Gate of God - ตอนที่ 853 ผสานเต๋า
ฟางเจิ้งจือฝากความหวังไว้กับปิงหยางแต่เหมือนว่าเฉียนยู่ก็จะรู้เรื่องนี้เช่นกัน
ข้าควรทำยังไงดี?
ข้าควรใช้กำลังเพื่อพังที่นี่ออกไป?แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มที่ตรงไหน?! ข้ารอจนกว่าพวกเขาจะกลับมาไม่ได้!
ที่สำคัญแม้พวกนางจะกลับมาแต่ถ้าเขาไม่ยอมตกลงแต่งงานกับปิงหยาง…
เห้อ…ข้าสงสัยจริงๆว่าเหยียนซิวทำอะไรอยู่ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า? ฟางเจิ้งจือถอนหายใจ ก่อนจะค่อยๆนั่งลงและก่อกองไฟขึ้น จากนั้นเขาก็เอาหินมาวางทับไว้และวางเนื้อสัตว์ลงบนนั้น
หลังจากเดินไปเดินมาอย่างไร้จุดหมายเป็นเวลาสองวันฟางเจิ้งจือเริ่มรู้สึกหิว
หลังจากกินเนื้อและดื่มเหล้าผลไม้ไปเล็กน้อยเขาก็ล้มตัวลงนอนบนพื้น แสงแดดอบอุ่น
บรรยากาศในดินแดนหลิงหยุนนั้นน่าประทับใจมากทั้งภูเขา แม้น้ำ ดอกไม้ ฟางเจิ้งจือยอมรับว่าบรรยากาศที่นี่งดงามมาก
เดี๋ยวก่อน!
บรรยากาศ…งดงาม?
ฟางเจิ้งจือเบิกตากว้างทันที
เขาสามารถจดจำวิชาและคุณสมบัติพิเศษของหอคอยหลิงหยุนได้พวกเขาสามารถเชื่อมต่อเต๋าเข้าด้วยกัน…
นอกจากนั้นเขายังนึกถึงวัตถุทรงกลมที่เฉียนยี่ทำลายไป
ดินแดนภูเขาและแม่น้ำ…
ฟางเจิ้งจือเชื่อว่ามันมีความเกี่ยวของกับดินแดนหลิงหยุน
ผสาน?
ผสานวิชาเต๋าอันหลากหลายให้กลายเป็นวิชาที่ทรงพลังมากขึ้น? ฟางเจิ้งจือเองก็รู้จักวิธีเช่นนั้นชุดเกราะสีดำของเขาก็เกิดจากการผสานเต๋าหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน แต่มันยังไม่สามารถอธิบายดินแดนหลิงหยุนได้
มันไม่ใช่แค่การผสาน…
ถ้าเป็นแค่การผสานจะต้องมีสิ่งกีดขวางระหว่างวิชาเต๋าที่ต่างกัน
เหมือนกับการผสานหินสองก้อนเข้าด้วยกันถ้าหินก้อนหนึ่งแข็งแกร่งเกินไป มันจะทำลายหินอีกก้อนหนึ่ง..
ยกเว้นมันจะผสานกันกลายเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างสมบูรณ์
เดี๋ยวนะ!
แบบนี้นี่เอง!
หากให้อธิบายดินแดนภูเขาและแม่น้ำของเฉียนยี่มันคือการผสานวิชาเต๋ามากมายเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว
กลายเป็นหนึ่ง!
แบบนี้นี่เอง!กลายเป็นหนึ่งเดียว รวบรวมวิชาเต๋าทั้งหมดเพื่อสร้างวิชาเต๋าใหม่ขึ้นมา…
อืม…มันไม่น่าจะเรียกว่าวิชาเต๋าใหม่ต้องบอกว่าเต๋าธรรมดานั้นรวมกันจนกลายเป็นวิชาเต๋าที่ยิ่งใหญ่!
ข้ารู้วิธีการทำงานของมันแล้ว!
