Gate of God - ตอนที่ 991 ผสานเต๋าอาชูร่า
ฟางเจิ้งจือจะปล่อยโจวฉีไปไหม?
หลังจากเห็นเต๋าแห่งการจุติทั้งห้าในดวงตาของฟางเจิ้งจือเขารู้ในทันทีว่าฟางเจิ้งจือไม่ให้โอกาสเขาแน่นอน
โซ่จำนวนหนึ่งพุ่งมาที่ผาด้วยความเร็วสูง
เต๋าแห่งชีวิตโซ่ตรวนนรก!
แกรก!แกรก! เศษหินร่วงลงไปด้านล่าง โซ่ตรวนนรกตรึงร่างของโจวฉีไว้แน่น ในเวลาเดียวกันดาบของฟางเจิ้งจือก็พุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
เมิ่งเทียน!! โจวฉีไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้อีกต่อไป เขามีทางเลือกเดียวคือต่อสู้กับฟางเจิ้งจือ
หลังจากเขาตะโกนออกไปคลื่นสีเทาไหลออกมาราวกับใยแมงมุมปกคลุมร่างของโจวฉีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันปกคลุมร่างของฟางเจิ้งจือและปิงหยางด้วย ราวกับพวกเขาอยู่ในดักแด้ยักษ์
ตูม!
ครืน…
การปะทะกันระหว่างคลื่นสีเทากับโซ่ตรวนนรกส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่
ในเมื่อพวกเขาเลือกการต่อสู้ระยะประชิดฟางเจิ้งจือต้องติดอยู่ในดักแด้ยักษ์
แม้เขาจะเตรียมใจไว้แล้วแต่ฟางเจิ้งจือยังสามารถสัมผัสได้พลังที่ถูกดูดออกไป
ฟางเจิ้งจือรู้สึกได้ว่ามันกำลังพยายามดูดพลังทั้งหมดออกจากร่างของเขา
มันแปลกมาก!
ฟางเจิ้งจือรู้ว่าแมงมุมใช้ใยเพื่อจับเหยื่อตราบใดที่เหยื่อติดอยู่ในใยแมงมุมของพวกมันไม่มีทางที่เหยื่อจะหนีไปได้ ต่อให้เหยื่อจะแข็งแกร่งกว่าพวกมันก็ตาม
อย่างไรก็ตามโจวฉีเป็นปีศาจ! แต่ตอนนี้เขาทำราวกับตัวเองเป็นแมงมุม
เจ้าไร้ยางอายใยแมงมุม…มันกำลังพันตัวพวกเราอยู่! ปิงหยางกอดเอวของฟางเจิ้งจือแน่น นางหวาดกลัวมาก
ลองเผามันด้วยไฟไหม? ฟางเจิ้งจือบอกนาง
โอ้สิ่งนี้แพ้ไฟงั้นหรือ? ปิงหยางจับหอกเพลิงฉีหลินแน่น จากนั้นเปลวไฟก็พุ่งเข้าใส่ใยแมงมุมทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อเปลวเพลิงสัมผัสเข้ากับใยแมงมุมสีเทามันก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับกันใยแมงมุมกลับมีขนาดใหญ่ขึ้น
เอ๊ะ?!เจ้าไม่ได้บอกว่ามันแพ้ไฟงั้นรึ? ดูเหมือนไม่ได้เป็นแบบนั้น เจ้ากล้าโกหกข้าในเวลาเช่นนี้?….พวกเราจะทำยังไงดีมันเข้ามาใกล้พวกเราแล้ว! ปิงหยางพูดด้วยความตกใจ
ใจเย็นก่อน! ฟางเจิ้งจือพยายามปลอบปิงหยาง
ฮ่าฮ่าฮ่า…เมิ่งเทียนไม่ต้องคิดจะเสียเวลาใยแมงมุมของข้าไม่กลัวไฟหรือน้ำ เจ้าต้องมอบพลังทั้งหมดให้กับข้า! โจวฉีหัวเราะ
เจ้ามันไร้เดียงสาจริงๆยังกล้าหัวเราะออกมาในเวลาเช่นนี้! ฟางเจิ้งจือเหยียดยิ้มภายใต้หน้ากากสีดำ
เจ้าหมายความว่ายังไง? รอยยิ้มของโจวฉีแข็งค้าง
ถ้าเจ้าตายเจ้าจะเอาพลังจากข้าไปได้ยังไง? ขณะที่พูด ฟางเจิ้งจือเอามือไปวางไว้ที่ไหล่ของปิงหยาง ขณะที่อีกมือจับดาบแน่น
เจ้าพยายามจะฆ่าข้าทั้งๆที่อยู่ใน’ตาข่ายสวรรค์’งั้นรึ?ไม่มีทาง! โจวฉีรู้ว่าฟางเจิ้งจือหมายความว่ายังไง
อย่างไรก็ตามเขาตกตะลึงว่าฟางเจิ้งจือไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน?
