Gate of God - ตอนที่ 916 หลักการของฟางเจิ้งจือ
ฟางเจิ้งจือไม่ได้ใช้เวลาคิดนานนักเขาเป็นคนที่มีหลักการ แม้รู้ว่าหนทางขางหน้าเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็จะก้าวเดินต่อไป
อย่างเช่นเขาเลือกที่จะเสี่ยงขโมยดอกไม้ทั้งห้าของหอคอยหลิงหยุนต่อหน้าเฉียนเยว่
เพราะเขาขโมยดอกไม้ทำให้เขายังมีชีวิตและยืนอยู่ที่นี่
แม้เขาจะไม่แน่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของมิติพิเศษว่าเกี่ยวข้องกับดอกไม้ทั้งห้าหรือไม่แต่เขาเห็นพวกมันลอยอยู่รอบๆผลไม้เทพเจ้า
บทเรียนและประสบการณ์สั่งสอนให้เขาไม่เคยเมตตาและเป็นคนขี้ขลาดเขาต้องทำหน้าที่ให้เสร็จสิ้น
ฟางเจิ้งจือรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นไม่สำคัญในตอนนี้เป็นเพราะเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดของหยานหยิงดังเข้ามาถึงหูของเขา
อ้าก…
พรวด!หยานหยิงกระอั่กเลือดออกจากปาก เขากำลังต่อสู้อยู่เพียงลำพัง ชุดคลุมสีขาวขาดรุ่ย แขนของเขาหักไปแล้วรวมไปถึงใบหน้าก็ซีดขาวเล็กน้อย
น่าสงสาร… ฟางเจิ้งจือถอนหายใจกับสภาพของหยานหยิงเขาสอนให้ฟางเจิ้งจือรู้ว่าหากพยายามทำตัวเป็นวีรบุรุษทั้งๆที่ไม่สามารถเป็นได้จะจบลงด้วยสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้
แน่นอนหลังจากถอนหายใจกับเรื่องของหยานหยิงฟางเจิ้งจือรีบตัดสินใจในทันที เพื่อความถูกต้อง ช่วงเวลาอันมีค่าที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้แลกมาด้วยชีวิตของหยานหยิง
เขาไม่สามารถเสียเวลามากไปกว่านี้ได้อีก
ดังนั้นหลังจากคิดเช่นนั้นฟางเจิ้งจือเอื้อมมือไปยังบริเวณลำคอของหยุนชิงวู เมื่อหยุนชิงวูเห็นเขาทำเช่นนั้นสีหน้าของนางกลายเป็นแดงก่ำและขยับเล็กน้อย
เจ้ามีศิลาเซียนทั้งสามอยู่จริงหรือ? ฟางเจิ้งจือประหม่าเช่นกันในขณะที่มือเอื้อมลงไปถึงปกเสื้อ ฝ่ามือของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
ในครั้งก่อนๆเขาสัมผัสบางจุดโดยบังเอิญมาตลอดอย่างไรก็ตามครั้งนี้เขากำลังทำอย่างตั้งใจ
อื้ม… หยุนชิงวูกัดฟันแน่นและแสดงท่าทีราวกับไม่กลัวความตายแม้แต่น้อย
งั้นเอาล่ะนะ? ฟางเจิ้งจือพูดอีกครั้ง นี่เป็นวิธีเบนความสนใจเพื่อซ่อนความกังวลในใจเขา
เจ้า…เร็วหน่อยได้ไหม? หยุนชิงวูจ้องมองนิ้วที่ใกล้เข้ามา ร่างของนางยิ่งสั่นแรงมากขึ้น จนในที่สุดนางตัดสินใจหลับตาลงและบอกให้ฟางเจิ้งจือรีบทำให้จบ
แน่นอนว่าหยุนชิงวูต้องการให้มันจบโดยเร็วอย่างไรก็ตามเมื่อนางพูดประโยคนั้นขึ้นมาบรรยากาศกลายเป็นแปลกเล็กน้อย
ข้าก็อยากรีบแต่คอเสื้อเจ้าไม่แน่นเกินไปหรือ? ฟางเจิ้งจือบ่นในขณะที่เห็นคอเสื้อติดแน่นกับร่างของนาง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนชิงวูก็อับอายมากยิ่งขึ้นแม้แต่ขนตาของนางก็สั่นไม่หยุด
จากนั้นฟางเจิ้งจือเห็นหยุนชิงวูงอตัวไปด้านหน้า
… มือของฟางเจิ้งจือหยุดเคลื่อนไหวทันทีร่างของเขาแข็งทื่อนั่นเพราะการกระทำของหยุนชิงวูทำให้เขามองเห็นบางสิ่งได้อย่างชัดเจน
มันเป็น’มุมมอง’ ที่ดีไม่น้อย!
