Gate of God - ตอนที่ 999 จมโคลน
ตอนที่ 999 จมโคลน
เจ้าคงไม่รู้จนกว่าจะได้ลองใช่ไหม? หยุนชิงวูกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย
พลังของฟางเจิ้งจือนั้นแปลกเกินไปเขามีพลังมากกว่าฉินเซียนด้วยซ้ำ
สำหรับหยุนชิงวู…
ผลลัพธ์ดังกล่าวเกินความคาดหมายของนางไปมากนัก
หืมงั้นก็ลองดู อย่างไรก็ตามเจ้ามั่นใจงั้นรึว่ามีตัวตนเทพคุ้มกันเจ้าน้อยลงแล้วจะปลอดภัย? ฟางเจิ้งจือเหยียดยิ้ม
มั่นใจงั้นหรือว่าจะปลอดภัย…
ตัวตนเทพเจ้าน้อยลง
หยุนชิงวู…ใช่แล้วหยุนชิงวู!
สายตาของเซียนรอบๆเปล่งประกายเมื่อได้ยินเรื่องนี้
อย่างที่ฟางเจิ้งจือพูดเมื่อสองคนเข้าร่วมต่อสู้กับฟางเจิ้งจือนั่นหมายความว่าจะมีตัวตนระดับเทพเจ้าเพียงสองคนรวมกับหลินยู่ที่ทำหน้าที่ปกป้องหยุนชิงวู
นางน่าจะรู้ว่ามีคนมากกว่าสองพันคนต่อให้จะเข้าไปด้านในปราสาทสีดำแล้วก็เหลืออยู่ด้านนอกประมาณห้าร้อยคน
ห้าร้อยคนจากฝ่ายมนุษย์!
มันไม่ได้เป็นจำนวนที่มากนักเมื่อเทียบกับความทรงพลังของตัวตนระดับเทพเจ้า
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่กับหยุนชิงวู
ไม่ว่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์คนไหนก็สามารถฆ่าหยุนชิงวูได้
สู้!
สู้เพื่อมนุษยชาติ!
ฆ่าหยุนชิงวู!
หลังจากได้สติมนุษย์ห้าร้อยคนที่มีทั้งเหล่าศิษย์ เซียนและผู้นำสำนักเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสัตว์ป่า แม้จะมีตัวตนระดับเทพเจ้าสามคนต่อหน้าพวกเขาก็ไม่กลัว
นั่นเป็นเพราะตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าใกล้หยุนชิงวูได้มันคุ้มที่จะเสี่ยง
พยายามจะเข้าใกล้นายน้อยงั้นรึด้วยจำนวนแค่ห้าร้อยคน? ท่าทีของหลินยู่เปลี่ยนไป เขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของฟางเจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามแค่ห้าร้อยคนจะทำอะไรได้
หลินยู่คิดว่าไม่มีทาง
ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกมนุษย์ตรงหน้าแต่เพราะเขามั่นใจในตัวเอง
อย่างไรก็ตามประโยคง่ายๆที่เมิ่งเทียนพูดออกมากลับเหมือนเป็นการโยนไฟลงในน้ำมัน
เมิ่งเทียน?!
เขาคือเมิ่งเทียนจริงๆงั้นหรือ?
เขาไม่มีเวลาคิดมากนากเพราะมนุษย์จำนวนมากกำลังพุ่งมาทางเขา ตาย!
หลินยู่ยืนอยู่ด้านหน้าของหยุนชิงวูเขาหยิบหอกออกมา ปกป้องนายน้อย ฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด!
เข้าใจแล้วพวกมันก็แค่มนุษย์ชั้นต่ำ! ตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสองคนรับคำสั่งทันที
พวกเขาทั้งสามคนยืนล้อมรอบหยุนชิงวูเป็นรูปสามเหลี่ยม
…?! ศิษย์ฝ่ายมนุษย์ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นการป้องกันของตัวตนระดับเทพเจ้า มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฝ่าเข้าไป
โจมตีจากระยะไกล! เสียงของฟางเจิ้งจือดังขึ้น
โจมตีจากระยะไกล!ใช่แล้วพวกเราสามารถโจมตีจากระยะไกลได้ แค่ไม่เข้าใกล้พวกนั้นเกินไปเท่านั้น!
ถูกต้องแล้ว!
ศิษย์ฝ่ายมนุษย์เข้าใจสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูดในทันที ลำแสงมากมายพุ่งผ่านท้องฟ้าดาบบางเล่มลอยเข้าไปหาหยุนชิงวูด้วยความเร็วที่น่ากลัว
มันเป็นการต่อสู้อันดุเดือด
แต่มันเหมือนเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย
พันธมิตรฝ่ายมนุษยไม่กล้าเข้าใกล้ตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามตัวตนระดับเทพเจ้าเองก็ไม่กล้าแยกตัวออกไปจากจุดเดิม
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ฝ่ายมนุษย์ยังมีโอกาสได้พัก พวกเขาไม่ต้องเสียสละตัวเองมากนักเหมือนก่อนหน้านี้และสามารถคงความได้เปรียบของการต่อสู้ไว้ได้
หา?เรื่องบัดซบอะไรกัน! ฟางเจิ้งจือสบถออกมาเมื่อเห็นการโจมตีอย่างเป็นระเบียบของฝ่ายมนุษย์
พวกเขาผลัดเปลี่ยนโจมตีสลับกับพักฟื้นพลังอย่างเป็นระบบอย่างไรก็ตามมันไม่เหมาะสมกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องการความวุ่นวาย!
