Gate of God - ตอนที่ 925 กลับชาติมาเกิด?
ตุบ!ขาของหยานหยิงทรุดลงกับพื้น สิ่งที่เห็นนี้บอกได้ชัดเจนว่าเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
เลือดไหลออกจากมุมปากของหยางหยิงเขาหายใจอย่างลำบากทำให้หน้าอกเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เหงื่อไหลออกเต็มหน้าผากของเขา
ผู้อาวุโสหยาง!
เฒ่าหยางแข็งใจไว้!
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเต็มไปด้วยความสิ้นหวังพวกเขาตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
เพียงครั้งเดียว!
การโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้หยางหยิงทรุดตัวลง!
พลังของเทพปีศาจทำลายความหวังของพวกเขาโดยสมบูรณ์คำว่า ‘น่ากลัว’ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายได้ ความหดหู่เศร้าเสียใจ
เทพปีศาจยืนนิ่งเงียบในตำแหน่งของเขาและไม่เคลื่อนไหวเขาไม่ได้ปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งหรือแรงกดดันใดๆ แต่ก็ทำให้บรรยากาศตกอยู่ในความน่ากลัว
ต่อไปเป็นใครรึ? เทพปีศาจมองไปที่มู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือและเฉียนยู่ จนในที่สุดก็หันมองฟางเจิ้งจือ จริงๆแล้วข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจียงจี
ฮืมข้าก็มีควาสัมพันธ์ที่ดีกับเขาเช่นกัน ฟางเจิ้งจือพยักหน้าอย่างสงบเยือกเย็น
…
…
ฟางเจิ้งจือเป็นคนที่ไร้ยางอายอย่างมาก
ในตอนนี้นอกจากมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือแม้แต่เทพปีศาจก็หมดคำพูด
ดูเหมือนท่านจะไม่เชื่องั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือยิ้มและพูดอีกครั้งเมื่อเขาเห็นว่าเทพปีศาจยังคงนิ่งเงียบ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่องั้นหรือ? เทพปีศาจกระตุกปากเล็กน้อยแต่ยังคงฝืนยิ้มและเอ่ยถามออกมา
อืมมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเชื่อ ยังไงก็ตามข้าเชื่อว่าท่านจะเชื่อข้าเมื่อข้าบอกถึงตัวตนที่แท้จริง ฟางเจิ้งจือพูดอย่างไม่รีบร้อน
ตัวตนที่แท้จริง? ท่าทีของเทพปีศาจเปลี่ยนเป็นความสับสนหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้น ไหนบอกข้ามา
เรื่องมันค่อนข้างยาว…
ก็ทำให้สั้นเสียสิ
เอาล่ะก่อนที่ข้าจะบอกท่านคงสังเกตุแล้วว่าข้าเป็นคนเดียวที่ยังเยาว์วัยท่ามกลางผู้ที่แข็งแกร่ง คิดว่าแปลกไหม? ฟางเจิ้งจือพยักหน้าแล้วพูดต่อ
ฮึ่ม…เจ้าพยายามจะบอกว่าเจ้ามีความสามารถมากกว่าพวกเขางั้นหรือ? เทพปีศาจถามต่อ
ท่านคิดว่าเป็นไปได้ไหม? แน่นอนมันเป็นไปได้เลิกพูดไร้สาระแล้วเข้าประเด็นเสีย
ความจริงแล้วข้าคือจักรพรรดิฮวงที่กลับมาเกิดใหม่
พรวด!หยานหยิงตัวสั่นอย่างแรงและกระอั่กเลือดออกมา ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของฟางเจิ้งจือหรือเพราะที่จริงร่างกายของเขาทนไม่ไหวแล้ว
ความจริงนอกจากหยางหยิงแล้วมู่ฉิงเฟิง โม่ฉานฉือและเฉียนยู่ก็อาจกระอั่กเลือดเช่นกันถ้าพวกเขามีเลือดอยู่เต็มปาก
ฟางเจิ้งจือไร้ยางอายขนาดนั้นได้ยังไง?