ฟางเจิ้งจือมักจะค้นพบสิ่งที่สวยงามอยู่บ่อยๆแต่ภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก
แค่กแค่ก! ฟางเจิ้งจือเตือนสติตัวอย่างรวดเร็วพร้อมแสดงท่าทีจริงจัง
เขายื่นมือไปสัมผัสอย่างไม่ลังเลและเริ่มสั่นไหวเมื่อค่อยๆลูบลงไป ได้แล้ว! ด้วยความรวดเร็ว ฟางเจิ้งจือรู้สึกถึงวัตถุที่เรียบแข็งทั้งยังอบอุ่นเล็กน้อย ถ้าเขาเดาถูกมันคงจะเป็นสร้อยตามที่หยุนชิงวูบอก
เขาได้ศิลาเซียนทั้งสามแผ่น!
ฟางเจิ้งจือไม่ได้สนใจสิ่งอื่นนอกจากศิลาเซียนก่อนจะดึงสร้อยออกมา
ช่างเป็นโอกาสหายากที่จะได้เปรียบหยุนชิงวูขนาดนี้
ในฐานะนายน้อยปีศาจและจักรพรรดินีน้อยอสูรมันควรจะมีศิลาเซียนมากกว่าสามชิ้นภายในสร้อยอันนี้
โชคดีจริง!
เดี๋ยวก่อน!
มีบางอย่างผิดปกติ!
เมื่อเขาดึงสร้อยออกมาทันใดนั้นก็รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ง่ายไปทุกอย่างมันง่ายเกินไป! อย่างไรก็ตามการรับมือกับหยุนชิงวูควรจะเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่หรือ?
ไม่! ฟางเจิ้งจืออยากจะถอยหนีแต่ก็สายเกินไปเมื่อเขาดึงสร้อยออกมาแสงสีขาวก็ส่องสว่างออกมา
มันไม่ได้สว่างจนเกินไปแต่ราวกับแสงของดวงดาวนับล้านพุ่งออกจากตัวสร้อย
ในระยะใกล้เช่นนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่ฟางเจิ้งจือจะหนีไป หน้าอกรวมไปถึงแขนและขาของเขาถูกแสงขาวกระทบในทันที
ตูม!
ร่างของฟางเจิ้งจือถูกส่งลอยออกไปบนท้องฟ้าดาบไร้ร่องรอยหลุดออกจากมือด้วยแรงระเบิด
มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันแม้แต่มู่ฉิเฟิงและโม่ฉานฉือก็ไม่สามารถเตือนเขาทัน
เกิดอะไรขึ้น?!
เจ้าเด็กเหลือขอ…ถูกหลอก!
สีหน้าของมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเปลี่ยนไปอย่างมาก
ในตอนนั้นหยุนชิงวูค่อยๆลืมตาอย่างเปล่งประกายร่างของนางไม่สั่นเทาอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามใบหน้าของนางยังคงแดงก่ำและหน้าอกขยับขึ้นลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามนั่นไม่สำคัญอีกต่อไป
สิ่งสำคัญคือฟางเจิ้งจือถูกส่งลอยออกไปและหยุนชิงวูเป็นอิสระอีกครั้ง
ปีศาจอาวุโสทั้งสิบที่ยืนอยู่ไม่ไกลตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เมื่อแสงสีขาวส่องสว่างขึ้นพวกเขาก็เคลื่อนไหว ไม่มีใครไล่ตามฟางเจิ้งจือไป แต่พวกเขาเข้าไปปกป้องหยุนชิงวูอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าเหล่าปีศาจอาวุโสเห็นความปลอดภัยของหยุนชิงวูสำคัญกว่ามันสำคัญกว่าการไล่ฆ่าฟางเจิ้งจือมาก
ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวของเจ้าล้วนเกิดจากความโลภในสมบัติทั้งนั้นมันคงเป็นจุดอ่อนของเจ้า? หยุนชิงวูมองร่างของฟางเจิ้งจือที่ลอยออกไปบนท้องฟ้า ก่อนจะเอามือจับที่คอเสื้อ จากนั้นท่าทีสงบนิ่งของนางก็เปลี่ยนไป มือของนางแข็งทื่ออยู่กับที่
เจ็บจริง! เสียงของฟางเจิ้งจือดังขึ้นในขณะที่ร่างของเขาหยุดเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศและแบมือออกเผยให้เห็นสร้อยที่ยังคงเปล่งแสงอย่างอุ่นๆ
ตำแหน่งที่ฟางเจิ้งจือยู่ตอนนี้คือระหว่างหยุนชิงวูและไป่ฉือ
อย่างไรก็ตามสิ่งนั้นไม่สำคัญตราบที่เขาได้สร้อยมาแล้ว
การเจ็บตัวสักนิดสักหน่อยไม่น่ากลัวแม้แต่น้อย!
