Gate of God - ตอนที่ 990 เต๋าแห่งการจุติทั้งห้า!
เร็วเข้าตามไปเร็ว เขาจะหนีไปแล้ว! ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังสับสน ปิงหยางกลับดูกังวล นางพยายามสะกิดฟางเจิ้งจือให้ตามเทพปีศาจไป
ฟุ้บ!ปีกขนาดใหญ่กางออก ฟางเจิ้งจือตามโจวฉีไปพร้อมกับดาบในมือ
ถ้าพลังจากดาบไม่สามารถทำอะไรโจวฉีได้เขาก็จะใช้คมดาบเพียวๆ!
ฟางเจิ้งจือไม่เชื่อว่าโจวฉีจะดูดกลืนดาบเข้าไปทั้งเล่มได้ถ้าเขาทำแบบนั้นได้จริงๆฟางเจิ้งจือคงไม่มีอะไรจะพูดอีก
เมิ่งเทียนวันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าทั้งสองคนไป! โจวฉีตะโกนใส่ฟางเจิ้งจือและปิงหยางขณะพุ่งไปยังหน้าผา
ทำไมถึงปล่อยพวกเราไป? ฟางเจิ้งจือถามกลับ
… โจวฉีเงียบไป เขาไม่ตอบเพราะรู้ว่าฟางเจิ้งจือกำลังเบี่ยงเบนความสนใจของเขาโจวฉีเร่งความเร็วมากกว่าเดิม
ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะหนีจริงๆใช่ไหม? ตอนแรกฟางเจิ้งจือคิดว่ามันเป็นแผนของโจวฉี แต่เมื่อเห็นท่าทีของโจวฉีในตอนนี้เขามั่นใจว่าโจวฉีต้องการจะหนีจริงๆ
อย่างไรก็ตามทำไมเขาถึงต้องหนี
ผลลัพธ์ของการต่อสู้ยังไม่ปรากฎให้เห็นเลยด้วยซ้ำ
อาจจะเป็นเพราะปีกสีดำหรือเปล่าโจวฉีรู้ว่ามันทำให้ฟางเจิ้งจือได้เปรียบกลางอากาศ?
ฟางเจิ้งจือไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตามปัญหาทุกอย่างจะจบไปเพียงเขาไล่ตามโจวฉีและฆ่าเขาทิ้งซะ!
ปีกสีดำกระพืออย่างต่อเนื่องจนเกิดลมพายุอันรุนแรงมันทำให้โจวฉีขึ้นไปบนหน้าผาได้ช้าลง
ในที่สุดฟางเจิ้งจือก็มาถึงด้านหลังโจวฉีอย่างรวดเร็ว
จากนั้น…
โจวฉีก็หันหลังและวิ่งลงจากผาไป
มันคือเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!
ฟางเจิ้งจือรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นวิ่งไล่จับ
เร็วเข้า!เขากำลังลงไปด้านล่าง ตามเขาไปเร็ว! ปิงหยางตะโกนออกมาอีกครั้ง
เมิ่งเทียนเจ้าเข้าใจคำพูดที่ว่า’อย่าทำให้ศัตรูจนมุม’ไหม? โจวฉีลดความเร็วและกล่าวออกมา
ข้าไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักเจ้าช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม? ฟางเจิ้งจือถามกลับ
… โจวฉีเงียบไปอีกครั้ง ขาสองข้างของเหยียบอยู่บนผา งั้นทำข้อตกลงกัน
โอ้?งั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือหยุดอยู่ด้านหน้าโจวฉี
ปิงหยางถูกฟางเจิ้งจือดึงไปหลบด้านหลังเพื่อป้องกันเผื่อโจวฉีเล่นตุกติก
อืมข้าสามารถบอกเรื่องบางอย่างกับเจ้าได้ แต่เจ้าต้องปล่อยข้าไป โจวฉีพยักหน้าพร้อมกับพรี่ดวงตาลง
ทำไมไม่บอกข้าว่าเจ้าหนีทำไม? ฟางเจิ้งจือถามออกไป
แน่นอนข้าแค่ไม่อยากสู้กับเจ้าแล้ว
เหตุผลล่ะ?
