Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 2329 กระดูกวิญญาณ (2)
“เชิญพูด” จวินอู๋เสียพยักหน้า
ไป๋สวี่มองนาง ก่อนจะพูดต่อว่า “เจ้าจะทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าต้องสัญญามาอย่างหนึ่ง ถึงแม้เจ้าจะต้องรับรองความปลอดภัยของกระดูกวิญญาณ แต่ข้าก็ไม่หวังให้เจ้าเอาชีวิตตัวเองมาแลก” ไป๋สวี่ห่วงกระดูกวิญญาณเช่นเดียวกับความปลอดภัยของจวินอู๋เสีย การสูญเสียเหรินหวงนั้นสร้างความเจ็บปวดมากเกินไป เขาไม่อยากให้ศิษย์หลานคนโปรดของเพื่อนเก่าพบกับโศกนาฏกรรรมเดียวกัน
“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า
“เช่นนั้น เจ้าก็ไปที่สำนักธาราเมฆกับข้า” ไป๋สวี่พูดขึ้น
“สำนักธาราเมฆ?” จวินอู๋เสียงงเล็กน้อย นางไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆไป๋สวี่ถึงขอให้ไปที่สำนักธาราเมฆ ห้าปีที่ผ่านมา จวินอู๋เสียไม่เคยก้าวเข้าไปในพื้นที่ของสำนักธาราเมฆอีกเลย
“เจ้าอยากได้กระดูกวิญญาณไม่ใช่หรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ตามข้ามา” ไป๋สวี่กล่าว เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษะทางด้านการแพทย์ของจวินอู๋เสียนั้นยอดเยี่ยมมาก ในเวลาแค่ห้าวัน แม้ว่าเขาจะยังไม่หายดี แต่การฟื้นตัวในช่วงห้าวันนี้ก็ทำให้เขาเดินทางด้วยพาหนะต่างๆ ตั้งแต่เรือไปจนถึงรถม้าโดยไม่มีผลกระทบใดๆ นอกจากความสามารถที่น่าทึ่งและพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาแล้ว นางยังซ่อนไพ่อะไรเอาไว้อีก?
ไป๋สวี่ไม่รู้ แต่เขาเต็มใจจะมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้นาง การช่วยให้นางแก้แค้นได้สำเร็จก็เท่ากับช่วยชำระบัญชีแค้นให้เพื่อนเก่าของเขา
จวินอู๋เสียไม่ถามต่อ นางแค่สั่งคนให้จัดการเก็บกวาดเก้าอารามให้เรียบร้อย และออกเดินทางไปสำนักธาราเมฆกับไป๋สวี่และพวกเฉียวฉู่
เก้าอารามได้รับความสูญเสียอย่างหนักและยากที่จะฟื้นตัวได้ในเวลาสั้นๆ อาณาจักรบนก็ยุ่งอยู่กับการรับมือการยั่วยุของจวินอู๋เสีย ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าอาณาจักรกลางจะมีช่วงเวลาที่สงบสุขชั่วคราว
เมื่อกลับมาที่ภูเขาฝูเหยาอีกครั้ง และก้าวเข้าไปในสำนักธาราเมฆ เห็นได้ชัดว่าเวลาได้เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง
ห้าปีผ่านไปก็เหมือนเม็ดทรายไหลผ่านนิ้ว ไหลเร็วแต่เงียบ สำหรับบางคนก็เหมือนควันที่จางหายไปต่อหน้าต่อตา แต่สำหรับสำนักธาราเมฆ ร่องรอยของเวลายังคงมีให้เห็น
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ไม่มีใครก้าวเข้ามาในสำนักธาราเมฆเลยสักคน สำนักที่เคยรุ่งโรจน์กลายเป็นซากปรักหักพังที่รกร้างและมีวัชพืชขึ้นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
พวกเฉียวฉู่ยืนตกตะลึงอยู่ที่ด้านนอกสำนักธาราเมฆ พวกเขาเองก็เคยเรียนที่นี่เช่นกัน แม้มันจะไม่ใช่สำนักแรกที่พวกเขาเคยเข้าเรียน แต่สำหรับพวกเขา มันคือสถานที่แรกในอาณาจักรกลางที่พวกเขาได้เข้ามาอยู่
แต่สำนักที่เคยรุ่งเรืองได้หายไปกับกาลเวลาตลอดกาล สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงซากปรักหักพังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ และความรกร้างที่เป็นข้อพิสูจน์ว่าสถานที่นี้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน ใครจะคิดว่าสำนักอันดับหนึ่งของอาณาจักรกลางจะมีวันนี้ได้?
