Gate of God - ตอนที่ 935 ดาบที่ตัดสินความเป็นและความตาย
ฉือกูเหยียน… เป็นครั้งแรกที่ฟางเจิ้งจือรู้สึกจากก้นเบื้องของหัวใจ
มันเป็นความต้องการที่จะฆ่าศัตรูทุกคน
สำหรับเทพปีศาจแล้วฉากตรงหน้ายิ่งทำให้เขาตกตะลึง
ไม่!!! เทพปีศาจตะโกนออกมาด้วยความไม่เต็มใจเขาไม่เคยตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นและตายแบบนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะไม่เต็มใจมากแค่ไหน ดาบของฉือกูเหยียนได้มาถึงเขาแล้ว ดาบธรรมดาๆกลายเป็นแสงสีขาวเปล่งประกายระยิบระยับโจมตีเข้าที่ดวงตาปีศาจของเทพปีศาจ
มันเร็วมากจนเขาไม่สามารถหลบได้
เหงื่ออันเย็นเยียบไหลออกมาจากหน้าผากเขารู้ว่าไม่มีทางหลบการโจมตีนี้พ้น อย่างไรก็ตามเขายังคงพยายามใช้พลังเพื่อป้องกันการโจมตีนี้
ของเหลวสีทองก่อตัวขึ้นเป็นชั้นหนาเหนือดวงตาปีศาจทันที
มันจะสามารถป้องกันได้หรือไม่?
ฉือกูเหยียนจับดาบอย่างมั่นคงแม้นางจะทรมารจากบาดแผลสาหัส แต่ดาบของนางสามารถเจาะผ่านการป้องกันจากของเหลวสีทองได้
มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆดวงตาปีศาจปล่อยลำแสงสีทองออกมาอย่างไร้ทิศทาง
เทพปีศาจเบิกตากว้างเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉือกูเหยียนสามารถทำลายการป้องกันของเขาได้
’ไม่ข้าไม่มีทางยอมตายข้าเป็นถึงเทพปีศาจจากยุคโบราณ!’
เขายังคงไม่ยอมแพ้เขาอยู่ในภาวะจำศีลหลายพันปีเพื่อรอเวลาที่จะได้กลับมาเหยียบพื้นโลก เขายังมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ทำเขายังไม่ได้มีโอกาสได้เพลิดเพลินไปกับโลกใบใหม่เลยแม้แต่น้อย…
ตาย?แม้แต่ในสงครามโบราณเขายังไม่ตาย แต่เขากลับต้องมาตายตอนนี้งั้นรึ? ตายด้วยน้ำมือคนธรรมดาๆสองคนงั้นรึ?!
เขาไม่ยอม!
ปล่อยข้าไปข้าให้สัญญาว่าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ! เทพปีศาจพยายามโน้มน้าว แม้ว่าเงื่อนไขที่เขาเสนอจะไม่ได้ดูดีนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยต่อรองและร้องขอชีวิตจากผู้อื่น!
เขาคิดว่าข้อเสนอของเขาสามารถโน้มน้าวฉือกูเหยียนได้อย่างน้อยก็เป็นคำสัญญาจากเทพปีศาจ
อย่างไรก็ตามเขาพบว่า…
สีหน้าของฉือกูเหยียนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยดวงตาของนางยังคงเต็มไปด้วยความแน่วแน่!
ความแน่วแน่ที่จะฆ่าเทพปีศาจ! เขาเริ่มยอมรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นเขารู้ว่าต่อให้เขาพูดอะไรออกไปอีกมันก็ไม่ได้ผล
เขากำลังจะตายจริงๆใช่ไหม?
ฉือกูเหยียนได้ทำลายของเหลวสีทองที่ปกป้องดวงตาปีศาจไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตามในช่วงวินาทีสุดท้ายแห่งความตายมีแสงสว่างส่องสว่างขึ้นที่ด้านข้างของฉือกูเหยียน
ตูม!
