Gate of God - ตอนที่ 911 ร่างที่เผาไหม้
มีคำพูดที่ว่า’ในสนามรบแม่ทัพควรออกคำสั่ง แทนที่จะฟังคำสั่งจักรพรรดิ’
อย่างไรก็ตามทุกคนต้องตกตะลึงเมื่อเห็นชายชราแทงดาบไปข้างหน้าแต่เขากลับกลายเป็นเหยื่อแทนศิษย์ที่ตื่นกลัว
เป็นฉากที่น่าตกใจและสยดสยอง
ชายชราเบิกตากว้างเลือดไหลออกจากปากอย่างต่อเนื่อง เขาไม่อยากจะเชื่อ
นั่นเพราะเขาไม่สามารถเชื่อได้ว่าดาบของศิษย์รวดเร็วกว่าเขาในความทรงจำของเขาศิษย์สองสามคนที่ตื่นกลัววิ่งหนีเหล่านี้ไม่ใช่คนที่โดดเด่นนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ที่แทงเขา ภายในสำนักเป็นคนที่นิ่งเงียบไม่ค่อยพูด
เจ้า… ชายชราอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ที่ลำคออัดแน่นไปด้วยเลือดจึงไม่สามารถพูดจบประโยคได้ ฟุ่บ!ศิษย์คนนั้นดึงดาบออก ร่างของชายชราทรุดลงกับพื้น และในตอนนั้นเองเขาสังเกตุรอยยิ้มที่มุมปากของศิษย์ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
ตุบ!ร่างของชายราล้มลงกับพื้น ใบหน้ากลายเป็นสีม่วง เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด ร่างของเขาสั่นเทาอย่างเจ็บปวด
ในตอนนั้น ศิษย์ที่หวาดกลัวใช้มือที่เปื้อนเลือดเช็ดหน้า ทำให้เขาดูน่าสยดสยองมากขึ้น
ไม่…ข้ายังไม่อยากตาย ข้ายังเด็ก ..ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อ!
เร็วเข้าพี่หลี่รีบหนีไป! ในขณะที่ศิษย์คนหนึ่งตะโกนขึ้น ศิษย์โดยรอบก็คว้าตัวเขาและรีบวิ่งไปที่เชิงเขา
มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันศิษย์สองสามคนหนีหายไปจากสายตาของผู้คนในชั่วพริบตา
พวกเขาหนีได้สำเร็จ!
หลังจากนั้นแน่นอนว่า.. หนีเร็วเข้า!
อย่าฆ่าข้าข้ายังไม่อยากตาย!
เร็วเข้า!
ในไม่ช้าเสียงตะโกนมากมายดังก้องไปทั่วเหล่าศิษย์เริ่มถอยหนี สถานการณ์ตกอยู่ในความวุ่นวาย พวกเขาวิ่งหนีไปทั่วทุกทิศทางอย่างไม่ลังเล
เมื่อเหล่าศิษย์เริ่มหนี…
รัฐมนตรีและแม่ทัพของอาณาจักรทั้งสี่ที่รอจนถึงตอนนี้ภายใต้การคุ้มกันของทหาร อาณาจักรแสงจันทร์เริ่มหนีออกไปก่อนแล้ว ตามด้วยอาณาจักรนักรบสูงสุด และจักรวรรดินักรบศักดิ์สิทธิ์
อาณาจักรทั้งสี่…หนีไปแล้วหรือ?
เร็วเข้ารีบไป!
ผลักเพียงครั้งเดียวทุกอย่างก็ล้มครืนไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเขาเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าอาณาจักรเซี่ยจะไม่หนีก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะสามอาณาจักรใหญ่ได้หนีไปแล้ว
เมื่อขาดกำลังรบจากอาณาจักรทั้งสี่นิกายเล็กใหญ่ต่างก็ไม่สามารถนิ่งเฉยต่อไปได้
นิกายทั้งหลายมาเพียงร่วมสนุกเท่านั้นพูดถึงผู้แข็งแกร่งในนิกายเหล่านี้งั้นหรือ? อย่างดีที่สุดก็มีผู้ที่อยู่ในระดับเซียนเพียงคนเดียวเท่านั้น
พวกเขาเก่งกาจภายในอาณาจักรทั้งสี่
อย่างไรก็ตามภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้…
ถึงแม้แต่สำนักซวนจีและนิกายเงาจะมีเซียนมากกว่าหนึ่งคนแต่ก็ยังเทียบกับสำนักทั้งห้าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้
การที่จะให้คนเหล่านี้ร่วมสู้เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญแม้แต่น้อยจะมีหรือไม่มีพวกเขากระแสสงครามก็ไม่เปลี่ยนไป
สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาต้องต่อสู้กับอสูร ราชาอสูรมากกว่าสามสิบตนบนท้องฟ้าทั้งยังผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่ฉือ ด้วยพลังของพวกเขาสามารถทำลายนิกายเล็กๆได้อย่างง่ายดาย
ต่อสู้?