ไป๋สวี่นั่งอยู่บนรถเข็นที่จวินอู๋เสียเป็นคนเข็นเข้าไปในสำนักธาราเมฆ ดวงตาของเขาที่มีร่องรอยของการผ่านชีวิตมามาก บัดนี้เต็มไปด้วยความเศร้าโศกขณะที่กวาดมองทุกอย่างรอบตัว
“ข้าพบกับอาจารย์ปู่เจ้าเป็นครั้งแรกที่สำนักธาราเมฆนี่แหละ เดิมทีข้ายังไม่ใช่หมอเทวดา เป็นเพียงผู้รักษาอายุน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ข้าได้รับการยอมรับเข้าสำนักธาราเมฆเพื่อฝึกฝน ตอนนั้นเองที่ข้าได้พบกับอาจารย์ปู่เจ้า ตาแก่ที่หมกมุ่นอยู่กับการปรุงยาแต่ดันหัวทึบเรื่องวัตถุดิบปรุงยา” ไป๋สวี่หัวเราะเบาๆ แล้วหลับตาลงนึกถึงอดีต เหตุการณ์ที่เขาพบกับเหรินหวงเป็นครั้งแรกปรากฏขึ้น มันเป็นแค่การพบกันธรรมดาๆ ที่ได้เชื่อมโยงชะตาของพวกเขาสองคนเข้าด้วยกัน ใครจะคิดว่าทั้งสองจะกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด?
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไร แต่กลับก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามไม่มองทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
หากมองไปมากกว่านี้ มันจะทำให้ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนหวนกลับมา
ไป๋สวี่มองนาง ก่อนจะพูดต่อว่า “เจ้าจะทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าต้องสัญญามาอย่างหนึ่ง ถึงแม้เจ้าจะต้องรับรองความปลอดภัยของกระดูกวิญญาณ แต่ข้าก็ไม่หวังให้เจ้าเอาชีวิตตัวเองมาแลก” ไป๋สวี่ห่วงกระดูกวิญญาณเช่นเดียวกับความปลอดภัยของจวินอู๋เสีย การสูญเสียเหรินหวงนั้นสร้างความเจ็บปวดมากเกินไป เขาไม่อยากให้ศิษย์หลานคนโปรดของเพื่อนเก่าพบกับโศกนาฏกรรรมเดียวกัน
“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า
“เช่นนั้น เจ้าก็ไปที่สำนักธาราเมฆกับข้า” ไป๋สวี่พูดขึ้น
“สำนักธาราเมฆ?” จวินอู๋เสียงงเล็กน้อย นางไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆไป๋สวี่ถึงขอให้ไปที่สำนักธาราเมฆ ห้าปีที่ผ่านมา จวินอู๋เสียไม่เคยก้าวเข้าไปในพื้นที่ของสำนักธาราเมฆอีกเลย
“เจ้าอยากได้กระดูกวิญญาณไม่ใช่หรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ตามข้ามา” ไป๋สวี่กล่าว เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษะทางด้านการแพทย์ของจวินอู๋เสียนั้นยอดเยี่ยมมาก ในเวลาแค่ห้าวัน แม้ว่าเขาจะยังไม่หายดี แต่การฟื้นตัวในช่วงห้าวันนี้ก็ทำให้เขาเดินทางด้วยพาหนะต่างๆ ตั้งแต่เรือไปจนถึงรถม้าโดยไม่มีผลกระทบใดๆ นอกจากความสามารถที่น่าทึ่งและพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาแล้ว นางยังซ่อนไพ่อะไรเอาไว้อีก?