เขาเคยเชื่อว่าเขาสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้โดยการเข้าใจเต๋าต่างๆให้มากขึ้นเขาพยายามทำความเข้าใจเต๋าให้มากขึ้นในทุกๆวัน
แต่มันช้าเกินไป
ที่สำคัญคือพวกเขาแทบไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้เต๋าอื่นๆเลยนอกจากเต๋าทั่วๆไปเช่น น้ำ ลม ไฟ
แม้เขาจะมีเต๋าจำนวนมากแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรกับเขา
นั่นคือสถานะปัจจุบันของฟางเจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามถ้าเขาสามารถรวบรวมเต๋าอันหลากหลายให้กลายเป็นเต๋าเดียว มันจะช่วยแก้ปัญหาในตอนนี้ของเขาได้ จากเต๋าธรรมดาร่วมกันกลายเป็นเต๋าที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นเต๋าที่ยิ่งใหญ่ก็รวมกันเป็นเต๋าสูงสุด จากนั้นก็กลายเป็นเต๋าไร้สิ้นสุด
แต่เขาก็ยังมีปัญหาอยู่อีกข้อเช่นกัน
เขาจะตั้งชื่อให้เต๋าไร้สิ้นสุดของเขายังไงดี?
เขาไม่รู้และยังไม่สนใจมันตอนนี้เพราะกว่าเขาจะถึงจุดนั้นได้ ต้องใช้เวลาอีกนาน
แต่เขาก็มั่นใจว่ามันเป็นหนทางที่ถูกต้อง
แม้เขาไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็ตาม
ฟางเจิ้งจือเริ่มต้นด้วยน้ำแข็งและไฟ
ถ้าเขาทำได้มันต้องกลายเป็นเรื่องที่สุดยอดมากแน่นอน
เขาเรียกน้ำแข็งบนมือซ้ายอากาศเย็นจัดรวมอยู่ในมือซ้ายของเขาและในไม่ช้าก็กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
จากนั้นอากาศอันร้อนแรงก็รวมตัวกันที่มือขวาของเขาและกลายเป็นลูกบอลเพลิงเกือบจะทันที
จากนั้นเขาเริ่มกระบวนการ’ผสานกลายเป็นหนึ่ง’
ฟางเจิ้งจือปิดฝ่ามือทั้งสองข้างเขาด้วยกัน
จากนั้น…ไม่มีจากนั้น
นั่นเป็นเพราะเมื่อน้ำแข็งเข้าใกล้เปลวไฟมันก็ละลายทันทีแต่ฟางเจิ้งจือไม่ยอมแพ้ เขาพยายามอัดความเย็นเข้าไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย
เกิดระเบิดขึ้น!
เกล็ดน้ำแข็งระเบิดขึ้นเนื่องจากความร้อนจัดมันกระเด็นใส่หน้าของเขาทันที ฟางเจิ้งจือไม่มีเวลาตอบสนองได้ทัน แต่เขาไม่สนใจ
ข้ารู้แล้วมันยังมีช่องว่างระหว่างความฝันและความจริงอยู่ ข้าควรจะเริ่มจากอะไรที่ง่ายๆก่อน
ฟางเจิ้งจือไม่ยอมแพ้เขาตัดสินใจ ลองอะไรที่ง่ายๆก่อน การรวมกันของลมและน้ำได้เป็นน้ำแข็งการรวมกันของไฟและหินได้เป็นลาวา?