เพราะข้าไม่มั่นใจว่าจะชนะข้าจึงไม่คิดจะสู้ต่อไป โจวฉีตอบออกมาตรงๆ
เหตุผลที่ดีแต่เจ้าจะทิ้งศาลาเต๋าสวรรค์ไปเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า?
ศาลาเต๋าสวรรค์ไม่ได้สำคัญเท่าชีวิตข้า โจวฉีตอบ
ฮ่าฮ่า…ข้าเข้าใจแล้ว ฟางเจิ้งจือหรี่ตาลงเช่นกัน แม้คำตอบของโจวฉีจะไม่ใช่คำตอบที่ดีนักแต่มันก็ตรงไปตรงมา
ราวกับสัตว์ป่าสองตัวในธรรมชาติหลังจากฝ่ายหนึ่งตระหนักว่าไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้หลังจากทดสอบพลังของแต่ละฝ่าย แล้วมันจะสู้ต่อไปอีกทำไม?
นับได้ว่าเป็นกฎของป่า
โจวฉีนั้นเป็นปีศาจที่มีบุคคลิกแปลกๆต่างจากคนอื่นเขามักจะทำให้มั่นใจว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
เขาไม่ต้องการได้รับบาดเจ็บเพราะเมื่อไรที่เขาได้รับบาดเจ็บสถานการณ์รอบตัวเขาจะกลายเป็นอันตรายทันที เขาไม่สามารถไว้ใจใครได้
ในเมื่อพวกเราไม่สามารถรับผลลัพธ์จากการต่อสู้ได้งั้นก็มาทำข้อตกลงกัน? โจวฉีกล่าวอีกครั้งหลังจากเห็นฟางเจิ้งจือพยักหน้า
ประการแรกเจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าเป็นเจ้าที่เสนอเรื่องนี้ขึ้นมา ประการที่สองข้าต้องการให้เจ้ารู้ว่าข้าไม่กลัวที่พวกเราทั้งคู่จะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ ฟางเจิ้งจือเหยียดยิ้ม โจวฉีเงียบไป
เขาจ้องมองดวงตาของฟางเจิ้งจือพยายามหาสิ่งผิดปกติแต่เขาก็ต้องผิดหวัง
แววตาของฟางเจิ้งจือเต็มไปด้วยความแน่วแน่
งั้นข้อตกลงของข้างั้นง่ายมากเจ้าไม่ได้ตามหาแหล่งพลังเทพเจ้าอยู่งั้นรึ? ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะบอกที่ซ่อนของมัน! โจวฉีกล่าวอีกครั้ง
เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ฟางเจิ้งจือตอบโดยไม่ต้องคิด
หืม?เจ้าไม่อยากรู้งั้นหรือว่ามันอยู่ที่ไหน? โจวฉีแปลกใจ
ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากรู้แต่มันเป็นเพราะเจ้าก็ไม่รู้เช่นกัน แม้แต่หยุนชิงวูยังไม่รู้ ถ้าเจ้าไม่มีอย่างอื่นมาแลกเปลี่ยน ข้าคิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลากันอีก ฟางเจิ้งจือยกดาบในมือขึ้นและกล่าวออกมา
ฮ่าฮ่า… โจวฉีหรี่ตาพร้อมเลียริมฝีปาก ได้ เจ้าไม่ได้โง่จริงๆ งั้นข้าพูดความจริงแล้วกัน สามสิบหกแผนที่สู่สวรรค์สองชิ้นแลกกับชีวิตของข้าเป็นเช่นไร?
เจ้ามีสามสิบหกแผนที่สู่สวรรค์งั้นรึ? ฟางเจิ้งจือตกตะลึงเมื่อได้ยิน แน่นอนว่าเขารู้เกี่ยวกับสามสิบหกแผนที่สูสวรรค์
มันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากศิลาเซียน!
อย่างไรก็ตามโจวฉีมีมันอยู่สองชิ้นได้ยังไง?
เดี๋ยวก่อน!
โจวฉีเป็นตัวตนระดับเทพเจ้าที่ออกมาจากประตูเทพเจ้าของเผ่าปีศาจและอสูรเขาจะมีมันได้ยังไง? ยกเว้นว่าเขาได้มันมาหลังจากที่ออกมาจากประตูแล้ว
หรือก็คือ…
หยุนชิงวูแอบค้นหาศิลาเซียนมาตลอด
เขาพอจะคาดเดาเรื่องนี้แต่เป้าหมายของนางในการตามหาศิลาเซียนคืออะไร?