มีแค่เพียงความวุ่นวายเท่านั้นที่สามารถคว้าโอกาสในการสังหารหยุนชิงวู!
แต่ฝ่ายมนุษย์กลับเลือกที่จะถ่วงเวลา?เขาไม่รู้ว่าฝ่ายมนุษย์หรือตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสามจะทนได้มากกว่ากัน อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่เมืองกองทัพเสริมของหยุนชิงวูมาถึงพวกมันสามารถกำจัดกลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามโชคดีที่ปิงหยางเข้าใจในสิ่งที่ฟางเจิ้งจือต้องการนางคิดได้และเข้าร่วมการต่อสู้ทันที
ขณะที่ปิงหยางวิ่งออกไปเทพอสูรมู่ซิงได้เคลื่อนไหว
เป้าหมายของเขาไม่ใช่ฟางเจิ้งจือ
แต่เป็นปิงหยาง!
อย่างไรก็ตามก่อนที่มู่ซิงจะได้ก้าวเท้าออกไปกลับมีคนมาขวางเขาออกไปพร้อมกับดาบที่จ่ออยู่ที่คอของเขา
ลองวิ่งออกไปดูสิ! ฟางเจิ้งจือเหยียดยิ้มพร้อมกับถือดาบอย่างมั่นคง
่ฮ่าฮ่า…น่าสนใจมาก! มู่ฉิงยิ้มเช่นกัน
จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหว
ที่ลำคอของเขาวงแหวนไฟสีน้ำเงินปรากฎขึ้น จากนั้นลายเสือสีน้ำเงินก็ปรากฎขึ้นบนร่างของเขา
โฮก!เสียงร้องคำรามของเสือดังขึ้น
จากนั้นมู่ซิงก็ต่อยไปที่หน้าของฟางเจิ้งจือโดยไม่สนใจดาบที่จ่ออยู่ที่ลำคอแม้แต่น้อย
ด้านเทพปีศาจหลี่ซาก็เริ่มโจมตีเช่นกัน
เทียบกับมู่ซิงแล้วนั้นหลี่ซามีความเจ้าเล่ห์มากกว่านัก เขาเคลื่อนไหวไปด้านซ้ายของฟางเจิ้งจือ จากนั้นก็ใช้นิ้วแตะไปที่หัวของฟางเจิ้งจือ
มันดูเป็นการโจมตีที่ธรรมดามาก อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือไม่คิดเช่นนั้น
นั่นเป็นเพราะทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างพันเข้าที่ขาของเขาและดึงเขาลงอย่างรุนแรง
ราวกับเขาถูกโคลนดูด
เป็นครั้งแรกที่ฟางเจิ้งจือสู้กับตัวตนระดับเทพเจ้าพร้อมกันสองคนมันถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับเขามาก
ฟางเจิ้งจือคิดอยู่อย่างหนึ่งคือ’เมื่อข้ายืมเต๋าจากเจ้ามา ข้าก็จะคืนเต๋าให้กับเจ้าหลังจากที่ใช้มันเสร็จ’
ทันใดนั้นร่างของฟางเจิ้งจือถูกดึงลงไปใน’โคลน’
หืม? หลี่ซามองฟางเจิ้งจือที่กำลังจะตายเพราะถูกดูดลงไปในโคลนด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
เมิ่งเทียนอ่อนแอขนาดนี้?
เขาคงไม่จมโคลนตายหรอกใช่ไหม?
อย่างไรก็ตามหลี่ซาไม่ได้สังเกตุเห็นเลยว่าฟางเจิ้งจือไม่ได้พยายยามดิ้นรนแม้แต่น้อย
ขณะที่เขากำลังประหลาดใจเสียงของมู่ซิงก็ดังขึ้น
ระวัง!
ระวัง?!โอ้…ไม่! หลี่ซาเตรียมจะถอยออกไปตามสัญชาตญาน แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกดมาที่หัวของเขา
จากนั้นหัวของหลี่ซาก็ถูกกดลงบนพื้นด้วยแขนที่แข็งแกร่งราวกับโลหะเขาไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีขาเตะมาที่ก้นของเขา!
อั้ก!ทั้งดวงตา ปาก จมูกของหลี่ซาเต็มไปด้วยโคลนสีดำ เขารู้สึกอึดอัดราวกับจะหายใจไม่ออก
เป็นไปได้ยังไง?!
เมิ่งเทียนทำให้วิชาที่เขาใช้มีผลกับตัวเขาเองได้ยังไง?!