จักรพรรดิฮวงที่กลับมาเกิดใหม่?!
ผิวหนังของเด็กนี่จะหนาขนาดไหนถึงพูดเช่นนั้นออกมานอกจากนี้ยังพูดด้วยท่าทีใจเย็นอีก
ถ้ามีใครจะเชื่อคำพูดของเขาก็คงบ้าไปแล้วฟางเจิ้งจือทำเหมือนเทพปีศาจเป็นคนโง่?
ฮ่าฮ่าฮ่า… หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเทพปีศาจก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะสีหน้าจะกลับสู่ความเยือกเย็นอีกครั้ง สวะ เอาล่ะแสดงให้เห็นหน่อยว่าจักรพรรดิฮวงที่กลับมาเกิดใหม่จะทำให้ข้าตกตะลึงได้แค่ไหน!
เห็นได้ชัดว่าเทพปีศาจไม่เชื่อฟางเจิ้งจือแม้แต่น้อย
ฟางเจิ้งจือเองก็ไม่แปลกใจเท่าไรนัก
แต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไป
สิ่งสำคัญคือเขายังมีชีวิตแม้ว่าจะมีชีวิตได้นานขึ้นเล็กน้อยเพราะคำพูดไร้สาระแต่ก็ยังกว่าตายทันที
ความสุขมาพร้อมกับความพึงพอใจ
ฟางเจิ้งจือเป็นคนที่รู้วิธีทำให้ตัวเองพอใจนอกจากนี้เขายังมีนิสัยอีกอย่างคือพยายามให้ดีที่สุดเพื่อได้มาซึ่งข้อมูล
จะฆ่าข้างั้นเหรอ? ฟางเจิ้งจือตื่นตระหนก
ข้าทำไม่ได้หรือ? เทพปีศาจยิ้มและเย็นชายิ่งขึ้นเขามองที่ฟางเจิ้งจือด้วยความเย่อหยิ่งและดูถูกราวกับยักษ์ที่มองดูมดปลวก
แน่นอนว่าได้แต่ข้าได้ยินมาว่าพวกปีศาจจะทำตามกฎของผู้ที่มีอำนาจมากที่สุด
โชคไม่ดีที่เจ้าไม่ใช่ปีศาจ
แต่หยุนชิงวูเป็นปีศาจ ฟางเจิ้งจือพูดขึ้นเขาชี้ไปทางหยุนชิงวูที่ยืนอย่างสงบอยู่ไม่ไกล
ใช่แล้วนางเป็นปีศาจ แต่มันเกี่ยวกับเจ้ายังไง?
ข้าจำได้ว่านางเคยพนันกับท่านใครที่ยืนอยู่ที่นี่โดยไม่เคลื่อนไหวได้นานกว่าเท่ากับคนนั้นทรงพลังกว่าใช่ไหม? ฟางเจิ้งจือถาม
ก็ประมาณนั้น เทพปีศาจไม่ตอบตรงๆ
ในเมื่อท่านเลือกจะแข่งกับหยุนชิงวูท่านก็ควรจะทำตามกฎใช่ไหม? ฟางเจิ้งจือพูดต่อ
งั้นข้าต้องทำยังไงบ้าง?
อืมตอนที่หยุนชิงวูยืนอยู่ นางไม่ได้ใช้อาวุธ ฟางเจิ้งจือชี้ไปทางหยุนชิงวู ฮ่าฮ่าฮ่า… เทพปีศาจหัวเราะพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าน ได้ เจ้าพูดถูก หยุนชิงวูไม่มีอาวุธในมือจริงๆ ขณะที่เขาพูดกริชดำในมือของเขาได้หายไป
ฉากนี้ทำให้ผู้ที่ยืนดูอยู่รอบๆต่างสันสนเป็นอย่างมาก
แค่เพียงสองถึงสามประโยค…
ทำให้เทพเจ้าปีศาจเก็บอาวุธของตัวเองได้?