มันเป็นหางสีขาวงดงามเต็มไปด้วยขนเส้นเล็กๆขนที่แข็งราวกับเหล็กกล้า!
ข้ารอดแล้วใช่ไหม?! ดวงตาของเทพปีศาจเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง หัวใจของเขาสั่นรัวด้วยความยินดีเมื่อเห็นฉือกูเหยียนถูกโจมตีโดยหางจิ้งจอก
มีใครอยากตายบ้าง?
แน่นอนว่าไม่มีแม้แต่เขาที่มีอายุเป็นพันๆปีแล้วก็ตาม!
แม้เขาไม่รู้ว่าไป่ฉือโจมตีฉือกูเหยียนยังไงแต่เขาเห็นว่าอาการบาดเจ็บของฉือกูเหยียนนั้นรุนแรงมาก
นางไม่มีทางโจมตีต่อได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามมันไม่เป็นไปตามที่เขาคิดฉือกูเหยียนไม่ได้ถูกเป่ากระเด็นออกไป ดาบที่ส่องประกายยังคงเต็มไปด้วยความมั่นคงมันสั่นไหวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เป็นไปได้ยังไง? เทพปีศาจไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ด้วยบาดแผลสาหัส ฉือกูเหยียนไม่มีทางป้องกันการโจมตีจากไป่ฉือได้
แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะดาบของฉือกูเหยียนเจาะเข้าไปที่ดวงตาปีศาจของเขาแล้ว เสียงบางสิ่งแตกกระจายดังขึ้น
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ทำไม?
เทพปีศาจอยากจะรู้เหตุผลแต่สายตาของเขาเริ่มพร่ามัวสิ่งเดียวที่เขาเห็นในตอนนี้คือร่างขนาดใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขา เป็นหญิงสาวที่มีหางเป็นงู
ทั้งบริสุทธิ์และสูงส่งผมยาวสีดำราวกับน้ำตกที่ไหลบ่า หางงูของนางปกคลุมด้วยเกล็ดห้าสี
มันชัดเจนมากจนดูเหมือนเป็นเรื่องจริง
มารดา…มารดา…โลก… เทพปีศาจพึมพัมเมื่อเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยในที่สุดเขาก็ค่อยหลับตาลงช้าๆ
เมื่อดวงตาของปิดสนิทดวงตาปีศาจบนหน้าผากก็ระเบิดอย่างสมบูรณ์!
ตูม!
ของเหลวสีทองค่อยๆกลายเป็นละอองและจางหายไปในอากาศ
สนามรบตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
แม้ว่าลมบนภูเขาสวรรค์จะรุนแรงแค่ไหนแต่ไม่มีใครสนใจ
ตำแหน่งที่ฉือกูเหยียนยืนอยู่ไม่มีร่างในชุดสีชมพูอีกต่อไป มีหญิงสาวที่ร่างกายเป็นมนุษย์และหางเป็นงูยืนอยู่แทนนางยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆด้วยท่าทีนิ่งสงบ
บนหน้าผากของนาง…
มีสัญลักษณ์ห้าสีที่แตกต่างกันแดง ฟ้า ขาว ดำ ทอง
นางหันไปมองสภาพแวดล้อมรอบๆทั้งเหล่าราชาอสูรปีศาจอาวุโส มนุษย์และสุดท้ายนางหันไปมองหยุนชิงวู
หยุนชิงวู นางกล่าวออกมาเบาๆ
ฉือกูเหยียน หยุนชิงวูพูดกลับ
ทั้งสองจ้องหน้ากันเงียบๆไม่มีใครพูดอะไรออกมา
อย่างไรก็ตามเหล่าราชาอสูรปีศาจอาวุโสและไป่ฉือต่างเบิกตากว้าง เสียงที่ได้ยินจากร่างนั้นเป็นเสียงของฉือกูเหยียนแน่นอน
เทพปีศาจ?!