ฆ๋าตัวตายชัดๆ!
คนทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวแม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการหนี แต่เมื่อคนส่วนหนึ่งเริ่มแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา ผลลัพธ์ที่ตามมาก็ไม่สามารถควบคุมได้
ท่านผู้นำพวกเราควรออกไปสู้หรือไม่?
ต่อสู้?บ้าเหรอ? กลุ่มเล็กๆอย่างเราจะเข้าต่อสู้ได้ยังไง แม้แต่มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือก็ใกล้ตายเต็มทีแล้ว!
รับทราบ!
ผู้นำนิกายต่างออกคำสั่งหลบหนีเมื่อนิกายหนึ่งหนีไป นิกายที่เหลืออีกมากมายก็หนีตามเช่นกัน …ในไม่ช้ากลุ่มคนจำนวนมากก็วิ่งไปที่เชิงเขาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับพวกเขาต้องการขาอีกคู่หนึ่งเพื่อวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด
ผู้นำอันดับสองเราควรห้ามพวกเขาหรือไม่? ชายชราที่ยืนข้างเต๋าซิงจับดาบแน่น ในขณะที่มองดูผู้นำนิกายพาเหล่าศิษย์หนีไป
ไม่จำเป็น…มันสายเกินไปแล้ว การหยุดพวกเขารังแต่จะก่อเกิดความสูญเสีย ความเกลียดชังที่ไม่สิ้นสุดมากขึ้นเท่านั้น เต๋าซิงเหลือบมองและส่ายหัวเบาๆก่อนจะเงยหน้าแล้วพูดอย่างเยือกเย็น ข้าได้ยินว่าปีศาจหยุนชิงวูนั้นเป็นปีศาจที่อ่อนแอ แต่เจ้าเล่ห์มาก พวกปีศาจเชื่อว่านางคือความหวังของเผ่าพันธุ์ ตอนนี้ข้าได้เห็นนาง …ข้าก็เข้าใจ นางเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!
น่าสะพรึงกลัว?ผู้นำอันดับสอง ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในแง่ของสติปัญญาและการวางแผน ไม่มีใครกล้าเทียบขั้นกับท่านอย่างแน่นอน กับหยุนชิงวู …ทำไมท่านถึง?
เจ้าคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ใช้วัดสติปัญญาของคนๆหนึ่งกัน?
อืม…ข้าคิดว่าการที่สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ใช่หรือไม่?
ไม่มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะควบคุมสถานการณ์ ตราบที่เจ้ามีข้อมูลอย่างเพียงพอ เจ้าต้องเก็บรายละเอียดเพื่อตัดสินสติปัญญาของผู้คน
รายละเอียด?ข้าไม่เข้าใจ
เจ้าคิดยังไงกับเหล่าศิษย์ที่ตื่นตระหนกและวิ่งหนีไปในตอนนี้?
เหล่าศิษย์?ผู้นำอันดับสองท่านหมายความว่า…เดี๋ยวก่อน ท่านจะบอกว่าการหลบหนีของพวกเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญงั้นหรือ? ชายชราตกตะลึง ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
มีความบังเอิญเกิดขึ้นมากมายบนโลกนี้แต่ครั้งนี้ไม่ใช่! เต๋าซิงส่ายหัวและตอบกลับ จากนั้นนางก็กำมือแน่นก่อนจะพูดต่อ แผนการของนางมีความละเอียดรอบคอบ นางได้เตรียมคนเพื่อเริ่มการหลบหนีไปก่อนหน้านี้ ข้ากลัวว่าหยุนชิงวู …จะน่ากลัวยิ่งกว่าจักรพรรดินีอสูรเสียอีก! ผู้นำอันดับสองหยุนชิงวูหายตัวไป!
อะไรกัน?! ท่าทีของเต๋าซิงเปลี่ยนไป
…
การต่อสู้อย่างดุเดือดบนต้นไม้เทพเจ้ายังคงดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตามต่างกับก่อนหน้านี้ การตอบโต้อย่างบ้าคลั่งของไป่ฉือทำให้โม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงบาดเจ็บสาหัส
ถ้าหยานหยิงและเฉียนยู่ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อรั้งไป่ฉือเอาไว้มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือคงตายไปแล้ว
แม้การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปแต่ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้แล้ว
อย่างที่เห็นเหล่าศิษย์ที่วิ่งหนีไปความโกลาหลที่เกิดขึ้นเบื้องล่าง การต่อสู้นี้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของมนุษยชาติ เหล่าอสูรที่ต้องหลบซ่อนตัวกว่าศตวรรษจะได้รับอิสระในที่สุด
ที่สำคัญที่สุดความพ่ายแพ้ของพวกเขาไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะหนานกงเฮายังคงอยู่ในกำมือของไป่ฉือ
ท่านแม่ ในขณะนั้นเองเสียงที่แผ่วบางดังขึ้นจากอีกด้านของต้นไม้เทพเจ้า
ท่านแม่?!
