Gate of God - ตอนที่ 900 จุดเริ่มต้นของสงคราม
ยายแก่…
เรื่องอย่างว่า?!
เมื่อโม่ฉานฉือได้ยินร่างของเขาสั่นด้วยความโกรธ สีหน้าของเขากลายเป็นแดงก่ำ
ในฐานะผู้นำหุบเขาฟู่ซี่เขาถูกกล่าวหาว่ามีสัมพันธุ์กับอสูรร้ายได้ยังไง?
เขาจะทนได้ยังไง?
สวะข้ามีคุณธรรมเสมอมา จะเป็นไปได้ยังไงที่ข้าจะ… ท่าทีของโม่ฉานฉือเปลี่ยนไปทันทีขณะที่พูด
อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของไป่ฉือกลายเป็นน่าเกลียดริมฝีปากบิดเบี้ยวในเวลาเดียวกัน
เด็กเหลือขอเจ้ากำลังสร้างปัญหาให้ข้า! โม่ฉานกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก ไป่ฉือโกรธไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร เขาต้องหนี!
แต่ยังไง?
เขาเป็นคนที่พุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเลถ้าเขาหันหลังแล้วหนีไปจะเป็นความอับอายแค่ไหนในฐานะผู้นำ
ต้องสู้ต่อ! โม่ฉานฉือกัดฟันแน่น เขาไม่สามารถทำลายชื่อเสียงลงได้ สถานะของเขาในตอนนี้มันมีค่ามากกว่าชีวิตเสียอีก
อย่างไรก็ตามความคิดที่ต้องต่อสู้กับจักรพรรดินีไป่ฉือนั้นน่ากังวลเล็กน้อย
จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือมีความน่ากลัวขนาดไหนกัน?
เกี่ยวกับเรื่องนั้น…
ฟางเจิ้งจือไม่มีความคิดที่จะตอบ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนจากเสียงตบที่ดังสะท้อนไปทั่วท้องฟ้า
โม่ฉานฉือถูกตบ!
เขาถูกตบที่หน้า! เสียงดังและชัดเจนมาก
ในตอนนั้นเองฟางเจิ้งจือเห็นไม่ชัดนัก อย่างไรก็ตามเขาเห็นฟ้าผ่าลงที่หัวของโม่ฉานฉือ ประมาณสองวินาทีก่อนจะหายไป
จากนั้นโม่ฉานฉือก็ถูกตบที่หน้า
โม่ฉานฉือแข็งค้างในทันที
เห้อ… ฟางเจิ้งจือถอนหายใจ เขาเห็นรอยแดงบนใบหน้าของโม่ฉานฉือ เขาไม่มั่นใจว่าเป็นรอยแดงจากการตบหรือเป็นสีหน้าของความโกรธกันแน่ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนโม่ฉานฉือ เพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ยังไม่ได้พูด
ผู้นำโม่ถ้าข้าเป็นท่านข้าคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้บนความอัปยศเช่นนั้น ถ้าหากไม่ได้ตบคืน!
เจ้าเด็กเหลือขอ! สีหน้าของโม่ฉานฉือกลายเป็นสีเขียวอย่างเห็นได้ชัด เขาต้องการระบายความโกรธ และคำพูดของฟางเจิ้งจือทำให้เขามีโอกาสได้ทำ แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจก็ตาม
ข้าหวังดีด้วยแต่ท่านกลับด่าข้ารึ? ฟางเจิ้งจือสายหัว ในฐานะคนไร้เดียงสาที่อยากเตือนแต่กลับถูกด่าว่า เขารู้สึกว่าต้องพูดอะไรบางอย่าง
ฮึ่มมมม!!! โม่ฉานฉือเดือดพล่าน
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการตบของไป่ฉือหรือการยั่วยุของฟางเจิ้งจือที่ทำให้โม่ฉานฉือเดือดพล่านอย่างชัดเจนเช่นนั้น
ด้วยความโกรธแค้นและสีหน้าที่แดงก่ำโม่ฉานฉือยกแขนทั้งสองข้างและทุบลงที่ไป่ฉือ เขาใส่เต็มแรงที่มี
ตูม!เสียงฟ้าผ่าดังก้อง
ในฐานะหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แม้แต่ไป่ฉือเองก็หวาดหวั่นหากต้องรับการโจมตี
นางเคลื่อนตัวไปด้านข้าง
อย่างไรก็ตามโม่ฉานฉือบ้าคลั่งอย่างไม่สามารถควบคุมได้ สามารถมองเห็นเส้นเลือดในดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน
ระเบิดครั้งที่หนึ่งสอง …สาม!