ฉือกูเหยียน…นาง…นาง… ใช่แล้วนางบรรลุเข้าสู่ระดับเซียนแล้ว!
ไม่มีใครอยากจะเชื่อแต่เมื่อเห็นสัญลักษณ์บนหน้าผากของฉือกูเหยียน พวกเขาทำได้แค่ยอมรับความจริง
ฉือกูเหยียนอยู่ในระดับเซียนแล้ว!
ในการโจมตีครั้งสุดท้ายนางบรรลุจากระดับจุติไปสู่ระดับเซียน!
มันเป็นไปไม่ได้
มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ?
ด้านฉือกูเหยียนนางค่อยๆหันไปด้านหลัง
ใช่ฟางเจิ้งจืออยู่ด้านหลังของฉือกูเหยียนสิ่งที่พิเศษคือมือทั้งสองข้างของฟางเจิ้งจือกำลังจับอยู่ที่เอวของฉือกูเหยียน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ใบหน้าของเขาซีดขาวมาก
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมใบหน้าของเขาถึงซีดขาวขนาดนี้อย่างไรก็ตามเรื่องที่สำคัญที่สุดคือตำแหน่งยืนแปลกๆของฟางเจิ้งจือ
ขอบคุณ ฉือกูเหยียนกล่าวอีกครั้ง ขอบคุณ?หืมมม…ใช่แล้วเจ้าควรขอบคุณข้า ฟางเจิ้งจือนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ค่อยๆปล่อยมือจากเอวของฉือกูเหยียน
ฮ่าฮ่า… ฉือกูเหยียนยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลายราวกับดอกไม้ที่ผลิบาน
ฟางเจิ้งจือเองก็อยากจะยิ้มออกมาเช่นกันอย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำได้ เพราะรูปลักษณ์ของฉือกูเหยียนนั้นดูคุ้นเคยมากเกินไป
มารดาแห่งโลก?
เจ้าแม่หนี่วา!
ฟางเจิ้งจือไม่รู้ว่าโลกนี้มีเจ้าแม่หนี่วาหรือไม่อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ในตอนนี้ของฉือกูเหยียนเหมือนเจ้าแม่หนี่วาที่เขาเคยเห็นในหนังสือจากโลกเก่ามาก
ที่ต่างออกไปมีเพียง…
ฉือกูเหยียนกำลังยิ้มอยู่อย่างไรก็ตามร่างของนางกลับสัมผัสได้ถึงความเปราะบางราวกับพร้อมจะหายไปทุกเมื่อ ฉือกูเหยียน! ฟางเจิ้งจือเอื้อมมือไปคว้าฉือกูเหยียนเอาไว้อีกครั้ง ดวงตาของนางค่อยๆปิดลง
นอกจากนั้นหางงูของนางได้หายไปชุดของนางกลับมาเป็นสีชมพูที่ชุ่มไปด้วยเลือดอีกครั้ง
ร่างของนางยังอุ่นอยู่แต่ก็เริ่มเย็นลงอย่างรวดเร็ว
นางสลบไปงั้นหรือ?!
นางต้องยังไม่ได้ไปถึงระดับเซียนแน่นอน!ในขั้นสุดท้ายเพราะอาการบาดเจ็บที่รุนแรงของนางทำให้นางไม่สามารถผ่านขั้นสุดท้ายในการเป็นเซียนไปได้!
ฆ่านางเร็วเข้า!ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว!
จิตสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาของเหล่าราชาอสูรพวกเขากำลังรอคำสั่งจากหยุนชิงวู
หยุนชิงวูตอนนี้เทพปีศาจได้ตายไปแล้ว เจ้าจะปกป้องตัวเองได้ยังไง? ฟางเจิ้งจือค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหยุนชิงวู
อะไร?!
เขายังเหลือพลังอยู่อีกงั้นรึ?
เขาคงไม่คิดจะฆ่าเผ่าอสูรทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวหรอกใช่ไหม?