แล้วถ้านางไม่ใช่คนเดียวที่กำลังตามหาศิลาเซียนอยู่ล่ะ?
ข้ามีอยู่สองชิ้นอยู่กับตัวและข้ารู้ว่าชิ้นอื่นๆอยู่ที่ไหนนี่คือสิ่งแลกเปลี่ยนกับการที่เจ้าปล่อยข้าไป? โจวฉีกล่าวต่อ
เจ้าแอบตามหามันโดยไม่ให้หยุนชิงวูรู้งั้นรึ?
ข้าไม่สามารถตอบได้แต่ข้าบอกได้ว่าในตัวตนเทพเจ้าที่ออกมาจากประตู ไม่ใช่ข้าคนเดียวที่ตามหามัน หลังจากนิ่งไปสักพัก เขาก็ตอบออกมา
ได้งั้นข้าตกลง เจ้าสามารถส่งมันให้กับข้าได้เลย ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและไมได้สงสัยอะไรอีก
นั่นเพราะเขารับรู้ได้จากน้ำเสียงของโจวฉี
ข้าไม่มั่นใจว่าถ้าข้ามอบมันให้เจ้าแล้วเจ้าจะไว้ชีวิตข้า โจวฉีส่ายหน้า
ฮ่าฮ่าแล้วเจ้าจะมอบมันให้ข้ายังไง? ฟางเจิ้งจือไม่แปลกใจกับสิ่งที่โจวฉีพูด เจ้าถอดปีกสีดำออกก่อนจากนั้นก็ส่งมันให้ข้าแล้วข้าจะมอบแผนที่สองชิ้นให้กับเจ้า โจวฉีชี้ไปที่ปีกสีดำด้านหลังฟางเจิ้งจือ
เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
ไม่ด้วยปีกนั่นข้าไม่มีทางหนีเจ้าพ้น ข้าไม่สามารถเชื่อใจเจ้าได้ ถ้าเจ้าไม่ได้ถอดมันออก
เจ้าลืมเรื่องหนึ่งไปหรือไง?เป็นเจ้าที่เสนอเรื่องการทำข้อตกลงนี้ ฟางเจิ้งจือเตือน
เมิ่งเทียนเจ้าสามารถได้รับแผนที่สู่สวรรค์สองชิ้นและกับปล่อยให้ข้าไปตามทางของข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะไม่สามารถเอาชนะข้าได้ หรืออาจจะถึงตาย! โจวฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
งั้นก็มาจบเรื่องเลยไหม? ฟางเจิ้งจือขยับเข้าใกล้โจวฉี
ปิงหยางซ่อนตัวอยู่ด้านหลังฟางเจิ้งจือกล่าวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง อย่าเสียเวลากับเขาเลย เจ้าสามารถเอาแผนที่สู่สวรรค์สองชิ้นมาจากเขาได้หลังจากที่เขาตาย
ใช่เจ้าพูดถูกแล้ว ฟางเจิ้งจือกล่าวจากนั้นดาบของเขาก็เคลื่อนไหว เขาเล็งดาบไปที่แผลเป็นรูปกากบาทบนหน้าผากของโจวฉี
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มโจมตีสีหน้าของโจวฉีดูแย่มากและเขาเริ่มปีนกลับขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง
ขณะที่เขาปีนเขาได้ขว้างก้อนหินอันแหลมคมจำนวนหนึ่งไปทางเมิ่งเทียน
เมิ่งเทียนมันไม่มีประโยชน์ที่พวกเราทั้งสองคนจะบาดเจ็บ เจ้าไม่มีทางฆ่าข้าได้ถ้าเจ้ายังแบกของไร้ประโยชน์อยู่ด้านหลัง! โจวฉีกล่าวขึ้นมาอีกครั้งขณะพยายามปีนขึ้นไปด้านบน
ฟางเจิ้งจือไม่ได้ป้องกันก้อนหินเหล่านั้นด้วยความรวดเร็วของปีก เขาเปลี่ยนตำแหน่งบนอากาศได้ในทันที
อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหินทั้งหมดด้วยระยะประชิดกับโจวฉีเช่นนี้ หินก้อนหนึ่งโดนเข้ากับน่องซ้ายของฟางเจิ้งจือ รอยบาดเกิดขึ้นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา
ตัวตนระดับเทพเจ้า!
