Gate of God - ตอนที่ 909 เสียเปรียบ
คลื่นที่รุนแรงก่อตัวขึ้นกลางมหาสมุทรสายลมแรงพัดกระหน่ำบนท้องฟ้าทำให้คลื่นสูงขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้นเองฟางเจิ้งจือสังเกตุเห็นแสงสีแดง อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า
มันกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง
มันคือเพลิงพันปี!
ฟางเจิ้งจือจำได้ว่าตอนที่เพลิงพันปีเข้ามาในร่างกาย มันยังไม่ถูกหลอมเป็นเม็ดยา
หลังจากนั้นร่างกายของเขาดูดซับพลังของมันเล็กน้อยแต่เขาก็มั่นใจว่าเพลิงพันปีไม่สามารถอยู่ในร่างกายเขาได้อีกต่อไป
ทำไมเพลิงพันปีถึงปรากฎขึ้นอีกครั้ง
ฟางเจิ้งจือสับสนอย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะคิด จุดแสงมากมายก็ส่องสว่างขึ้นต่อหน้าเขาก่อนจะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า นั่นคือส่วนกิ่งก้านของสมุนไพร
กิ่งก้านสมุนไพรมากมายส่องสว่างบนท้องฟ้าราวกับดวงดาวพวกมันปกคลุมท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์
หรือว่าจะเป็นสมุนไพรทั้งสิบไร่ของหอคอยหยินหยาง? ฟางเจิ้งจือประหลาดใจเขาเข้าใจรูปร่างของเพลิงพันปี แต่เขาไม่สามารถอธิบายกิ่งก้านของสมุนไพรมากมายที่ปรากฎขึ้นได้
นั่นเพราะสมุนไพรส่วนใหญ่ถูกสกัดด้วยตัวเขาเองเขาใช้ประโยชน์จากไฟในหม้อหลอมเพื่อสกัดเป็นเม็ดยา
จากนั้นเขาก็กินมันเข้าไป
ทำไมสมุนไพรที่ถูกสกัดและถูกกินเข้าไปแล้วถึงปรากฎขึ้นอีก ฟางเจิ้งจือไม่เข้าใจสิ่งที่เห็นตรงหน้า
เป็นไปได้ไหมที่เขาเห็นภาพลวงตา?
ฟางเจิ้งจือไม่แน่ใจว่าควรอธิบายเหตุการณ์ตรงหน้ายังไง อย่างไรก็ตามเขาสังเหตุบางอย่าง ท่ามกลางสมุนไพรมากมายเขาเห็นบางต้นที่ส่องสว่างด้วยสีที่ต่างออกไป
แดงน้ำเงิน ทอง ดำ ขาว
เป็นดอกไม้ที่ไม่เหมือนสมุนไพรดอกไม้ทั้งห้าสีส่องสว่างเป็นประกายมากกว่าสมุนไพรอื่นๆ พวกมันเทียบเท่าเพลิงพันปีได้เลย
ดอกไม้ทั้งห้าสีของหอคอยหลิงหยุน? ฟางเจิ้งจือรู้จักพวกมัน เขาพบดอกไม้พวกนั้นระหว่างต่อสู้กับเฉียนเยว่ในหอคอยหลิงหยุน
สถานการณ์ในตอนนั้นค่อนข้างลำบากเพื่อบังคับให้เฉียนเยว่ปรากฎตัว เขาจึงต้องขโมยสมบัติของหอคอยหลิงหยุนออกมา
หลังจากดอกไม้ตกอยู่ในมือของเขาเฉียนเยว่ก็ตายลง และสามารถช่วยเฉียนยู่ได้สำเร็จ นางขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของหอคอยหลิงหยุน
จากนั้นฟางเจิ้งจือควรคืนดอกไม้ทั้งห้าสีให้กับเฉียนยู่
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น
เพื่อบังคับให้ฟางเจิ้งจือแต่งงานกับปิงหยางนางจึงขังเขาไว้ในหอคอยหลิงหยุน ฟางเจิ้งจือจึงไม่ได้คืนดอกไม้ทั้งห้าสีให้กับเฉียนยู่ แม้ว่าเขาอยากจะคืนก็ตาม…
ดังนั้นดอกไม้ทั้งห้าสีจึงยังอยู่กับฟางเจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามดอกไม้พวกนี้ต่างไปจากสมุนไพรและเพลิงพันปีเพราะเขาไม่ได้สกัดดอกไม้ให้เป็นเม็ดยาและไม่ได้กินเข้าไป
และนั่นทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตาเพราะสิ่งที่เขาไม่ได้กินเข้าไปจะเป็นภาพลวงตาได้ยังไง?