เจ้าคงกำลังสงสัยอยู่สินะ? ฟางเจิ้งจือชูดาบขึ้น เจ้า..
ฉึก!
ก่อนที่โจวฉีจะพูดอะไรเขาได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นเขาก็หันไปมองที่แขนข้างหนึ่งของเขา
ดาบที่ฟางเจิ้งจือถืออยู่ปรากฎขึ้นบนแขนข้างหนึ่งของเขาอย่างฉับพลัน
ควบคุมพื้นที่ว่างงั้นรึ?! ดวงตาของโจวฉีเบิกกว้าง เขาไม่รู้ว่าเมิ่งเทียนทำแบบนี้ได้ยังไง แต่เขารู้ว่าวิธีเดียวที่จะทำแบบนี้ได้คือส่งดาบให้เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่อันว่างเปล่าในมิติอื่น
ผิด! ดาบอีกเล่มปรากฎขึ้นในมือของฟางเจิ้งจือ
…?!
ชื่อที่ถูกต้องคือการผสานอาชูร่า! หลังจากที่พูดจบ สัญลักษณ์ของเต๋าแห่งการจุติในดวงตาของฟางเจิ้งจือก็กระจ่างใสขึ้น
ผสานอาชูร่า?! ใบหน้าของโจวฉีซีดขาว ใช่ข้าเรียกมันว่าการผสานอาชูร่า! ฟางเจิ้งจือพยักหน้าและโยนดาบไปที่ใยแมงมุมเหนือหัวของเขา
แสงสีแดงเปล่งประกายออกมาจากใบดาบราวกับพร้อมจะฉีกกระชากทุกอย่างที่อยู่รอบๆ
เต๋าอาชูร่า!
แต่มันไม่ใช่เต๋าอาชูร่าทั่วไป!
มันเป็นเต๋าอาชูร่าที่ประกอบไปด้วยวิธีการโจมตีมากกว่าห้ารูปแบบ
อะไรคือผลลัพธ์ของการผสานรูปแบบการโจมตีที่แตกต่างกันห้ารูปแบบเข้ากับเต๋าอาชูร่าเต๋าที่ทรงพลังที่สุดในเต๋าแห่งการจุติ?
ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่นคือคำตอบ
หลังจากที่แสงดาบปะทะเข้ากับใยแมงมุมสีแดงมันหายไปและถูกดูดซับจากใยแมงมุมเหมือนการโจมตีของปิงหยางก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามมันต่างกันตรงที่…
รอยขาดปรากฎขึ้นบนใยแมงมุม!
มันขาดออกจากกันราวกับถูกฟาดฟันด้วยดาบ!
เป็นไปได้ยังไง?! โจวฉีไม่สามารถเชื่อสายตาของตัวเองได้ เขาไม่เข้าใจว่าตาข่ายสวรรค์ของเขาขาดได้ยังไง
แม้ว่าตาข่ายสวรรค์ของเจ้าจะไม่แพ้การโจมตีจากทั้งน้ำและไฟรวมถึงสามารถดูดซับพลังได้ทุกรูปแบบแต่มันก็เป็นเพียงตาข่าย ทุกตาข่ายต่างมีข้อจำกัดและสามารถขาดได้ เงื่อนไขคือการโจมตีของข้าต้องรุนแรงและแหลมคมพอ! ฟางเจิ้งจือสะบัดดาบในมือ
รุนแรงและแหลมคมพอ?! ใบหน้าของโจวฉีซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ แม้เขาจะเข้าใจสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด แต่เขาก็ยังตกตะลึงอยู่ดี
ปิงหยางเองก็อ้าปากค้าง
นางรู้ว่าฟางเจิ้งจือนั้นแข็งแกร่งแต่นางไม่คิดว่าจะถึงระดับนี้ ยิ่งกว่านั้นก่อนหน้านี้ฟางเจิ้งจือยังบอกกับนางว่า ข้าไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ พวกเขาเป็นตัวตนระดับเทพเจ้า อสูรและปีศาจจากยุคโบราณ…
ถุ้ย!ปิงหยางอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าฟางเจิ้งจือ เขากล้าพูดได้ยังไงว่าไม่สามารถเอาชนะได้ เห็นชัดๆว่าเขาก็แค่ขี้เกียจต่อสู้
กลัวความตาย?ไม่อยากสู้?
