Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 1646
ตอนที่ 1646 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของวิหารมารโลหิต (4)
ทันใดนั้นร่างเงาสีดำก็เดินออกมาท่ามกลางแสงไฟสลัว เขามองกู่อิ่งที่ถูกมัดอยู่บนราวพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นายน้อย”
กู่อิ่งลืมตาขึ้นช้าๆเขาเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นรอยแส้เป็นแนวยาวที่คอของเขา ตั้งแต่หูยาวลงมาจนถึงไหปลาร้า
ภายใต้ความมืดสลัวนั้นดวงตาของกู่อิ่งทอประกายเย็นยะเยือกน่ากลัว มุมปากของเขาโค้งขึ้น ริมฝีปากที่มีเลือดสีแดงดูน่ากลัวอย่างมาก
“หืม?”
“ทำไมนายน้อยต้องทนรับความเจ็บปวดเช่นนี้?นายน้อยอยากให้ข้า……”
กู่อิ่งส่ายหน้าเสียงหัวเราะดังออกจากปากของเขา
“เจ็บปวด?บาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก ถ้าข้าทนเจ็บแค่นี้ไม่ได้ ข้าคงตายไปหลายพันครั้งแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
เครื่องทรมานจำนวนมากของวิหารมารโลหิตทำให้ผู้คนต้องสูดปากแม้แต่ในสิบสองวิหารทั้งหมดก็ยังยากจะหาใครเทียบเคียงได้ แทบไม่มีใครสามารถทนเครื่องทรมานทั้งหมดที่นี่ได้ แต่กู่อิ่งลิ้มรสพวกมันมาหมดแล้วทุกอัน เครื่องทรมานทั้งหมดนี้ได้ทิ้งรอยแผลลึกไว้บนร่างกายของเขา พูดได้เลยว่าเขารู้จักคุ้นเคยกับทุกอย่างในสถานที่นี้มากกว่าผู้คุมและผู้ทำการทรมานซะอีก
กู่อิ่งเป็นคนเดียวที่ผ่านการลงโทษมาทุกรูปแบบแล้วและยังไม่ตาย
คิ้วของชายคนนั้นยิ่งขมวดแน่นเข้าไปอีก
“แทนที่จะพูดเรื่องนี้เจ้าควรส่งคนไปดูสำนักธาราเมฆไม่ใช่หรือ? พวกเขาปล่อยตัวศิษย์ทุกคนออกมากระทันหันแบบนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน กลุ่มคนที่ข้าส่งไปสำนักธาราเมฆก่อนหน้าก็ไม่มีใครรอดกลับมาสักคน เกรงว่าสำนักธาราเมฆคงรู้อะไรเข้าแล้ว ต้องมีเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจแบบนี้ ถ้าเจ้าไม่อยากให้สิ่งนั้นหลุดรอดสายตาไป เจ้าก็ควรส่งคนไปเฝ้าดูพวกเขาเอาไว้ให้ดี” กู่อิ่งเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนร่างกาย เขาพูดกับชายชุดดำด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ข้าส่งคนไปดูพวกเขาแล้วแต่สำนักธาราเมฆมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย คนที่เราส่งไปหากไม่พบจุดจบก่อนเวลาอันควรก็เสียชีวิตในภูเขาฝูเหยา ไม่ง่ายเลยที่เราจะเฝ้าดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด” ชายชุดดำตอบด้วยน้ำเสียงจนปัญญา
กู่อิ่งเม้มปาก“พวกเจ้าใจดีกับคนพวกนั้นเกินไป ถ้าเพียงแต่พวกเจ้าโจมตีให้เร็วกว่านี้ ด้วยวิธีของสำนักธาราเมฆ พวกเจ้าแค่ต้องควบคุมศิษย์ที่ฝึกฝนอยู่ในสำนักเท่านั้น แล้วเจ้าพวกสำนักธาราเมฆก็จะลังเลไม่กล้าลงมือกับพวกเจ้าแล้ว”
จากมุมมองของกู่อิ่งการทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ขอรับ” ชายคนนั้นยอมรับฟังคำตักเตือนของกู่อิ่งอย่างถ่อมตัว
“ช่างเถอะพระหนีได้แต่วัดยังอยู่ ในเมื่อเจ้าไม่สามารถเข้าไปในสำนักธาราเมฆได้ ก็ส่งคนไปประจำอยู่ที่เชิงเขาให้คอยเฝ้าดูไว้ ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้มากเกินไป เราแค่ต้องรู้ว่าพวกนั้นจะไปที่ไหนกันเท่านั้น” กู่อิ่งพูด
“ขอรับ”
“เอาล่ะเจ้าไปได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน” พูดจบกู่อิ่งก็หลับตาราวกับว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในคุกใต้ดินและบนร่างกายเขาไม่มีบาดแผลน่ากลัวอะไรทั้งนั้น
ชายคนนั้นหายตัวไปในเงามืดแค่แวบเดียวก็ไม่เหลือร่องรอยของเขาอยู่อีก ในคุกใต้ดินที่ว่างเปล่าและกว้างใหญ่ มีเพียงกู่อิ่งอยู่คนเดียวเท่านั้น
สิบวันต่อมาศิษย์ที่ถูกปล่อยตัวกลับมาจากสำนักธาราเมฆก็กลับมาถึงวิหารมารโลหิต
กู่อี้ออกไปรับพวกเขาด้วยตัวเองที่หน้าประตูเพื่อต้อนรับกู่ซินเยียนกลับวิหารมารโลหิตระหว่างทางสองพ่อลูกคุยกันอย่างร่าเริงมีความสุขมาก ดวงตาของกู่อี้เต็มไปด้วยความห่วงใยและรักใคร่เอ็นดูกู่ซินเยียน
ตั้งแต่ต้นจนจบกู่อิ่งเดินตามอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ เขามองกู่ซินเยียนที่ได้รับความรักจากกู่อี้ รอยยิ้มไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าของเขาเลย