หลี่ซาไม่คิดว่าจะถูกโคลนสีดำที่เป็นวิชาของตัวเองดูดเข้าไปเขาเลยไม่ได้ต่อต้านมากนัก อย่างไรก็ตามเขากลับคิดผิด
อย่างที่ฟางเจิ้งจือพูดเขาได้คืนเต๋าให้กับหลี่ซาแล้ว!
หลังจากเตะก้นหลี่ซาฟางเจิ้งจือพบว่าหลี่ซาอยู่ในท่าทางที่ยอดเยี่ยมมาก!
เขาถอนหายใจเล็กน้อยและไม่ลืมจะใช้ดาบในการโจมตีอย่างไรก็ตามดาบของเขากลับโจมตีใส่ตำแหน่งที่ดูน่าอับอายเล็กน้อย
ฉึก!ดาบถูกเสียบเข้าไปในก้นของหลี่ซา มันเข้าไปลึกมากจนเหลือแค่ด้ามจับ
…
…
ดวงตาของหลี่ซาเป็นสีแดงก่ำร่างของเขาสั่นสะท้าน
โอ้ขอโทษด้วยพอดีข้าพลั้งมือไปหน่อย ฟางเจิ้งจือคิดว่าเขาควรพูดอะไรบางอย่างออกมา
อย่างไรก็ตามคำอธิบายนี้แทบทำให้หลี่ซาอยากฆ่าตัวตาย นอกจากหลี่ซาแล้วมู่ซิงที่อยู่ตรงหน้าถึงกับเหงื่อตก เขาเห็นดาบที่แทงทะลุก้นของหลี่ซา
เจ้า…เจ้ากล้าใช้วิธีไร้ยางอายเช่นนี้! มู่ซิงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
หืมข้าคิดว่ามันอาจจะมากเกินไปหน่อยเหมือนกัน อย่างไรก็ตามข้ารู้แต่วิธีสู้แบบนี้ ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าจะลองด้วยตัวเองไหม? ฟางเจิ้งจือพูดอย่างไร้เดียงสา
ลอง?ไม่มีทาง! หลังจากได้ยิน มู่ซิงรู้สึกเสียวสันหลังทันที เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
เอ๋ข้ารู้สึกว่าพวกเราพูดกันว่าจะสู้สามต่อหนึ่งหรือเปล่า? ดูเหมือนพวกเจ้าจะร่วมมือกันได้ไม่ดีเท่าไรนัก ฟางเจิ้งจือยิ้มเมื่อเห็นมู่ซิงถอยหลังไป
การถอยหลังนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ในสนามรบ
อย่างไรก็ตามพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันของหลี่ซาที่ถูกฟางเจิ้งจือควบคุมอยู่การกระทำของมู่ซิงนั้นส่งผลกับการต่อสู้มาก
ตูม!
ขณะที่มู่ซิงก้าวถอยหลังเสียงระเบิดดังขึ้นจากนั้นหลี่ซาที่กำลังจมกองโคลนอยู่ก็ลอยออกไปอย่างกระทันหัน
ขณะเดียวกันดาบยาวเก้าเล่มปรากฎขึ้นต่อหน้าฟางเจิ้งจือ แต่ละเล่มต่างล้อมรอบไปด้วยสายฟ้าสีม่วง
โฮก!เสียงคำรามของมังกรดังไปทั่วสนามรบ
สายฟ้าสีม่วงสว่างจ้าบดบังแสงอาทิตย์จากท้องฟ้า
ไม่!!ฉินเซียนช่วยชีวิตเขา! เมื่อเห็นแบบนี้ ทางเลือกเดียวของมู่ซิงคือการพึ่งพาฉินเซียนเท่านั้น
มันเป็นสัญชาตญานแบบหนึ่ง!
สัญชาตญานของตัวตนที่ทรงพลังในยุคโบราณ! ในสนามรบโบราณพวกเขาไม่ไว้ใจใครนอกจากตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ต่อสู้กับศัตรูที่ไม่มั่นใจว่าจะชนะแน่นอนและพวกเขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์อันตราย
อย่างไรก็ตามมู่ซิงดูเหมือนจะลืมไปว่าฉินเซียนเองก็เป็นหนึ่งในตัวตนเหล่านั้นเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นเขาได้แพ้ฟางเจิ้งจือไปแล้ว
ฉินเซียนไม่เคลื่อนไหว
เขาไม่เคลื่อนไหวตั้งแต่ที่มู่ซิงและหลี่ซาเริ่มโจมตี
ใบหน้าของมู่ซิงซีดขาวเขากัดฟันเมื่อเห็นฉินท่าทีอันเย็นชาของฉินเซียนเขากำลังจะกระโดดออกไปเพื่อหยุดฟางเจิ้งจือแต่มันสายเกินไป
ดาบทั้งเก้าเคลื่อนไหวแล้ว
พวกมันบินขึ้นไปในอากาศเหมือนมังกรเก้าตัวพวกมันบินทะลุร่างของหลี่ซาในทันที
ตูม! ตูม!
…
เสียงสายฟ้าดังก้องไปทั่วท้องฟ้าสายฟ้าสีม่วงไหลผ่านร่างของหลี่ซาทำให้ร่างของเขาบิดเบี้ยวในทันที
……………………………………..