ไป๋สวี่ไม่รู้ แต่เขาเต็มใจจะมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้นาง การช่วยให้นางแก้แค้นได้สำเร็จก็เท่ากับช่วยชำระบัญชีแค้นให้เพื่อนเก่าของเขา
จวินอู๋เสียไม่ถามต่อ นางแค่สั่งคนให้จัดการเก็บกวาดเก้าอารามให้เรียบร้อย และออกเดินทางไปสำนักธาราเมฆกับไป๋สวี่และพวกเฉียวฉู่
เก้าอารามได้รับความสูญเสียอย่างหนักและยากที่จะฟื้นตัวได้ในเวลาสั้นๆ อาณาจักรบนก็ยุ่งอยู่กับการรับมือการยั่วยุของจวินอู๋เสีย ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าอาณาจักรกลางจะมีช่วงเวลาที่สงบสุขชั่วคราว
เมื่อกลับมาที่ภูเขาฝูเหยาอีกครั้ง และก้าวเข้าไปในสำนักธาราเมฆ เห็นได้ชัดว่าเวลาได้เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง
ห้าปีผ่านไปก็เหมือนเม็ดทรายไหลผ่านนิ้ว ไหลเร็วแต่เงียบ สำหรับบางคนก็เหมือนควันที่จางหายไปต่อหน้าต่อตา แต่สำหรับสำนักธาราเมฆ ร่องรอยของเวลายังคงมีให้เห็น
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ไม่มีใครก้าวเข้ามาในสำนักธาราเมฆเลยสักคน สำนักที่เคยรุ่งโรจน์กลายเป็นซากปรักหักพังที่รกร้างและมีวัชพืชขึ้นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
พวกเฉียวฉู่ยืนตกตะลึงอยู่ที่ด้านนอกสำนักธาราเมฆ พวกเขาเองก็เคยเรียนที่นี่เช่นกัน แม้มันจะไม่ใช่สำนักแรกที่พวกเขาเคยเข้าเรียน แต่สำหรับพวกเขา มันคือสถานที่แรกในอาณาจักรกลางที่พวกเขาได้เข้ามาอยู่
แต่สำนักที่เคยรุ่งเรืองได้หายไปกับกาลเวลาตลอดกาล สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงซากปรักหักพังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ และความรกร้างที่เป็นข้อพิสูจน์ว่าสถานที่นี้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานานแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน ใครจะคิดว่าสำนักอันดับหนึ่งของอาณาจักรกลางจะมีวันนี้ได้?
ไป๋สวี่นั่งอยู่บนรถเข็นที่จวินอู๋เสียเป็นคนเข็นเข้าไปในสำนักธาราเมฆ ดวงตาของเขาที่มีร่องรอยของการผ่านชีวิตมามาก บัดนี้เต็มไปด้วยความเศร้าโศกขณะที่กวาดมองทุกอย่างรอบตัว
“ข้าพบกับอาจารย์ปู่เจ้าเป็นครั้งแรกที่สำนักธาราเมฆนี่แหละ เดิมทีข้ายังไม่ใช่หมอเทวดา เป็นเพียงผู้รักษาอายุน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ข้าได้รับการยอมรับเข้าสำนักธาราเมฆเพื่อฝึกฝน ตอนนั้นเองที่ข้าได้พบกับอาจารย์ปู่เจ้า ตาแก่ที่หมกมุ่นอยู่กับการปรุงยาแต่ดันหัวทึบเรื่องวัตถุดิบปรุงยา” ไป๋สวี่หัวเราะเบาๆ แล้วหลับตาลงนึกถึงอดีต เหตุการณ์ที่เขาพบกับเหรินหวงเป็นครั้งแรกปรากฏขึ้น มันเป็นแค่การพบกันธรรมดาๆ ที่ได้เชื่อมโยงชะตาของพวกเขาสองคนเข้าด้วยกัน ใครจะคิดว่าทั้งสองจะกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด?
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไร แต่กลับก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามไม่มองทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
หากมองไปมากกว่านี้ มันจะทำให้ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนหวนกลับมา