Gate of God - ตอนที่ 995 ความหวังที่พังทลาย
ตอนที่ 995 ความหวังที่พังทลาย
ยิ่งไปกว่านั้นปิงหยางไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหน
ฟางเจิ้งจือก็กำลังจะตายถ้าเขาไม่ได้รับการรักษาเร็วๆนี้ ไม่มีใครรรู้ว่าอาการของเขาจะเป็นอย่างไร
ปิงหยางไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
ไม่ใช่ว่านางโง่แต่นางหาวิธีช่วยชีวิตฟางเจิ้งจือในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ
อย่างไรก็ตามนางนึกออกทันทีว่าเสียงนั่นไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากผู้นำหุบเขาฟู่ซี่โม่ฉานฉือ
ท่านโม่ตอนนี้เมิ่งเทียนกำลังจะ…
หนี!เร็วเข้า! โม่ฉานฉือยิ่งกังวลมากกว่าเดิมเมื่อเห็นปิงหยางยืนนิ่งอยู่กับที่ อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป
ตอนที่โม่ฉานฉือกำลังตะโกนร่างหนึ่งพุ่งเข้าไปหาฟางเจิ้งจือด้วยความเร็วอันน่าหวาดหวั่น เขาขวางทางปิงหยางเอาไว้
หนี?ฮ่าฮ่า…เจ้าจะหนีไปไหนได้?
เป็นชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีทองพร้อมกับหมวกสีทองที่ทำขึ้นจากหยก
ต้องบอกว่าเป็นชายหนุ่มที่งดงามมาก
ทำไมเขาถึง’งดงาม’นั่นเป็นเพราะของแสดงออกถึงความงดงามแบบผู้หญิง ทั้งรูปร่าง ใบหน้าที่ได้รูป สิ่งเดียวที่แปลกคือผมของเขาเป็นสีขาวยาวจนไปถึงหน้าอก
เจ้า… ปิงหยางมองไปที่ชายคนนั้นและโม่ฉานฉือที่ปลอมตัวเป็นเมิ่งเทียน
นางได้สติในทันที
นั่นเพราะมีร่างแปลกๆจำนวนหนึ่งอยู่รอบๆโม่ฉานฉือเป็นเมิ่งเทียนที่ไม่เหมือนมนุษย์ปกติ
พวกเขาทั้งน่าขนลุกและเย็นชา
ปิงหยางสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความแตกต่างบนร่างเหล่านั้น ตัวตนระดับเทพเจ้า!
พลังอันแข็งแกร่ง
ร่างของปิงหยางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมโม่ฉานฉือถึงบอกให้นางวิ่ง
ดูเหมือนคนอื่นจะเข้าไปก่อนพวกเรา เสียงเบาๆดังขึ้น
จากนั้นร่างหนึ่งก็กระโดดลงมาจากสัตว์ขี่สีทองและเดินมาด้านหน้าของทุกคน
ด้านหลังของนางคือชายสวมชุดดำพร้อมกับใบหน้าที่เย็นชา
หยุนชิงวู! ปิงหยางจำนางได้ดี
นายน้อย!
จักรพรรดินีน้อย!
…
หลังจากร่างที่ล้อมรอบโม่ฉานฉือและคนที่ขวางปิงหยางเอาไว้ทักทายหยุนชิงวูในทันที
เป็นหยุนชิงวู! ตัวตนระดับเทพเจ้าอีกคน?!หกคน…ตัวตนระดับเทพเจ้าหกคน!
สีหน้าของเหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆโม่ฉานฉือเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นหยุนชิงวูและหลินยู่เดินออกมา
แค่เพียงตัวตนระดับเทพเจ้าถึงห้าคนพวกเขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแล้วอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คาดคิดว่าหยุนชิงวูจะมาพร้อมกับตัวตนระดับเทพเจ้าอีกคน
ใบหน้าของโม่ฉานฉือกลายเป็นน่าเกลียดทันที
เขารู้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เต๋าฮุนบีบบังคับให้เขาเฝ้าอยู่ด้านนอก
อย่างไรก็ตามเขาไม่คาดคิดว่าเผ่าอสูรและเผ่าปีศาจจะมาถึงเร็วขนาดนี้ยิ่งกว่านั้นตัวตนระดับเทพเจ้ายังมาถึงหกคนในคราเดียว
นับรวมกับเทพปีศาจที่เฝ้าอยู่ในศาลาเต๋าสวรรค์ตั้งแต่ต้นก็รวมเป็นเจ็ดคน
เจ็ดคน! แทบจะเป็นจำนวนทั้งหมดของตัวตนระดับเทพเจ้าที่มีอยู่ตอนนี้
มันแสดงให้เห็นว่าหยุนชิงวูคิดจะใช้โอกาสนี้ในการล้างบางประชากรมนุษย์ทั้งหมด!