ฟางเจิ้งจือเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆเขาเริ่มทำการรวมเต๋าง่ายๆสองอย่างเข้าด้วยกัน จากนั้นก็กลายเป็น สาม สี่และห้าอย่าง
เขายังสามารถคิดถึงหลักการบางอย่างได้อย่างรวดเร็วเช่นเขาใช้เต๋าห้าธาตุ มันช่วยทำให้เขาสามารถผสาน เหล็ก ดิน ไม้ น้ำ ไฟ เข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากความพยายามครั้งแรกประสบความสำเร็จความพยายามครั้งที่สองของเขานั้นเร็วกว่ามากนอกจากนี้เขายังเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างวิชาเต๋าที่ยิ่งใหญ่กับเต๋าธรรมดาทั่วไป
ส่วนใหญ่เต๋ายิ่งใหญ่ มักเป็นจุดกำเนิดของเต๋าธรรมดาทั่วไป พวกมันมีจุดกำเนิดเหมือนๆกัน
หลังจากความพยายามฟางเจิ้งจือประสบความสำเร็จในการทดลองติดกันหลายครั้ง เขาต้องการสร้างวิชาใหมโดยการผสมเต๋าที่ยิ่งใหญ่เขาด้วยกัน
…
15วันต่อมา
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์,ภูเขาสวรรค์
เมื่อเทียบกับ15 วันที่ผ่านมา ภูเขาเซียนในวันนี้กลับเงียบสงบมาก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีนกขนาดใหญ่บินอยู่บนท้องฟ้าอีกต่อไป แม้แต่สัตว์ร้ายตามข้างทางก็มีจำนวนลดลงมาก
แต่กลับมีกลินเลือดคละคลุ้งไปทั่วภูเขาแทน
สัตว์ร้ายจำนวนมากต้องตายลงเพราะการประชุมพันธมิตรสวรรค์
ในฐานะผู้ปกครองของโลกมนุษย์มีสิทธิ์ขาดการควบคุมอย่างสมบูรณ์ สัตว์ร้ายที่กล้ายืนขวางต้องเลือกว่าจะวิ่งหนีหรือตาย
นี่คือความจริงที่โหดร้าย
โชคดีที่สาวกที่ได้รับมอบหมาย’กวาดล้างป่า’ ไม่ได้หักโหมและทำลายทุกอย่างจนสิ้นซาก น้ำตกยังคงตั้งตระหง่าน กลิ่นดอกไม้ยังลอยโชยออกมา
บนยอดเขาที่จัดตั้งการประชุมนั้นเต็มไปด้วยผู้คกองทัพทั้งสี่อาณาจักรต่างจัดทัพอยู่รอบๆ รวมถึงคนของทั้งสี่สำนักด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าที่นั่งของทั้งห้าสำนักย่อมต่างจากคนอื่นพวกเขานั่งอยู่ระหว่างรูปปั้นหินทั้งห้าก้อนที่ต้งอยู๋รอบๆลาน
ในฐานะผู้จัดการประชุมศาลาเต๋าสวรรค์นั้นเดินทางมาถึงที่นี่เป็นกลุ่มแรก ถัดไปเป็นคนจากหุบเขาฟู่ซี่
นอกจากนี้ศาลาหยินหยางอีกสำนักที่มาตรงเวลา
เก้าอี้ด้านหน้าสุดมีอยู่สองตัววางไว้เคียงข้างกัน
คนทางด้านซ้ายสวมชุดดำและขาวสวมหน้ากากปิดบังหน้าคนที่อยู่ทางขวาสวมชุดกระโปรงสีเขียวและหมวกไผ่และผ้าปิดหน้าสีขาว
ไม่มีใครเห็นใบหน้าของพวกเขาได้ชัดเจนแต่ไม่มีใครสงสัยในตัวตนของพวกเขา
นั่นเพราะทุกคนรู้ว่าด้านซ้ายเป็นผู้นำของศาลาหยินหยางเต๋าฮุน ส่วนทางขวาเป็นเต๋าซิง
อย่างไรก็ตามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขานั้นกลับดึงดูดความสนใจของทุกคน
เขานั่งอยู่ด้านหลังเต๋าซิงและเต๋าฮุน
กล่าวอีกนัยหนึ่งเขานั่งอยู่หน้าผู้อาวุโสของศาลาหยินหยาง
เขาเองก็ไม่เปิดเผยใบหน้าของตัวเองเช่นกัน
เขาสวมหน้ากากสีขาวดำเหมือนหยินและหยาง ดวงตาสีดำสนิทสามารถมองเห็นได้ผ่านรูบนหน้ากาก
นั่นใคร?
เขานั่งอยู่หน้าพวกผู้อาวุโสทั้งหมด! แปลกมากข้าไม่เคยเห็นคนคนนั้นอยู่ในศาลาหยินหยางมาก่อน? หรือพวกเขาจะไปรับศิษย์ชั้นยอดมา?
ทุกคนต่างคาดเดาและพูดคุยกันเบาๆอย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าที่จะถามเกี่ยวกับตัวตนของบุคคลนั้นเพราะพวกเขาเป็นศิษย์ของสำนักหรือนิกายเล็กๆเท่านั้น หากแม้แต่ห้าสำนักใหญ่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เลือกที่จะเงียบ พวกเขาจะกล้าถามได้ยังไง?
……………………………………..