ฟางเจิ้งจือสับสนอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจเลิกคิดไป ท้ายที่สุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นและทำไมมันถึงเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ในตอนนั้นเองท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง แสงจากดอกไม้ทั้งห้าสีแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้าแสงทั้งห้า แดง น้ำเงิน ทอง ดำ ขาว ส่องสว่างล้อมรอบกิ่งก้านสมุนไพร
จากนั้นแสงนับล้านก็ตกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนเม็ดฝนพวกมันตกลงสู่มหาสมุทรและหายไป
มันเป็นฝนแสง
หลังจากที่ฝนแสงตกลงมาคลื่นในมหาสมุทรค่อยๆรวมตัวกันราวกับว่าถูกแสงฝนดึงดูดเข้ามา คลื่นมากมายรวมตัวกันจนเกิดเป็นน้ำวนขนาดยักษ์
ตูม!เสียงฟ้าร้องดังก้อง ฝนฟ้าคะนองก่อตัวขึ้นฉับพลัน
น้ำวนขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เป็นฉากที่แปลกประหลาด
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือใจกลางน้ำวนยักษ์มีจุดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือปรากฎขึ้น
อาทิตย์ตกและดวงจันทร์ขึ้นอีกครั้ง
เมื่อแสงฝนตกลงสู่มหาสมุทรแสงบนท้องฟ้าก็ลดน้อยลง จนสุดท้ายเหลือเพียงสายฝน ระลอกคลื่นและน้ำวนยักษ์ใจกลางมหาสมุทร
จากนั้นไม่นานสายฝนเริ่มซาลงใจกลางน้ำวนจุดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าก้อนหิน และขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากับเกาะ
เมื่อเกาะก่อตัวขึ้นระลอกคลื่นค่อยๆลดลง น้ำทะเลใสขึ้น ใหความรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างไหลเข้าหาเกาะ
ต้นหญ้าแรกงอกเงยบนผืนเกาะตามด้วยต้นที่สอง และสาม ..จนกระทั่งมันเติบโตเป็นพุ่มดอกไม้ จากนั้นไม้พุ่มก็เติบโตเป็นต้นไม้ ดอกไม้ผลิบานส่งกลิ่นหอม
เวลาเหมือนกับผ่านพ้นไปนับพันปีแต่พวกมันเกิดขึ้นในพริบตา
น้ำทะเลกลายเป็นสีใส
ความคิดของฟางเจิ้งจือชัดเจนเขารู้สึกถึงระลอกคลื่นที่ซัดกระทบฝั่ง ต้นไม้ทั้งหมดบนตัวเกาะเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของเขาเขาได้ยินเสียงต้นไม้กระซิบหากันและสัมผัสได้ถึงความสุขของพวกมัน
เมื่อความรู้สึกพลั่งพรูมากขึ้นฟางเจิ้งจือก็ตระหนักว่าโลกที่อยู่ตรงหน้าเป็นโลกของเขา โลกที่เขาสามารถควบคุมได้
ใช่แล้ว…
มันคือมิติพิเศษของเขา!
อย่างไรก็ตามมันไม่เหมือนเมื่อก่อนมิติพิเศษไม่ใช่ทะเลสาบอีกแล้ว แต่กลายเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ต้นไม้สูงกลางทะเลสาบกลายเป็นเกาะ
เกาะที่มีต้นไม้อุดมสมบูรณ์จำนวนมาก
นอกจากนี้ทั้งเกาะยังมีพืชพันธุ์และบรรดาสัตว์มากมาย ทั้งก้อนหิน ทรายละเอียดสีขาวโพลน รวมไปถึงโลหะแข็ง
มันเป็นโลกที่อุดมสมบูรณ์
เกือบจะเหมือนกับโลกแห่งความจริงมีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือผลไม้สีทองรูปร่างคล้ายกุญแจที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือเกาะ
มันคือผลไม้เทพเจ้า
รอบๆผลไม้เทพเจ้าคือดอกไม้ทั้งห้าสีพวกมันลอยไปรอบๆราวกับเป็นผู้พิทักษ์
ในขณะที่สมุนไพรมากมายและเพลิงพันปีหายไป
แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้หายไปเพราะบนเกาะมีภูเขาสูงที่มีควันสีดำลอยออกจากยอด
มันคือภูเขาไฟ
ในมิติพิเศษเมื่อก่อนมีต้นไม้เพียงต้นเดียวต้นไม้ที่มีผลเต๋ามากมาย
แต่ตอนนี้ผลเต๋าทั้งหมดกลายเป็นสุกงอมและก่อตัวเป็นสิ่งต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ต้นไม้ เปลวไฟที่ลุกไหม้ สายลมที่โบกพัด แม้กระทั่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนท้องฟ้า
มหาสมุทรที่รัก…ทำไมโลกของเจ้าถึงโอบอุ้มไปด้วยกระแสน้ำ ม้าที่รัก …ทำไมเจ้าถึงมีเพียงสี่ขาใช้ยืนบนโลก! จู่ๆฟางเจิ้งจือก็มีอารมณ์อยากแต่งกลอนขึ้น
…
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ณ ยอดภูเขาสวรรค์
การต่อสู้ที่รุนแรงยังคงดำเนินต่อไปหลังจากเฉียนยู่เข้าร่วมสู้ ก็ลดแรงกดดันของมู่ฉิงเฟิง โม่ฉานฉือ และหยานหยิงลงได้มาก
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือในร่างจิ้งจอกเก้าหางยิ่งกว่านั้นเมื่อเวลาผ่านไปความเหนื่อยล้าของมนุษย์ก็จะกลายเป็นจุดอ่อน
โม่ฉานฉือเป็นคนแรกที่พบปัญหานี้
เขาใช้พลังออกไปอย่างบ้าคลั่งรวมไปถึงอายุที่ชราของเขาทำให้ไม่สามารถทนแรงกดดันระดับนี้ได้นานมากนัก
เขามีสีหน้าที่ซีดขาวทั้งยังหายใจติดขัดและมีเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก
จนในที่สุดภาพที่เขาเห็นก็เริ่มพร่ามัวและใกล้จะหมดสติ ในขณะที่หางจิ้งจอกยักษ์ใกล้เข้ามา เขายกค้อนขึ้นเพื่อป้องกันโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามตอนที่ค้อนสีดำกำลังจะสัมผัสกับหางจิ้งจอก จู่ทิศทางของมันก็เปลี่ยนจากด้านล่างไปด้านข้างแทน
นั่นทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะป้องกันหางจิ้งจอก
ตูม!