ทุกคนมักจะรู้ว่าฟางเจิ้งจือนั้นไร้ยางอายตลอดเวลาแต่ตอนนี้พวกเขาเข้าใจว่าเบื้องหลังความไร้ยางอายของฟางเจิ้งจือนั้นยังมีความฉลาดและไหวพริบซ่อนอยู่
ในเวลาเดียวกันริมฝีปากของหยุนชิงวูก็เคลื่อนไหวราวกับนางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดออกมา
ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจของหยุนชิงวู
ยังมีปัญหาอะไรอีกไหม? ขณะที่เขาพูดกับฟางเจิ้งจือเขาก็หันไปมองหยุนชิงวู ราวกับว่าเขากำลังพูดกับนางเช่นกัน
แน่นอนว่ายังมีอีกปัญหา ฟางเจิ้งจือพูดอีกครั้ง
ปัญหาอะไร? เทพปีศาจหรีตามองฟางเจิ้งจือ เห็นได้ชัดว่าเขาใกล้จะหมดความอดทนแล้ว
ในเมื่อระดับพลังของหยุนชิงวูอยู่เพียงผนวกดาราท่านก็ควรกดพลังไว้ให้อยู่ในระดับเดียวกับนาง
ถ้าข้าไม่ตกลงล่ะ?
ไม่มีปัญหาถ้าท่านไม่ตกลงแต่อย่างน้อยก็ช่วยเปลี่ยนชุดเกราะของท่านก่อนได้ไหม ดูหยุนชิงวูสิ นางสวมเพียงเสื้อผ้าบางๆเท่านั้น
ไร้สาระ!
ได้ๆจริงๆแล้วที่ข้าอยากจะพูดคือข้านั่นคือจักรพรรดิฮวงกลับชาติมาเกิด มันคงเป็นเรื่องอันตรายที่ท่านจะต่อกรกับข้า มันยังไม่สายเกินไปที่จะยอมแพ้ตอนนี้
… …
ถ่วงเวลา?
ฟางเจิ้งจือกำลังพยายามถ่วงเวลางั้นหรืออะไรคือเป้าหมายของการถ่วงเวลาของฟางเจิ้งจือ?
เจ้าเด็กเหลือขอตาย! เห็นได้ชัดว่าเทพปีศาจไม่สนใจจะคุยกับฟางเจิ้งจืออีกต่อไป เขายกมือขวาขึ้นเตรียมตบฟางเจิ้งจือจนตาย
เดี๋ยวก่อนข้ายังมีเรื่องสุดท้ายจะพูด! ฟางเจิ้งจือพูดด้วยความกระวนกระวาย
พูด! เทพปีศาจพยายามอย่างมากที่จะข่มความหงุดหงิดในใจ
ท่านมั่นใจหรือเปล่าว่าท่านจะยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับไปไหน? ฟางเจิ้งจือมองตำแหน่งที่เทพปีศาจยืนอยู่และถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นฉากนี้ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจจากนิสัยของฟางเจิ้งจือ แน่นอนว่าเขากำลังจะหนี
ความไร้ยางอาย… แต่สถานการณ์ในตอนนี้มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเองก็เข้าใจได้ทางเลือกของฟางเจิ้งจือนั้นไม่ได้ผิด เพียงแค่ทำให้เทพปีศาจเก็บอาวุธกลับไปได้พวกเขาก็ควรจะขอบคุณฟางเจิ้งจือมากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นฟางเจิ้งจือมีอายุเพียงสิบแปดปีเขายังมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกมาก
ใช่ ในที่สุดเทพปีศาจก็พยักหน้าหลังจากยืนเงียบไปครู่หนึ่ง
เจ้าเด็กเหลือขอข้ารับมือกับเทพปีศาจเอง! หลังจากเห็นเทพปีศาจพยักหน้า โม่ฉานฉือก็ตะโกนออกมาพร้อมกับยกค้อนสีดำในมือพุ่งเข้าไปทันที
ข้าด้วย! มู่ฉิงเฟิงพุ่งลงไปพร้อมกับดาบในมือเช่นกัน
พวกเขาเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่เก่งกาจที่สุดในแดนศักดิ์สิทธิ์เลือกจะช่วยเหลือฟางเจิ้งจือ