ระเบิดที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งเต็มไปด้วยพลังที่รุนแรงราวกับหมาบ้าที่ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป แม้จะเป็นจักรพรรดินีอสูร หรือจิ้งจอกเก้าหางขาวที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม
ฉากนี้ทำให้เหล่าศิษย์ที่พึ่งได้สติตกใจอย่างมาก
หืมเกิดอะไรขึ้นกับท่านโม่!
เขาบ้าไปแล้ว?
เขาโดนตบ…เขาเป็นบ้าเพราะเรื่องนั้นแน่ๆ!
ตบอะไร?
เสียงตบที่จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือตบท่านโม่…
ในบรรดาเหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านล่างบางคนเห็น บางคนก็ไม่เห็น อย่างไรก็ตามในตอนนี้ทุกคนรับรู้เรื่องนั้นแล้ว เฒ่าโม่ตั้งสติก่อน! ในที่สุดมู่ฉิงเฟิงก็เคลื่อนไหว เขารู้สึกหมดหนทาง หลังจากที่เห็นโม่ฉานฉือปล่อยความโกรธแค้นออกมา
อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะรู้สึกหมดหนทาง แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าโม่ฉานฉือคงจะไม่แสดงความกล้าออกมาถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของฟางเจิ้งจือ
แต่ตอนนี้เขาจะสงบสติลงได้ไหม?
แน่นอนว่าไม่
ไป่ฉือข้าจะต่อสู้กับเจ้าเอง! โม่ฉานฉือโกรธแค้นจนไม่ได้ยินเสียงของมู่ฉิงเฟิงแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเขาคือ ความอัปยศ
ตูม!
หลังจากไล่ล่าตามไปเรื่อยๆไป่ฉือก็ไม่สามารถหนีได้อีกต่อไป นางเตะไปที่ค้อนยักษ์ของโม่ฉานฉือ ทำให้เกิดเสียงก้องในอากาศ
โม่ฉานฉือกระเด็นออกไปด้วยแรงเตะอย่างน้อยสิบก้าวเขาถ่มน้ำลายสีเลือดออกมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามด้วยความบ้าคลั่งในตอนนี้ โม่ฉานฉือยังคงมีความกล้า เขาพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
อ้าก!ไป่ฉือ ข้าจะฆ่าเจ้า!
… ในที่สุดสีหน้าของไป่ฉือก็เปลี่ยนไป แม้นางจะมีพลังมากกว่า แต่โม่ฉานฉือก็ยังเป็นอุปสรรคของนางอยู่ดี
ในระดับที่ใกล้เคียงกันความแตกต่างของพลังไม่ได้ห่างกันจนเกินไป
เด็กเหลือขอเจ้าตั้งใจแบบนี้! จักรพรรดินีไป่ฉือรู้ทันทีว่าเป็นเพราะคำพูดของฟางเจิ้งจือ ถ้าไม่ใช่แบบนั้นโม่ฉานฉือคงไม่สติหลุดเช่นนี้
แต่ก็ไม่สำคัญที่คิดถึงเรื่องพวกนี้
เมื่อมาถึงขั้นนี้มีเพียงหนทางเดียวคือต้องสู้นางจะไม่หันหลังถ้าโม่ฉานฉือต้องการสู้
โม่ฉานฉือเจ้ารนหาที่ตายเอง ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา! เสน่ห์ของไป่ฉือหายไปอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้นางดูน่าสะอิดสะเอียน
ตาย! โม่ฉานฉือยังคงพุ่งเข้าไป
ท่าทีของมู่ฉิงเฟิงเปลี่ยนไปสงครามใหญ่ที่ต่อสู้กับเผ่าอสูรเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ระหว่างสงครามทั้งอสูรและปีศาจได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก รวมไปถึงมนุษย์เองก็เช่นกัน
แต่ถึงแม้จะมีสถานการณ์เช่นนั้น…
ผู้ที่พลังเหนือกว่าอย่างแท้จริงยังคงสงบและมีเหตุผลจนถึงที่สุด
ไม่มีใครต่อสู้จนตัวตายจริงๆ
นั่นเพราะมันไร้ความหมาย
เป็นเหตุให้มนุษย์และอีกสองเผ่าพันธุ์ยุติการต่อสู้และตั้งกฎขึ้นผ่าปีศาจจะถอยกลับไปที่เมืองเงาเลือด เหล่าอสูรต้องหลบซ่อนอยู่ทีบึงน้ำใหญ่ นอกจากนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหล่าคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของอาณาจักรทั้งสี่
แม้ว่าราชวงศ์จะถูกทำลายสิ้น!