ฟางเจิ้งจือไม่รู้ว่าปิงหยางคิดเช่นไรแต่เขาอาจจะหวาดกลัวความตายเลยไม่อยากต่อสู้จริงๆก็ได้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือเขาไม่กล้าใช้เต๋าแห่งการจุติทั้งห้าพร้อมๆกัน
เพราะมันหมายถึงการที่ตัวตนของเขาจะเปิดเผยและหมู่บ้านภูเขาทางเหนือจะตกอยู่ในอันตราย
เต๋าสวรรค์การส่งวัตถุผ่านพื้นที่ว่างในมิติอื่น…เต๋าอาชูร่า เต๋าชีวิต เต๋าแห่งการจุติทั้งห้า?! เจ้า…เจ้าไม่ใช่เมิ่งเทียน! ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังกดดันโจวฉี ดวงตาของโจวฉีก็เบิกกว้าง เขามองฟางเจิ้งจือด้วยความตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ข้าคือเมิ่งเทียนจริงๆส่วนเรื่องพวกนั้น…
ไม่เจ้าคือฟางเจิ้งจือ! เทพปีศาจผู้ควบคุมพื้นที่ว่างตายด้วยน้ำมือของเจ้า เจ้าเห็นวิธีที่เขาใช้ ทำให้เจ้าสามารถผสานเต๋าสวรรค์แล้วใช้มันได้เช่นกัน นอกจากนี้ไม่มีใครบนโลกนี้ที่เชี่ยวชาญเต๋าแห่งการจุติถึงห้าชนิด มันไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ เจ้าต้องค้นพบเต๋าที่ห้าแล้วแน่นอน เจ้าสามารถมองเห็นอีกโลกหนึ่งได้…เต๋าวิญญาน! ดวงตาของโจวฉีกลายเป็นสีแดงหลังจากพูดประโยคสุดท้ายจบ
มันอาจไม่ใช่เรื่องดีที่เจ้าฉลาดเกินไป! ฟางเจิ้งจือหรี่ตาลง สัญลักษณ์ของเต๋าแห่งการจุติทั้งห้าในดวงตาของเขาหมุนวนเร็วขึ้น
งั้นเจ้าก็คือฟางเจิ้งจือจริงๆข้าไม่คาดคิดมาก่อน ข้าไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนจริงๆ…ตายซะ! ขณะที่โจวฉีพูด มือขวาของเขาก็พุ่งใส่ฟางเจิ้งจือในทันที
ในพริบตาโลกทั้งใบราวกับกลายเป็นสถานที่แห่งความตาย มันน่ากลัวและรู้สึกราวกับโลกที่ไร้อากาศหายใจ
ท่าทีของฟางเจิ้งจือเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นั่นเพราะเขารู้สึกว่าร่างของปิงหยางถูกฉีกออกด้วยพลังอันรุนแรงอุณหภูมิร่างกายของนางลดลงอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกว่าคลื่นสีเทาไหลผ่านดวงตาของเขามันบางเบาแต่ก็ทรงพลัง
เมื่อกี้นี้คืออะไรกัน?! ฟางเจิ้งจือยกดาบและโจมตีคลื่นสีเทาโดยสัญชาตญาน
แกร้ง!
ดาบในมือของฟางเจิ้งจือแตกออกเป็นเสี่ยงๆคลื่นสีเทายังคงเคลื่อนตัวไปด้านหลังของเขา
ปิงหยาง!
มันเคลื่อนที่ไปหาปิงหยาง!