มันราวกับปาฎิหาริย์ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับเซียนและเหล่าศิษย์พวกเขารู้สึกได้ถึงการเตรียมใจของโม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิง
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นลำแสงสีม่วงพุ่งไปทางพวกเขากันไม่ให้พวกเขาเข้ามาใกล้กว่านี้
อะไรกัน?! โม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงตกตะลึง พวกเขารู้ว่าแสงนั้นมาจากฟางเจิ้งจือ พวกเขาหลบไปด้านข้างด้วยความรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกได้ว่าท้องฟ้าเหนือหัวพวกเขาเต็มไปด้วยแรงระเบิด ห้วงอากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ตูม!
แสงสีม่วงระเบิดออกเหนือหัวของพวกเขาจากนั้นเสียงคำรามด้วยความโกรธก็ดังขึ้น
ฟางเจิ้งจือ! ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสียงของไป่ฉือ ตอนแรกนางไม่ได้สนใจอะไรมากนัก การที่โม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงเข้าไปรนหาที่ตายจากเทพปีศาจช่วยให้นางประหยัดแรงได้มาก อย่างไรก็ตามแสงดาบของฟางเจิ้งจือได้มาถึงนางแล้ว และแน่นอนนางหลบไม่พ้น แต่ที่ทำให้นางโกรธที่สุดคือนางรู้ว่าฟางเจิ้งจือไม่ได้ตั้งใจโจมตีมาที่นาง…แค่นางบังเอิญอยู่ตรงนี้เอง
โม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อเห็นได้ชัดว่าฟางเจิ้งจือโจมตีมาที่พวกเขา
อย่างไรก็ตามคำพูดต่อไปที่มาจากปากของฟางเจิ้งจือทำให้พวกเขาต้องเชื่อ
เต๋าซิงพาเหยียนซิวหนีไป ถ้าเขาบาดเจ็บข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า! ฟางเจิ้งจือตะโกนออกมาอีกครั้ง จากนั้นแสงสีม่วงก็เปล่งออกมาจากดาบไร้ร่องรอย
อย่างไรก็ตามเทียบกับก่อนหน้านี้จิตสังหารที่แผ่ออกมาตอนนี้รุนแรงและทรงพลังกว่ามาก
เต๋าซิงตกตะลึงกับสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูดนอกจากนางแล้วแม้แต่โม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงหรือแม้แต่เฉียนยู่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับฟางเจิ้งจือก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
ถูกต้องแล้ว!
ฟางเจิ้งจือไม่คิดที่จะหลบหนี!
ไม่เพียงแต่เขาจะไม่หนีแต่เขาตั้งใจจะสู้กับเทพปีศาจเพื่อให้ทุกคนได้มีเวลาหนี
ฟางเจิ้งจือเจ้า…
เจ้าเด็กเหลือขอเจ้ากำลังจะทำอะไร?!
โม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงยังคงทำใจเชื่อไม่ได้ใครจะเชื่อว่าฟางเจิ้งจือผู้ไร้ยางอายเลือกที่จะไม่หนี?
หุบปากแล้วไปซะ! ฟางเจิ้งจือยิ้ม เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นวีรบุรุษ แต่เขามั่นใจว่าหยุนชิงวูไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน
งั้นเขาก็ขอลองเป็นวีรีบุรุษสักครั้งหนึ่ง!
……………………………………..