ทำไมนางถึงมาเร็วขนาดนี้?จากข่าวที่ข้าได้นางน่าจะมาถึงตอนเที่ยงหรือไม่ก็พรุ่งนี้ตอนเช้า! โม่ฉานฉือปฏิเสธที่จะยอมรับความจริงตรงหน้า
ในแผนการของเขาหยุนชิงวูควรมาถึงในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า
สองชั่วโมง…
มันเพียงพอให้กลุ่มพันธมิตรของมนุษย์บรรลุเป้าหมายหลายอย่าง
แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ต่อให้เขาพยายามป้องกันจะถ่วงเวลาได้มากแค่ไหนเชียว
ยิงไปกว่านั้นเทพสงครามเมิ่งเทียนความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติยังได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง! โม่ฉานฉือรู้สึกว่าเรื่องบังเอิญเหล่านี้เกิดขึ้นกระทันหันมากเกินไปแผนการทั้งหมดพลันกลายเป็นยุ่งเหยิง
กองทัพฟู่ซี่ทั้งหมดจงฟังข้า!สู้ พวกเรายอมเอาความตายเข้าแลกเพื่อเปิดทางให้ผู้อาวุโสเมิ่งเทียน! โม่ฉานฉือไม่คิดอะไรอีกต่อไป
นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาได้บอกเขาว่าไม่มีความหวังสำหรับมนุษย์อีกต่อไป
ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือ’เสียสละ’ เพื่อแสงแห่งความหวังสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์
เขาต้องช่วยเมิ่งเทียนต่อให้ทุกคนในกลุ่มพันธมิตรสวรรค์ต้องตาย เขาต้องทำให้มั่นใจว่าเมิ่งเทียนจะสามารถหลบหนีไปได้
รับทราบ! ทุกคนรับคำสั่งของโม่ฉานฉือ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่เช่นเดียวกับโม่ฉานฉือ ทุกคนกลัวความตาย!
อย่างไรก็ตามแม้แต่คนที่ขี้ขลาดที่กลัวยังต้องการทำบางอย่างให้สำเร็จ
มันรวมไปถึงมิตรภาพความรัก ความอยู่รอดของมนุษยชาติ พวกเขาไม่สามารถหนีความจริงเหล่านี้ไปได้
โจมตี!
ตาย!
แม้พลังของพวกเขาทั้งหมดจะสู้กับตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งหกไม่ได้กองทัพฟู่ซี่ก็ไม่ถอย
เหล่าศิษย์หุบเขาฟู่ซี่เริ่มโจมตีก่อน
นี่เป็นสงครามที่ไม่อนุญาติพวกเขาถอยหนีสงครามที่ต้องจบด้วยการนองเลือด
บางครั้งมนุษย์ก็โง่มาก หนึ่งในร่างที่ยืนอยู่กล่าวขึ้นเมื่อเห็นศิษยจำนวนหนึ่งพุ่งตรงมาทางเขา
เขามีประสบการณ์ในสงครามโบราณเขาเคยเห็นเหตุการณ์นองเลือดและเคยฆ่าผู้คนมามากมาย
ดังนั้นกลุ่มคนตรงหน้าอีกสักร้อยสองร้อยคนจะมีความหมายอะไร?
พวกเขาไม่ได้โง่พวกเขาเพียงละเลยความจริงไป
พลังของพวกเราจะบอกพวกเขาเองต่อให้ตายไปแล้วความกลัวก็จะยังฝังลึกอยู่ในจิตใจของพวกมัน
จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ก่อนฆ่าพวกมันด้วยงั้นรึ?รีบทำให้มันจบเร็วๆได้ไหม? ต่อให้พวกเจ้าพูดไปพวกมันก็ไม่เข้าใจหรอก
ตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามล้วนมีบุคคลิกที่แตกต่างกัน
ฉั้วะ!
ฉึก!ฉั้วะ!
สายลมอ่อนๆพัดผ่านบางคนมีใบหน้าที่สดใส บางคนไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามด้านหน้าพวกเขามนุษย์จำนวนมากได้ล้มตายเศษเนื้อกระเด็นไปทั่ว มันเป็นฉากที่โหดร้าย…
ด้านชายชุดขาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าปิงหยางเขาเพียงมองร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของปิงหยางด้วยความเงียบสงบ
นี่คือเทพสงครามเมิ่งเทียนงั้นหรือ? ชายตรงหน้ากล่าวพร้อมเดินเข้าไปหาปิงหยางช้าๆ
ไม่ใช่! ปิงหยางยืนกราน
่ฮ่าฮ่าแต่ข้าได้ยินที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้? ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะออกมาเผยให้เห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง
นั่นมันก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว อย่าเข้ามาใกล้นะ! ข้าเทพสงครามเมิ่งจะฆ่าเจ้าทิ้งแน่นอน! ปิงหยางพูดพร้อมก้าวถอยหลัง
เจ้าเนี่ยนะเทพสงคราม? ฮ่าฮ่า ชายหนุ่มหัวเราะอีกครั้ง
ใช่แล้วข้าสามารถจัดการเจ้าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว! ปิงหยางพยักหน้าและแอบเอามือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง
โอ้?ดูเหมือนเจ้าจะเก่งกาจมาก ฆ่าข้าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว? ชายหนุ่มตรงหน้าดูไม่รีบร้อนเท่าไรนัก
เห็นแบบนี้หลินยู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างหยุนชิงวูขมวดคิ้วมองด้วยดวงตาอันเย็นชา
ฉินเซียนจบการต่อสู้เดี๋ยวนี้!
