค่อยๆคลุมหน้าคังเยว่ด้วยเสื้อของเขา
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบทมีเพียงแสงสีทองจากท้องฟ้าที่ส่องสว่างไปยังเฉียนยู่และเฉียนยี่
เหล่าศิษย์จ้องมองหน้ากันเงียบๆพวกนางรู้สึกซับซ้อน เพราะรู้ว่าพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นแล้ว
แม้พวกนางไม่อยากเชื่อว่าคังเยว่จะยอมตายเพื่อพายู่เอ๋อร์กลับมาแต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนความจริงตลอดสิบปีที่ผ่านมาของหอคอยหลิงหยุนได้
…
สายลมร้อนผ่าวและกลิ่นคาวเลือดจางๆในอากาศ อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังคงได้กลิ่นอย่างชัดเจน
เฉียนยี่ยังคงถือลูกบอลน้ำยักษ์อยู่ในมือขณะที่เอามืออีกข้างไว้ด้านหลัง แสงสีทองส่องสว่าง ดูเหมือนว่านางกำลังรอ
นางไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะว่าเชื่อในคำโบราณที่ว่า ‘ผู้ชนะจักได้ทุกสิ่ง’ เพราะแบบนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องอธิบาย
เฉียนยี่จะยอมแพ้?
เห็นได้ชัดว่าคำตอบคือ’ไม่’ นางยังคงเป็นผู้นำของหอคอยหลิงหยุน และเหล่าศิษย์กว่าร้อยคนยืนอยู่ด้านหลัง
สิ่งสำคัญที่สุดคือนางยังคงควบคุมโลกภูเขาและแม่น้ำเอาไว้ซึ่งมีฟางเจิ้งจือและปิงหยางอยู่ด้านใน
แม้เฉียนยี่จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายนางก็ยังมีความได้เปรียบอย่างชัดเจน
เฉียนยู่ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน นางไม่ได้เอ่ยถามเฉียนยี่และไม่โกรธแม้แต่น้อย นางยังคงยืนอยู่ที่เดิมราวกับรูปปั้น ดูเหมือนนางเองก็กำลังรอบางอย่าง อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังรออะไร
นั่นมันดูไร้หนทางและน่าหวาดกลัว เฉียนยู่ควรจะทำบางอย่างมากกว่าการออยู่เฉยๆ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งรอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของเฉียนยี่ รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงจุดจบ
ปิงหยางตายไปแล้ว! เฉียนยี่พูดขึ้น
ขณะที่นางพูดร่างของปิงหยางหายไปจากลูกบอลน้ำยักษ์
แน่นอนว่าฟางเจิ้งจือเองก็หายไปเช่นกันลูกบอลน้ำหยุดนิ่ง ไม่มีภูเขาที่พังทลาย ไม่มีสายน้ำไหล เหลือเพียงแต่ภาพของภูเขาและแม่น้ำ
เป็นเรื่องง่ายที่เฉียนยี่ทำให้เหล่าศิษย์ตระหนักว่าทำไมมันถึงเป็นจุดจบ
นั่นเพราะปิงหยาง!
ปิงหยางอยู่ในการควบคุมของเฉียนยี่เฉียนยู่จะเคลื่อนไหวแบบไม่คิดได้อย่างไร? ไม่มีใครรู้ว่าเฉียนยู่กำลังรออะไรอยู่นางกำลังรอให้เฉียนยี่เสนอข้อตกลง หรือนางกำลังรอให้เฉียนยี่ปล่อยปิงหยาง
นั่นคือสาเหตุว่าทำไมมันถึงไร้หนทาง
อย่างไรก็ตาม…เฉียนยี่ได้ตัดสินใจแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?