สิ่งที่น่ากลัวคือการได้รับบาดเจ็บทั้งยังเสีบสมบัติไปต่างหาก
ฟางเจิ้งจือเป็นคนที่เชื่อในพลังความดื้อรั้นที่ทำให้เขากำสร้อยไว้แน่น แม้จะอันตรายแต่ก็ไม่ยอมปล่อย
เจ้า… หยุนชิงวูตกตะลึง นางไม่คิดเลยว่าฟางเจิ้งจือจะกำสร้อยไว้จนถึงตอนนี้แม้จะรู้ว่าถูกหลอกจนกระทั่งแสงขาวพุ่งออกมาก็ยังคงกำสร้อยไว้แน่นงั้นหรือ?
ไม่น่าเชื่อ
ใครก็ตามที่พบสถานการณ์แบบนี้แม้จะรู้ว่าถือไว้อาจมีอันตราย จะยังเก็บสร้อยไว้กับตัวได้อีกหรือ?
แต่…
ฟางเจิ้งจือทำเช่นนั้น
จะมีศิลาเซียนทั้งสามชิ้นอยู่ในสร้อยจริงๆไหม? ฟางเจิ้งจือกำสร้อยแน่นและเก็บเข้ากระจกป้องกันใจ
เอาคืนมา! ท่าทีสงบเยือกเย็นของหยุนชิงวูเปลี่ยนไปเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือเก็บสร้อยของนางไป แม้แต่เสียงในขณะที่พูดก็สั่นไหว
หยุนชิงวูเจ้าบ้าหรือเปล่า? ฟางเจิ้งจือยิ้มเยาะและมองดูนางด้วยสีหน้าอันน่าเกลียด
หยุนชิงวูกัดฟันแน่นและเต็มไปด้วยท่าทีโกรธแค้น จากความคิดของฟางเจิ้งจือหยุนชิงวูไม่ได้โกหกเรื่องที่มีศิลาเซียนทั้งสามชิ้นอยู่ในสร้อย
นางไม่คิดว่าฟางเจิ้งจือจะได้ตรวจสอบสร้อยในตอนที่สัมผัสครั้งแรก
แผนการของหยุนชิงวูสมบูรณ์แบบไม่มีช่องโหว่ในแผนการแม้แต่น้อย
ดังนั้นมันเป็นแผนการที่สร้างขึ้นบนความจริง ศิลาเซียนทั้งสามชิ้นมีอยู่จริง
แต่นางไม่คิดว่าฟางเจิ้งจือจะไม่ยอมปล่อยมือจากสร้อยแม้จะได้รับบาดเจ็บ
…
เห็นได้ชัดว่าฟางเจิ้งจือไม่ได้คิดเหมือนกับหยุนชิงวููเขาจะปล่อยมือจากสมบัติไปได้ยังไง?
อย่างที่นางพูดเขาโลภ!