ร่างของโม่ฉานฉือลอยออกไปเขากระอั่กเลือดออกมาคำใหญ่
เฒ่าโม่! เมื่อเห็นฉากนั้นมู่ฉิงเฟิงก็เป็นห่วงอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโม่ฉานฉือลอยออกไปหางจิ้งจอกอีกข้างหนึ่งกำลังจะฟาดที่หัวของเขา
เห็นได้ชัดว่าไป่ฉือพยายามฆ่าโม่ฉานฉือในตอนที่เขาเสียเปรียบ
มู่ฉิงเฟิงต้องโจมตีเพื่อไม่ให้โม่ฉานฉือโดนโจมตีอีกครั้งอย่างไรก็ตาม ด้วยสัญชาตญาณของไป่ฉือ นางรู้ชัดเจนว่ามู่ฉิงเฟิงคิดจะทำอะไร เมื่อพลาดแล้วครั้งหนึ่งจะนำไปสู่การพลาดครั้งต่อๆไป
ไป่ฉือมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานนางยัยแก่อย่างที่ฟางเจิ้งจือพูด
และยัยแก่คนนี้มีจิตใจที่แข็งแกร่งรวมถึงประสบการณ์มากมาย
การโจมตีจากทั้งสี่คนนั้นมีความได้เปรียบเนื่องจากตำแหน่งและพลังที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามความเสียเปรียบจะเกิดขึ้นเมื่อมีความผิดพลาด ด้วยความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว จะก่อเกิดความผิดพลาดอีกมากมายจนถูกทำลายหมดสิ้น
ไป่ฉือรู้เรื่องนั้นเป็นอย่างดี
นางจึงให้โอกาสมู่ฉิงเฟิงช่วยโม่ฉานฉือ
จับได้แล้ว! ไป่ฉือยิ้มเยาะในเวลาเดียวกันนางก็เคลื่อนไหวทันทีและมุ่งไปหามู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือโดยทิ้งหยานหยิงและเฉียนยู่เอาไว้แบบนั้น ตูม!มู่ฉิงเฟิงถูกโจมตีที่หลังเต็มๆ เอวของเขาเกือบหักเพราะการโจมตีที่รุนแรงของหางจิ้งจอก
ผุ้นำศาลา! ท่าทีของหยานหยิงเปลี่ยนไปเขาอยากเข้าไปช่วยอย่างไรก็ตามหางจิ้งจอกปิดกั้นหนทางโดนสมบูรณ์
เขาตบที่หลังของไป่ฉืออย่างหมดหวังเป็นการโจมตีที่เต็มไปด้วยความกังวล มันไม่มีพลังหรือความแม่นยำแม้แต่น้อย
ด้านของมู่ฉิงเฟิงเขากำลังทรมานเพราะการโจมตี ทำให้เลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว
คมดาบจันทรา! เฉียนยู่ขมวดคิ้ว จู่ๆสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไม่สามารถโทษใครได้ นางทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปมากกว่านี้
แสงดาบนับล้านพุ่งออกมาจาดวงจันทร์ทั้งแปดแสงทั้งหมดราวกับดาบที่แหลมคม ครืน…
แสงที่ส่องสว่างเปล่งเสียงดังก้องขณะที่พุ่งใส่ไป่ฉือก่อเกิดเป็นเสียงคล้ายดาบที่ปะทะกัน
อย่างไรก็ตามไม่เป็นไปตามที่คาด เลือดของไป่ฉือไม่ได้สาดกระเซ็นแม้แต่น้อย เพราะร่างกายของอสูรแข็งแกร่งเกินไป เมื่อแสงดาบกระทบกับขนสีขาวพวกมันเหมือนกับกระทบเหล็ก และนั่นทำให้การโจมตีไม่เป็นผลแม้แต่น้อย
……………………………………..