ในขณะที่เหล่าศิษย์หอคอยหลิงหยุนกำลังคาดเดาคำตอบที่ชัดเจนก็ปรากฎขึ้น นั่นเพราะเฉียนยู่ที่นิ่งเงียบ เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
นางกำลังเดินเข้าไปหาเฉียนยี่แสงสีทองส่องสว่างไปทั่วร่างกาย ท่าทีของนางเย็นชา
ในขณะเดียวกันเฉียนยี่ก็เผยยิ้มอย่างสดใสร่างของนางกำลังสั่นเทา ภูเขาและแม่น้ำในมือของนางเริ่มหดตัวและหายไปในที่สุด
เห้อในที่สุด..! ลูกบอลน้ำยักษ์หายวับไป จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง ไม่นานร่างสีแดงและสีฟ้าก็ผรากฎขึ้นต่อหน้าเฉียนยี่
ชุดคลุมยาวสีฟ้าพริ้วไหวตามสายลมในขณะที่ชุดแดงที่เปล่งประกายแพรวพราวเปลวไฟลุกโชนที่หอกฉีหลิน
รอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเฉียนยี่แข็งค้าง
หะ… จู่ๆนางก็หยุดหัวเราะ
นางกระอักกระอวนพูดอะไรไม่ออกแม้แต่น้อย!
ความจริงแล้วนางไม่ใช่คนเดียวที่อ้าปากค้าง ทุกคนต่างอ้าปากค้างเช่นกัน ทั้งหลินมู่ไป่และเหล่าศิษย์ทั้งหมด
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาตาย…และปรากฏตัวอีกครั้ง?
เหล่าศิษย์หอคอยหลิงหยุนตกตะลึงเมื่อได้เห็นฟางเจิ้งจือและปิงหยางยิ่งกว่าเห็นผี
โอ้ะท่านผู้คุมหอคอย ดูอาการณ์ของท่านไม่ค่อยดีเท่าไรเลยนะ คิดว่าข้าและปิงหยางตายแล้วหรือ? พวกเรายังมีชีวิตอยู่ ดีใจไหม? ประหลาดใจล่ะสิ! ฟางเจิ้งจือพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกระพริบตาให้เฉียนยี่
เจ้าเจ้า… เฉียนยี่ไม่ได้ตอบฟาเจิ้งจือนางหมดคำพูด แววตาของนางเบิกกว้าง นางอ้าปากแข็งค้างและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
นั่นเพราะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกภูเขาและแม่น้ำดีกว่านางนางสัมผัสได้ว่าปิงหยางและฟางเจิ้งจือตายไปแล้ว
นางฆ่าพวกเขาในโลกภูเขาและแม่น้ำ
นางฆ่าทั้งคู่
พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?
เฉียนยี่พูดไม่ออกสายตาของนางเบิกกว้างมองไปที่ฟางเจิ้งจื
เขาเป็นอมตะหรือไงกัน?
ต่อให้เขาจะเป็นอมตะแล้วปิงหยางล่ะ?ปิงหยางคงไม่รอดใช่ไหม?
เฉียนยี่ไม่สามารถทำใจเชื่อได้แต่นางไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงว่าตอนนี้ฟางเจิ้งจือและปิงหยางยืนอยู่ข้างหน้านางได้
ท่านแปลกใจจนพูดไม่ออกเลยหรอ? ฟางเจิ้งจือยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อเห็นสีหน้าของเฉียนยี่ จริงๆแล้วการโจมตีของท่านนั้นทรงพลังมาก น่าเสียดายที่มัน…ไม่ได้ผลเมื่อต้องมาเจอกับข้า! j
ไม่ได้ผล?!
…
ศิษย์หอคอยหลิงหยุนต่างพูดไม่ออกเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนางได้ยินฟางเจิ้งจือพูดแบบนี้ เขาพูดแบบนี้ออกมาหลายครั้งแล้ว
ที่ต่างออกไปคือตอนนี้เขากำลังพูดกับเฉียนยี่
ผู้ชายคนนี้…ความไร้ยางอายและจองหองของเขานั้นไร้ขีดจำกัด!
ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังจะพูดต่อเขาก็ได้ยินเสียงขัดขึ้นมา
ปิงหยางปิงหยาง…ลูกข้า!!
เป็นเสียงที่ดังและดูไม่คุ้นเคยเลยอย่างไรก็ตามร่างของฟางเจิ้งจือกลับสั่นไหว ก่อนที่เขาจะหันไปมองด้านหลังทันที จากนั้นเขาเห็นผู้หญิงผมยาวสีดำสวมชุดสีขาวเขาสามารถบอกได้ว่านางเป็นคนที่อ่อนโยนและสง่างาม
นางงดงามราวกับภาพวาด
ที่สำคัญที่สุดคือนางดูเหมือนเฉียนยี่แทบจะทุกประการต่างกันที่บรรยากาศรอบๆตัวเท่านั้น
……………………………………..
��