นี่คือกฎแห่งความอยู่รอดสำหรับผู้ที่มีพลังอำนาจ!
แต่ตอนนี้มู่ฉิงเฟิงจะทำยังไงได้ มองดูโม่ฉานฉือที่วิ่งเข้าหาความตาย
ถ้าข้าตายก็ช่างมัน! มู่ฉิงเฟิง กัดฟันแน่นพร้อมย่ำเท้าอย่างแรง เขาพุ่งไปหาจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือ ไป่ฉือ พวกเราจะสู้จนกว่าจะตาย!
…
โฮก!เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้น
ในตอนนั้นเหล่าราชาอสูรที่อยู่ด้านล่างก็โกรธแค้นเช่นกัน นี่ไม่ใช่การต่อสู้เล็กๆอีกต่อไป ดวงตาของเหล่าราชาอสูรกลายเป็นสีแดงเลือด
ต่อสู้!
ราชาอสูรมากกว่าสามสิบตนกลับสู่ร่างที่แท้จริงทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยอสูรมากมาย
เมื่อเห็นเช่นนั้นเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป
จู่โจม! เหล่าผู้อาวุโสไม่ว่าจะมาจากสำนักไหนต่างก็เริ่มเคลื่อนไหว
ร่างจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
นักปราชญ์ทุกคนต่างหยิบอาวุธขึ้นในมือต่อสู้กับราชาอสูรอย่างเต็มกำลัง
สงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และอสูรเริ่มขึ้นในที่สุด
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือผู้ที่เป็นชนวนสงคราม ได้หลบหนีออกไปก่อนที่เหล่าอสูรจะส่งเสียงคำราม
อาวุธนับไม่ถ้วนเข้าปะทะกันไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บโดยพวกเดียวกัน
ถึงแม้เช่นนั้นเขาก็ไม่ได้หนีไปไกลนัก
ถ้ายังพอมีคุณธรรมอยู่บ้างพวกปีศาจจะไม่สามารถบุกเข้ามาได้ ฟางเจิ้งจือสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
ในฐานะมนุษย์ที่มีเลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกายแล้วเขาไม่สามารถนั่งเฉย และไม่ทำอะไรเกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์และอสูร
ดังนั้น…
เขาตัดสินใจเฝ้าดู!
นักรบที่แท้จริงต้องรับให้ได้กับการมองเลือดสดๆที่หลั่งไหล ฟางเจิ้งจือเป็นนักรบที่แท้จริงเขาจึงต้องมองดูเลือด
และมุมมองที่ดีที่สุดที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนคือด้านบนมันเป็นสิ่งที่ฉือกูเหยียนพูดก่อนหน้านี้
สถานที่ที่อันตราย
แต่สถานที่ที่อันตรายมาที่สุดคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด
นอกจากนั้นด้วยความสามารถของฟางเจิ้งจือตราบใดที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับไป่ฉือโดยตรง เขาก็ไม่ต้องกังวลนัก
ดังนั้นฟางเจิ้งจือจึงเลือกอยู่ด้านหลังของไป่ฉือ เหตุผลนั้นง่ายมาก ถ้าเขาไม่สามารถสู้กับนางตรงๆได้ เขาต้องเข้าจากด้านหลัง
สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามการที่จะทำให้สำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่เป็นปัญหากับฟางเจิ้งจือ
ต้นไม้เทพเจ้า!