หลินยู่เจ้ายังทำตัวเหมือนครั้งอดีตเสมอ พวกปีศาจเลยไม่ชอบเจ้าไง เจ้ารู้ไหมข้าใช้เวลาเดินทางมาที่นี่นานแค่ไหน? ไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าคิดจริงๆงั้นรึว่านางจะสามารถหนีไปได้? ฉินเซียนผู้สวมชุดสีขาวดูไม่พอใจเท่าไรนัก
เจ้า… หลินยู่ต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถพูดออกไปได้เพราะสถานะของปีศาจและอสูรด้านหน้าเขา
พูดตรงๆคือไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุมตัวตนระดับเทพเจ้าเพราะแต่ละคนล้วนมีบุคคลิกที่แตกต่างกันมีแต่หยุนชิงวูที่สามารถรวบรวมพวกเขาไว้ด้วยกันได้
อย่างไรก็ตาแม้แต่นางก็ไม่สามารถออกคำสั่งให้พวกเขาทำตามได้ทั้งหมดมันต้องใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมาก
นั่นเป็นเหตุผลที่หยุนชิงวูค่อยๆวางแผนทุกอย่างช้าๆ
หากไม่ใช่เพราะข่าวเรื่อง’แหล่งพลังเทพเจ้า’ที่แพร่กระจายไปทั่วอย่างกระทันหันนางคงไม่ออกมาจากหนองน้ำยักษ์และเรียกรวมตัว เหล่าตัวตนเทพเจ้ามากมายขนาดนี้
เหตุผลนั้นง่ายๆ…
ทั้งปีศาจและอสูรยังมีความต้องการฆ่าไม่เพียงพอ
โจวฉีนั้นเป็นข้อยกเว้นเขานั้นชอบการเข่นฆ่าเป็นพิเศษ ไม่รู้มีผู้ที่ตายในเงื้อมมือของเขามาแล้วกี่คน
ในทำนองเดียวกันก็มีผู้ที่ไม่ชื่นชอบการเข่นฆ่า
ฉินเซียน! เขาเป็นหนึ่งในนั้น
ตูม!ทันใดนั้นเสียงระเบิดจากสายฟ้าดังขึ้น ร่างหนึ่งวิ่งมาถึงด้านหน้าของปิงหยางทันที
มันเป็นการโจมตีด้วยสายฟ้าสีม่วง
ค้อนยักษ์ดังกึกก้องพุ่งเข้าไปหาหัวของฉินเซียน
โม่ฉานฉือตัดสินใจเข้าโจมตี
ที่น่าแปลกคือตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสี่คนไม่มีใครสนใจโม่ฉานฉือพวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการเข่นฆ่ามนุษย์
ฉินเซียนเงยหน้าขึ้นมองค้อนยักษ์ที่พุ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็เอนตัวไปด้านหน้าด้วยท่าทีอันงดงาม
เวลาดูเหมือนจะหยุดลง
เขาเอนตัวลงเรื่อยๆมันช้ามากจนคนที่อยู่รอบๆเห็นทุกท่วงท่าของเขาอย่างชัดเจน ที่แปลกกว่านั้นคือโม่ฉานฉือก็ดูเหมือนจะช้าลงเช่นกัน
ท่านโม่! ราวกับโม่ฉานฉือต้องใช้เวลาชั่วนิรันด์ในการโจมตี ปิงหยางมองดูด้วยความกังวลและตกใจ
ถ้าฉินเซียนยังเอนตัวไปด้านหน้าเรื่อยๆหัวของเขาต้องโดนกับค้อนของโม่ฉานฉือแน่นอนอย่างไรก็ตามเขากลับหลบมันไปได้อย่างง่ายดาย
ปิงหยางไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
นางเห็นโม่ฉานฉือพยายามอย่างหนักเพื่อจะโจมตีแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างร่างของเขากลับเคลื่อนที่ช้ามาก
นางแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้นการแสดงออกในดวงตาของโม่ฉานฉือเผยให้เห็นถึงความหงุดหงิด
ราวกับโม่ฉานฉือนั้นอยู่ในอีกมิติหนึ่งที่เวลาเดินไม่เท่ากัน
ด้านฉินเซียนหลังจากหลบค้อนของโม่ฉานฉืออย่างง่ายดายเขาก็เอนตัวกลับเหมือนเดิมพร้อมกับดอกไม้ป่าที่เหี่ยวเฉาในมือมันเหมือนกับดอกไม้ทั่วๆไปที่ใกล้ตายในช่วงฤดูหนาว
ดอกไม้ผลิบานขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ปิงหยางกำลังสับสน เสียงหนึ่งดังขึ้น
……………………………………..