แม้จะไม่มีศิลาเซียนอยู่จริงสร้อยก็ยังเป็นสร้อย
การที่หยุนชิงวูเป็นคนใส่นั้นต้องไม่ใช่สร้อยธรรมดาอย่างแน่นอนอย่างน้อยๆก็เป็นสมบัติป้องกัน
ฟางเจิ้งจือคิดว่าเขาคงโง่มากๆถ้าปล่อยมือจากสร้อยในตอนที่เกิดแรงระเบิดเขาไม่ได้มีความคิดเหมือนคนทั่วไป
หลังจากเก็บสมบัติเข้ากระจกป้องกันใจร่างของฟางเจิ้งจือก็ส่องแสงสีทองออกมา
ในพริบตาร่างของเขาถูกล้อมรอบด้วยแสงสีทองอาการเจ็บจากแรงระเบิดก็หายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าแสงสีทองก็จางลงและค่อยๆหายไปก่อนที่เขาจะกำดาบแน่น
ตูม!ในตอนนั้นเอง เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเหนือหัวฟางเจิ้งจือ จากนั้นก็เห็นร่างๆหนึ่งกำลังตกลงมา
นั่นคือหยานหยิง
หยานหยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัดร่างของเขาโชกไปด้วยเลือด
ฟางเจิ้งจือระวัง! หยานหยิงเตือนฟางเจิ้งจือด้วยแสงที่อ่อนแอ
ก่อนที่เสียงของหยานหยิงจะหายไปร่างสีดำปรากฎขึ้นเหนือหัวฟางเจิ้งจือ มันเป็นเงาดำขนาดยักษ์ที่บดบังท้องฟ้าและแสงอาทิตย์จนมืดสนิท
ไป่ฉือใกล้เข้ามาแล้ว!
สายฟ้าที่หมุนวนทั่วร่างกายและคลื่นกระแทกที่รุนแรงจากการเคลื่อนไหวของหางจิ้งจอกนางกระโจนเข้าใส่ฟางเจิ้งจือจากด้านบน กรงเล็บทั้งสองส่องแสงประกาย
เร็วเข้าหยุดไป่ฉือเอาไว้! มู่ฉิงเฟิงเห็นไป่ฉือใกล้เข้ามาและเป็นกังวลอย่างมาก ถ้าไป่ฉือกลับเข้าสู่ค่ายกลปีศาจเพลิงได้ ความหวังทั้งหมดของเขาคงจบสิ้น หนานกงเฮาจะถูกไป่ฉือควบคุมอีกครั้ง
ท่านไมท่านไม่ทำด้วยตัวเองล่ะ? ฟางเจิ้งจือเบ้ปากเล็กน้อยบางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจกับความคิดงี่เง่าของมู่ฉิงเฟิงเลย
ตอนแรกก็ต้องการให้ฆ่าปีศาจอาวุโสและต่อมาต้องการให้หยุดยั้งไป่ฉือพูดออกคำสั่งมากมายแต่ไม่มีความกล้าที่จะทำด้วยตัวเอง
เขาบาดเจ็บ?
หมายความว่าจะสามารถออกคำสั่งได้งั้นหรือ?
ฟางเจิ้งจือดูถูกมูฉิงเฟิงเล็กน้อยอย่างไรก็ตามในขณะผู้คนมุ่งเน้นไปที่ภาพรวม แต่ความชอบธรรมในใจก็บังคับให้เขาต้องทำ เขาเองก็ไม่ต้องการปล่อยให้ไป่ฉือลงไปสร้างปัญหาเช่นกัน
เขาขยับมือซ้าย
แสงสีทองพุ่งออกมาโอบอุ้มร่างของหยานหยิงเอาไว้ในขณะที่ดาบไร้ร่องรอยเริ่มส่องสว่างด้วยแสงสีม่วงออกจากมือขวา
หลีกไป! ฟางเจิ้งจือคำรามในขณะที่ตัวดาบส่องแสงสีม่วง เขาโจมตีที่หัวของไป่ฉือโดยไม่ลังเล
ฮึ่มม!เสียงดังอย่างต่อเนื่องในขณะที่แสงสีม่วงหมุนวนรอบดาบ แม้การโจมตีครั้งนี้จะดูธรรมดาแต่เส้นทางที่ดาบพุ่งผ่านก่อเกิดเป็นรอยแยกสีดำในอากาศ
เด็กเหลือขอนั่นยังคงเลือกที่จะเผชิญหน้า?! ท่าทีของโม่ฉานฉือเปลี่ยนไปดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขาไม่รู้เลยว่าพลังของฟางเจิ้งจือคืออะไรกันแน่ แต่เขารู้ว่าครั้งก่อนไป่ฉือจงใจล่าถอยเพื่อหลอกล่อเขาออกไป
หรือก็คือฟางเจิ้งจือมีพลังมากพอจะต่อสู้กับไป่ฉือหรือไม่…
มันยังคงเป็นคำถามที่ไม่รู้คำตอบ
เขาจะชนะได้ไหม?
……………………………………..
��