เหล่าราชาอสูรต่างตกใจกับสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ไป่ฉือเองก็กำลังบาดเจ็บอยู่เช่นกัน
สังเกตุเห็นได้จากริมฝีปากที่เป็นสีม่วงคล้ำของนางหลังจากฝืนใช้พลังเพื่อโจมตีครั้งสุดท้ายออกมา นางเสียเลือดมากเกินไปแล้ว
ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ายังสู้ต่อไหว! ไป่ฉือส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่านางเองก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว
ดูเหมือน…ยายแก่อยากจะตายก่อนใช่ไหม? ฟางเจิ้งจืออุ้มฉือกูเหยียนไว้ด้วยมือข้างเดียวอีกข้างจับดาบแน่น
ก็ถ้าเจ้ายังมีพลังพอข้า… ท่านแม่! หยุนชิงวูขัดไป่ฉือ จากนั้นนางก็ก้าวออกมา ฟางเจิ้งจือข้ารู้ว่าเจ้ามีโอกาสฆ่าข้าในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าจะไม่สามารถหนีไปได้หลังจากที่เจ้าทำเช่นนั้น
ทำไม?
เพราะประตูเทพเจ้าของเผ่าปีศาจและเผ่าอสูรได้เปิดออกแล้วมันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่เทพปีศาจและเทพอสูรคนอื่นๆจะออกมาจากประตู เจ้ายังมั่นใจที่จะสู้ต่ออีกงั้นหรือ? หยุนชิงวูพูดด้วยความเยือกเย็น
ฮ่าฮ่า… ฟางเจิ้งจือหัวเราะร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เจ้ากำลังจะถ่วงเวลาหรือไง?
ข้า…ใช่ข้ากำลังถ่วงเวลาเพราะข้าไม่รู้ว่าเทพปีศาจอีกคนจะมาถึงตอนไหน เจ้าจะฆ่าข้าตอนนี้ก็ได้ แต่เจ้าก็น่าจะรู้มันต้องใช้เวลาพอสมควร เจ้าต้องการจะลองเสี่ยงไหมล่ะ? ด้วยชีวิตของเจ้า ชีวิตของฉือกูเหยียนและชีวิตของวู่จวี้เอ๋อ? หยุนชิงวูกล่าวอีกครั้ง
เจ้าไร้ยางอายไม่ต้องกังวลเรื่องของข้าฆ่านางก่อนเลย! เสียงของวู่จวี้เอ๋อดังขึ้นด้วยความกังวล
เมื่อได้ยินคำพูดของวู่จวี้เอ๋อร่างของฟางเจิ้งจือสั่นไหวเล็กน้อย เหงื่อหยดเล็กๆไหลออกมาจากหน้าผากของเขา มือที่อุ้มฉือกูเหยียนอยู่เริ่มสั่นสะท้าน
อย่างไรก็ตามสายตาของเขากลับมามั่นคงอีกครั้งเขามองไปยังเหล่าราชาอสูร ปีศาจอาวุโสที่ยืนอยู่รอบๆหยุนชิงวู
ในเวลาเดียวกันดาบในมือของฟางเจิ้งจือเริ่มเปล่งแสงสีม่วงออกมา
ท่าทีของปีศาจอาวุโสและราชาอสูรเปลี่ยนไป
ฟางเจิ้งจือเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!
เจ้าคิดว่าจะฆ่าจักรพรรดินีน้อยได้จริงๆงั้นรึ?
พวกเราสาบานจะปกป้องท่านหยุนชิงวูด้วยชีวิตของพวกเราไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเราไม่มีทางให้เจ้าได้แตะตัวของนายน้อย! แม้พวกเขาจะพูดออกมาแบบนั้นแต่สีหน้าของพวกเขากลับกระวนกระวายมากขึ้น พวกเขาไม่มั่นใจว่าสามารถเอาชนะฟางเจิ้งจือได้
……………………………………..