นางเรียกว่าไป่ฉือว่า’แม่’ รึ? เป็นอย่างที่คิดนางคือลูกของจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือและจักรพรรดิปีศาจหยุน!
โม่ฉานฉือและมู่ฉิเฟิงต่างบาดเจ็บสาหัสแต่พวกเขายังสังเกตุเห็นหยุนชิงวู ชุดสีขาวของนางพริ้วไหวอยู่ที่ไกลๆ
แม้พวกเขาจะคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของหยุนชิงวูไว้ก่อนแล้วแต่ก็ยังคงประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้พบกับความเป็นจริง
หืม?เจ้ามาทำไม? ไป่ฉือคอนข้างประหลาดใจและหันไปมองที่มาของเสียงนั้น
เขาตายแล้วหรือ?ข้าขึ้นมาเพื่อยืนยันเรื่องนั้น คำตอบของหยุนชิงวูนั้นเรียบง่าย ความจริงแล้วมันเรียบง่ายจนพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ
อย่างไรก็ตามนั่นคือคำตอบของหยุนชิงวู
เขาตายแล้ว…
ข้ามาเพื่อยืนยันเรื่องนั้น
มันเป็นคำตอบที่ลื่นไหลแต่เหมาะสมกับสถานการณ์เช่นนี้แล้วหรือ?
ริมฝีปากของไป่ฉือกระตุกเล็กน้อยอารมณ์ที่หลากหลายส่องประกายในดวงตาของไป่ฉือ ทั้งประหลาดใจ โกรธเกลียดและสับสน อย่างไรก็ตามนางตอบกลับเพียงประโยคเดียว ถ้างั้น ลองไปดูสิ
…ลองดู
คำตอบของไป่ฉือดังก้องในอากาศเมื่อโม่ฉานฉือ มู่ฉิงเฟิง หยานหยิงและเฉียนยู่ได้ยิน พวกเขารู้สึกเหมือนกับก้อนหินได้ตกลงไปในทะเลสาปที่สงบนิ่ง
มันทำให้พวกเขาตกใจเล็กน้อย
ไป่ฉือผู้ที่หยิ่งทระนงและแข็งแกร่งที่สุดทั้งยังมีข่าวลือเรื่องการทิ้งหยุนชิงวูไปหลังจากที่คลอดนาง…แต่ตอนนี้ดูนางไม่ได้เกลียดชังหยุนชิงวูแม้แต่น้อย
จริงๆแล้วหยุนชิงวูทำอะไรลงไปกันแน่?
โม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงเหลือบมองกันเพื่อหาคำตอบแต่ก็ไม่มีประโยชน์
ในตอนนั้นเองหยุนชิงวูค่อยๆเดินออกจากต้นไม้เทพเจ้าเข้าไปหาฟางเจิ้งจือพร้อมกลุ่มคนที่ติดตามนางมา
พวกเขาทั้งหมดสวมชุดคลุมสีดำสนิท
แต่ละคนมีกลิ่นอายที่เยือกเย็นไม่เหมือนกลิ่นอายของปีศาจ เป็นกลิ่นอายที่เยือกเย็นและเย่อหยิ่ง
สิบผู้อาวุโสแห่งดินแดนปีศาจ? มู่ฉิงเฟิงถามออกมาในขณะที่กดมือลงที่หน้าอกท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
ผู้นำมู่นั่นเป็นคำถามที่ไร้ความหมาย ท่านคืดว่าข้าที่เป็นศัตรูจะบอกผลลัพธ์ที่ถูกกำหนดไว้แล้วให้ท่านรู้งั้นหรือ? หยุนชิงวูตอบกลับ
ผลลัพธ์ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว? มู่ฉิงเฟิงหรี่ตาเล็กเขาจ้องมองที่กองทัพและเหล่าศิษย์ที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้ และมองที่ไป่ฉือก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น ถ้าเจ้าเรียกสิ่งนี้ว่าผลลัพธ์ที่ถูกกำหนดไว้แล้ง ข้าเดาว่าการต่อสู้นี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้มนุษย์ต้องพ่ายแพ้ แต่ข้าไม่มีทางยอมแพ้
ผู้นำมู่ท่านยังไม่ยอมแพ้งั้นหรือ?