ฟางเจิ้งจือรู้สึกไม่มีทางเลือกเล็กน้อย
แม้โจวฉีจะตั้งใจจะหนีอย่างเอาเป็นเอาตายแต่เขาก็ยังคงเป็นเทพปีศาจ
เจ้าไร้ยางอายเจ้าจัดการเขาได้ไหม? ปิงหยางถามเบาๆ
ถ้าข้าสู้ด้วยทั้งหมดที่มีก็อาจจะสามารถจัดการได้!โชคดีที่ไม่มีใครอื่นนอกจากข้าและโจวฉี! ฟางเจิ้งจือยืนยัน
ข้าไม่ใช่คนหรือไง? ปิงหยางกล่าวขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
เจ้า?อ้อ…เจ้าไม่ได้ยินที่เขาบอกว่าเจ้าเป็นของไร้ประโยชน์งั้นหรือ?
กรี้ด! ปิงหยางมีวิธีระบายความโกรธในแบบของนาง โดยไม่รีรอนางกัดฟางเจิ้งจืออีกครั้ง
โอ้ย!ปล่อยข้า! งั่มงั่ม… ปิงหยางยังคงกัดเขาต่อไป
ถ้าเจ้าไม่ปล่อยข้าจะโยนเจ้าลงไปด้านล่าง!
ได้ข้าปล่อยเจ้าแล้วเห็นไหม!
เลิกนิสัยแย่ๆอย่างนี้เสียเถอะบางทีข้าอาจจะยอมเป็นเพื่อนกับเจ้าต่อไป ฟางเจิ้งจือตัดสินใจเตือนปิงหยางเล็กน้อย
ถ้าเจ้าฆ่าโจวฉีได้ข้าจะไม่กัดเจ้าอีกต่อไป ปิงหยางกล่าว
ฟางเจิ้งจือไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงแต่กระพือปีกเร็วขึ้น แสงจางๆสีเงินในดวงตาของเขาหายไป
แทนที่ด้วย…
สัญลักษณ์วงกลมที่หมุนวนในดวงตาของเขาอย่างต่อเนื่อง
มันมีห้าสีที่แตกต่างกันฟ้า เขียวเข้ม ดำ แดงและสีเงิน
แต่ละสีนั้นแสดงถึงห้าเต๋าแห่งการจุติจากทั้งหมดหกเต๋า จากนั้นคลื่นพลังอันรุนแรงก็ปะทุออกมาจากร่างของฟางเจิ้งจือราวกับมหาสมุทรอันล้ำลึก
พลังอันน่าหวาดหวั่นทำให้ผาหินแตกออกเป็นรอยแยกเศษหินจำนวนมากตกลงไปเบื้องล่าง
แน่นอนว่ามันดึงดูดความสนใจของโจวฉี
เขาที่กำลังยุ่งอยู่กับการปีนหน้าผาขึ้นไปด้านบนหันไปมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้านล่าง จากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
นี่มัน…เป็นไปไม่ได้! แม้แต่โจวฉีก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์กับดวงตาของฟางเจิ้งจือ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเมื่อเห็นห้าสัญลักษณ์ในดวงตาของฟางเจิ้งจือ ร่างของเขาสั่นสะท้าน
…
ทันใดนั้นหลังจากการเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้งพร้อมกับแสงสีฟ้าของเต๋าสวรรค์ที่ถูกใช้โดยฟางเจิ้งจือเขาปรากฎขึ้นต่อหน้าโจวฉีในพริบตา
เต๋าสวรรค์?!เต๋าแห่งการจุติ? เจ้าสามารถใช้มันได้ถึงห้าเต๋าเลยงั้นรึ? เดี๋ยวก่อน…พวกเราสามารถคุยเรื่องข้อตกลงกันใหม่ได้! ท่าทีของโจวฉีเปลี่ยนไป เขาถีบขาของเขาเร็วถึงขีดสุดเพื่อจะได้ไปถึงด้านบนให้ไวขึ้น ตอนนี้พูดได้ว่าความต้องการของเขาที่จะต่อสู้กับฟางเจิ้งจือแทบจะเป็นศูนย์!
มันสายเกินไปแล้ว!
……………………………………..