ไม่!! ร่างกายของฟางเจิ้งจือสั่นไหว เขาเหยียดแขนซ้ายออกไปเกราะสีดำที่ลุกท่วมด้วยเปลวไฟปรากฎขึ้นบนมือซ้าย แกร้ง!เสียงแตกดังขึ้นอีกครั้ง
มันตัดผ่านเกราะสีดำของฟางเจิ้งจือก่อนที่มันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที
จากนั้นเลือดสีเทาก็ไหลออกมา
มีบางสิ่งที่โปร่งแสงและเบาบางณ จุดที่เลือดไหลออกมา มันดูเหมือนมีดหรือไม่ก็ดาบ เขาไม่แน่ใจแต่เขาสามารถสัมผัสพลังแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัวได้
เจ้าไร้ยางอายเจ้าเป็นอะไรไหม?! ปิงหยางสัมผัสมือของฟางเจิ้งจือโดยสัญชาตญานเมื่อเห็นเลือดสีเทาไหลออกมา
อย่าแตะต้องมัน! ฟางเจิ้งจือตะโกนออกมาทันที ในเวลาเดียวกันพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาและปกคลุมร่างของปิงหยางเอาไว้
จากนั้นเขาก็มองลงไปด้านล่าง
เพราะหลังจากที่โจวฉีโยนบางอย่างใส่เขาโจวฉีก็ตรงดิ่งลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
หลังจากยืนยันตัวตนของฟางเจิ้งจือได้โจวฉีได้ตัดสินใจเรื่องหนึ่ง…
การที่เขาพูดว่า’ตายซะ!’
เป้าหมายของเขาคือปิงหยาง!
โจวฉี!! ฟางเจิ้งจือตะโกน เขาบินลงไปตามไปทันที ลมพายุอันรุนแรงก่อตัว เขาเร็วมาก
ยังไม่ตายอีกงั้นรึ?! โจวฉีตกใจมาก
ท้ายที่สุดแล้ว’ดาบแห่งความตาย’ ที่เขาโยนใส่ฟางเจิ้งจือเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดของเขา ตัวตนระดับเทพเจ้ามากมายตายลงภายใต้ดาบเล่มนี้
แต่ตอนนี้ฟางเจิ้งจือกลับป้องกันมันได้?เขาจะไม่ตกใจได้ยังไง?
โจวฉี!
ฟางเจิ้งจือไว้ชีวิตข้าแล้วข้าจะมอบสามสิบหกแผนที่สู่สวรรค์ให้แก่เจ้า! โจวฉีมองฟางเจิ้งจือที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความหวาดหวั่น
ไม่มีทาง! ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะให้โอกาสโจวฉีกอีก
ไม่ว่าจะเป็นแผนที่สู่สวรรค์หรือศาลาเซียนไม่สามารถเทียบกับความเกลียดชังที่โจวฉีทำร้ายปิงหยางได้!
การที่โจวฉีทำร้ายปิงหยาง
นั่นหมายความว่าเขาได้ก้าวเท้าเข้าไปในประตูแห่งความตายแล้ว
ม่าย!!!! โจวฉีตะโกน คลื่นสีเทาแผ่ออกมาอีกครั้ง แต่แทนที่จะเป็นใยแมงมุมมันกลับเป็นสัตว์ยักษ์ที่ดูดุร้าย
โฮก!สัตว์ร้ายที่มีรูปร่างเหมือนสิงโตสีเทา มันพุ่งเข้าหาฟางเจิ้งจือและปิงหยางพร้อมกับบรรยากาศแห่งความตาย
ฟุ้บ!ดาบยาวปรากฎขึ้นบนมือของฟางเจิ้งจือ เขาเหวี่ยงมันไปที่ด้านหลังของโจวฉีอย่างรุนแรง
คลื่นสีเทาเคลื่อนตัวมาปกป้องโจวฉีอย่างรวดเร็ว
ดาบของฟางเจิ้งจือกลายเป็นสีแดงในพริบตามันฉีกร่างของสิงโตสีเทาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็ว
แกร้ง!คลื่นแสงเทาโจมตีใส่หลังคอของโจวี แม้เขาจะไม่เป็นไรแต่แรงกระแทกทำให้ร่างเขาไถลไปด้านหน้า
ดาบแห่งความตาย?!เจ้า..เจ้ากล้าดียังไงถึงใช้มันสู้กับข้า?! โจวฉีรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริงจากส่วนลึกของหัวใจ เมื่อเขาแตะไปที่ใบดาบที่โจมตีใส่หลังคอของเขา ดวงตาของเขากลายเป็นสีเทาหม่นทันที
ไปตายซะ! ฟางเจิ้งจือไม่คิดจะตอบ เขาพุ่งตัวไปด้านหน้าของโจวฉีและกระแทกดาบเข้าไปที่รอยแผลเป็นรูปกากบาทบนหน้าผากของโจวฉี
……………………………………..
……………………………………..