ไม่ข้าไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตามใจของท่ารได้ยอมแพ้ไปแล้วไม่ใช่งั้นหรือ? ถ้าท่านยังไม่ยอมแพ้ทำไมถึงมาคุยกับข้าแทนที่จะไปต่อสู้? หยุนชิงวูตอบอย่างเยือกเย็น
เจ้า…ฮ่าฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยมหยุนชิงวู หลังจากที่ข้าดูท่าทีของเจ้ามาปลายปี ปรากฎว่าข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ นายน้อยของเหล่าปีศาจ
ไม่ใช่แค่ข้าที่ท่านแพ้เท่านั้นแต่เป็นเผ่าอสูรและปีศาทั้งหมดต่างหากที่ท่านคาดไม่ถึง ข้าเกรงว่าการที่พวกเราอยู่เฉยมาตลอดหลายปีนั้นทำให้พวกท่านได้มีช่วงเวลาที่สงบสุข ถูกไหม? อย่างคำพูดที่ว่า ‘มันเป็นเรื่องง่ายที่จะครอบครองโลก แต่ยากนักที่จะปกป้องมันไว้’ ข้าเชื่อว่าตลอดหลายปีมานี้ ผู้นำมู่ไม่มีเวลาปกป้องโลกแม้แต่น้อย!
เจ้าได้รับตำแหน่งนายน้อยแห่งเผ่าปีศาจก็เป็นแค่เรื่องภายในเท่านั้น! มู่ฉิงเฟิงตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยิน แต่ก็เรียกสติได้อย่างรวดเร็ว
ฮ่าฮ่าฮ่าพวกมนุษย์นี้เหมือนกันหมด แม้กระทั่งมู่ฉิงเฟิง ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครสามารถเถียงชนะพวกเจ้าที่ปฏิบัติตามกฎและธรรมเนียมเก่าๆได้เสียอีก ไป่ฉือหัวเราะเย้ยหยันและพูดขึ้น จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้าพร้อมแสงสีม่วงรอบปลายเท้าก่อนจะพูดต่อ มู่ฉิงเฟิง ถ้าข้าบอกว่าผู้นำที่แท้จริงของการต่อสู้ครั้งนี้คือชิงวู และแม้แต่ข้าก็ฟังคำสั่งของนาง เจ้าจะว่ายังไง? อะไรกัน!เด็กน้อยนั่นเหรอ …ผู้นำ! โม่ฉานฉืออุทานด้วยความตกใจอย่างที่สุดก่อนที่มู่ฉิงเฟิงจะได้พูดอะไรออกมา
ความจริงแล้วแม้แต่หยานหยิงเองก็มีท่าทีเช่นเดียวกัน รวมไปถึงเหล่าศิษย์ด้านล่างที่ไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ผู้นำที่แท้จริงของอสูรและปีศาจ…
คือหยุนชิงวูที่อ่อนแอกว่าจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือ
เป็นไปได้ยังไง?
นางอายุเท่าไหร่กัน…นางมีอำนาจพอจะเป็นผู้นำสองเผ่าพันธุ์ได้ยังไง?!
แม้นางจะเป็นผู้นำมันก็ควรจะเกิดขึ้นหลังจากจักรพรรดินีอสูรสละบัลลังก์ไม่ใช่หรือ? แล้วนางจะเป็นผู้นำได้ยังไง?
เห็นได้ชัดว่าเหล่าศิษย์ไม่สามารถเชื่อได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นท่าทีไร้อารมณ์ของราชาอสูรพวกเขาก็ตกใจอย่างแท้จริง
นั่นเพราะเหล่าอสูรไม่ได้ประหลาดใจแม้แต่น้อย
หยุนชิงวู!
หญิงสาวที่เยาว์วัยและอ่อนแอเป็นผู้นำที่แท้จริงของเผ่าอสูรและเผ่าปีศาจ ผู้บัญชาสูงสุดของเรื่องทั้งหมด
นั่นคือความจริงความจริงที่ไม่น่าเชื่อ
หยุนชิงวูยังคงสงบนิ่งแม้ว่าพวกเขาจะตื่นตระหนกแค่ไหน นางยังคงจ้องมองที่ฟางเจิ้งจืออยู่เสมอ
ฟางเจิ้งจือเจ้าตายแล้วจริงๆหรือ? หยุนชิงวูมองดูร่างของเขาและพึมพำ
ร่างของฟางเจิ้งจือเป็นสีดำสนิท
เขาถูกเผาไหม้ด้วยความร้อนและชุดคลุมสีน้ำเงินที่ขาดรุ่ยเป็นเถ้าถ่าน ผิวหนังไหม้เกรียมจนควันลอยคลุ้ง ร่างที่เปลือยเปล่านอนนิ่งอยู่บนพื้นดิน
……………………………………..