เป็นที่อำพรางตัวได้ดีที่สุด!
การใช้ประโยชน์จากลำต้นขนาดใหญ่รวมทั้งกิ่งก้านที่งอกเงยมากมายนั่นเป็นไปได้ที่จะทำให้เข้าด้านหลังจักรพรรดินีอสูรได้ท่ามกลางสนามรบที่วุ่นวาย
ครืน!
ครืน!
แม้เหยียนซิวจะหมดสติอยู่ในมือของฟางเจิ้งจือเขาก็ใช้มืออีกข้างคว้ากิ่งไม้ต่อไปเรื่อยๆอย่างว่องไว เขาใช้ประโยชน์จากเต๋าสวรรค์เพื่อรีบไปให้ถึงยอดของต้นไม้เทพเจ้า
ขณะที่เขากำลังปีนขึ้นไปมีเสียงดังก้องขึ้นบนท้องฟ้า สำหรับการต่อสู้ระหว่างอสูรกว่าสามสิบตนและเหล่าศิษย์นับร้อย ขอบเขตของการต่อสู้นั้นน่าตื่นเต้นมาก เลือดที่หลั่งไหลแขนขาหักลอยในอากาศ
เสียงของความโกรธแค้นและความโศกเศร้าสร้างความสยดสยองไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิด
เฉียนยู่และเต๋าฮุนหยุดการต่อสู้เช่นกัน
เมื่อดูจากชุดคลุมที่ขาดยุ่ยของเต๋าฮุนใครก็บอกได้ว่าเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
สิ่งนี้ทำให้เขาดูน่าขนลุกยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเต๋าฮุนและเฉียนยู่ไม่มีความตั้งใจที่จะสู้กันอีกแล้ว
มันเกี่ยวกับความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ค่อยสะสางเรื่องของเราในสักวันหนึ่ง! เต๋าฮุนพูดอย่างเย็นชา ในขณะที่ฉีกแขนเสื้อที่เปื้อนเลือดทิ้งไป
ย่อมได้ เฉียนยู่พยักหน้าใบหน้าของเขากลายเป็นความน่าเกลียดเมื่อมองขึ้นท้องฟ้า ร่างสามร่างที่ต่อสู้กันบนยอดของต้นไม้เทพเจ้า
วางใจได้ข้าไม่เลวพอที่จะลอบโจมตีในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของปิงหยางไป! เต๋าฮุนรู้ว่าเฉียนยู่เป็นห่วงเรื่องของปิงหยาง
ข้ารู้ เฉียนยู่ไม่ได้พูดมากนัก เฉียนยู่หายตัวไปจากตำแหน่งเดิมและวินาทีต่อมาก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้า
ฟุบ!
ลงที่หัว…
ตูม!ราชาอสูรที่ถูกตบโดยเฉียนยู่เบิกตากว้าง ในขณะที่ร่างของเขาถูกผลักลงไป เขากระอั่กเลือดออกมาคำใหญ่พร้อมกับความตกใจ
ในเวลาเดียวกันเต๋าฮุนก็มาถึง
ด้วยความเร็วสายฟ้าเขาโบกดาบขาวและดำในมือ แสงทั้งสองจากตัวดาบพุ่งทะลุท้องฟ้า หลอมรวมราวกับเป็นพลังของหยินและหยาง
แครก!ถูกผลักลงไปอย่างสิ้นเชิง ร่างของเขาถูกแบ่งออกเป็นสองในทันที ไข่มุกอสูรสีทองถูกทิ้งไว้ด้านหลัง ลอยคลออยู่ในอากาศ
โฮ…โฮก! ราชาอสูรอีกตนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและกระโดดพุ่งไปราวกับห่านป่าที่แตกตื่น เผยกรงเล็บคว้าไข่มุกอสูรเอาไว้
อย่างไรก็ตามเฉียนยู่รวดเร็วกว่า ในทันทีที่ไข่มุกอสูรสีทองลอยในอากาศ แสงสีเงินขาวก็ตัดผ่ามันอย่างรวดเร็ว
ตูม!ไข่มุกอสูรระเบิดออก
……………………………………..