Genius Doctor Black Belly Miss - ตอนที่ 1569-1570
ตอนที่ 1569 มาเล่นกันหน่อย (9)
ครั้งนี้วิหารมารโลหิตสะดุดล้มคว่ำอย่างแรงจริงๆใบหน้าของกู่ซินเยียนดูแย่ลงเรื่อยๆ สถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนั้นเป็นเวลาหลายวัน ทำให้กู่ซินเยียนอยู่ในอารมณ์ที่ย่ำแย่จนไม่อยากทดสอบวิชาเสริมวิญญาณต่อ จึงหยุดการทดสอบลงชั่วคราว
กู่ซินเยียนไม่เข้าใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมอยู่ดีๆวิหารปีศาจเพลิงก็พุ่งเป้าเจาะจงมาที่วิหารมารโลหิตตามไล่ล่าไม่จบไม่สิ้นติดต่อกันหลายวันแบบนี้?
สิ่งที่ทำให้กู่ซินเยียนรู้สึกอกสั่นขวัญหายมากขึ้นก็คือนอกจากห้าวิหารที่โจมตีพวกเขาอย่างเปิดเผยแล้ว ท่าทีของอีกหกวิหารที่มีต่อพวกเขาก็ทำให้นางตกใจกลัวเช่นกัน แม้ว่าพวกนั้นจะไม่ได้โจมตีพวกเขาตรงๆ แต่คำพูดเยาะเย้ยถากถางก็ค่อยๆทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คนที่เมื่อก่อนเคยมีเรื่องขัดแย้งกับวิหารมารโลหิตแต่ไม่กล้าพูดอะไรเนื่องจากความแข็งแกร่งวิหารมารโลหิต มาตอนนี้กลับกระโดดออกมาด่าทอวิหารมารโลหิตซะไม่เหลือดี
วิหารมารโลหิตเจอกระแสคลื่นลมปั่นป่วนมาตั้งแต่เปิดเรียนและค่อยๆถูกผลักเข้าไปอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคม
ศิษย์ของวิหารมารโลหิตถูกไล่ล่าทำร้ายอย่างหนักทุกวันพวกเขาต้องเจอกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดทั้งทางร่างกายและจิตใจทำให้พวกเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ฝึกฝนพลังของตัวเองได้ จนทำให้ล้าหลังเพื่อนๆในระดับเดียวกัน
กู่ซินเยียนสามารถทนต่อสิ่งต่างๆได้มากมายแต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่นางไม่สามารถทนได้!
หากการทรมานยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ พลังของเหล่าศิษย์วิหารมารโลหิตจะลดลงซึ่งเท่ากับการทำให้ความแข็งแกร่งในอนาคตของวิหารมารโลหิตอ่อนแอลงด้วย!
สถานการณ์คลุ้มคลั่งนั้นดำเนินต่อไปเป็นเวลาครึ่งเดือนในวิหารมารโลหิต ยกเว้นกู่ซินเยียนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ศิษย์คนอื่นๆล้วนเข้าฝึกพร้อมอาการบาดเจ็บกันทั้งหมด สถานการณ์เลวร้ายอย่างที่สุด
พวกผู้เยาว์ที่ถูกทำร้ายไม่เข้าใจว่าพวกเขาไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธถึงได้ทำให้อีกสิบเอ็ดวิหารเกลียดชังพวกเขามากขนาดนั้น
ความจริงกู่ซินเยียนคิดไว้ว่ามีใครบางคนกำลังปลุกปั่นสร้างปัญหาทั้งหมดนี้อยู่เบื้องหลัง แต่จากข่าวที่นางรวบรวมมาได้ ความสัมพันธ์ระหว่างห้าวิหารที่โจมตีพวกเขานั้นไม่ค่อยดีนัก มีความขัดแย้งระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นหลายครั้ง จนถึงขนาดที่เฉียวฉู่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารปีศาจเพลิงและฮัวเหยาศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารจื่อเหลยทะเลาะวิวาทกันต่อหน้าทุกคนก่อนที่งานชุมนุมเทพยุทธ์จะเริ่มต้นขึ้นซะอีก พวกเขาสองคนเป็นเหมือนน้ำกับไฟ หากพวกเขาเจอกันในสำนักธาราเมฆ ประกายไฟจะแล่นแปลบปลาบ แล้วก็จะเกิดการทะเลาะขึ้นอีก สถานการณ์ส่วนใหญ่ของอีกสามวิหารก็จะคล้ายๆกันนี้
พวกหัวหน้าผู้เยาว์จากวิหารต่างๆสบตากันไม่ได้เลยถ้ามาบอกนางว่าใครบางคนสามารถทำให้ทั้งห้าคนนี้ทำตามความต้องการของเขาได้และมุ่งเป้ามาที่วิหารมารโลหิตพร้อมกัน ถึงตายนางก็ไม่เชื่อ คนพวกนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น และยังอยู่คนละวิหาร ถ้ามีใครที่สามารถสั่งพวกเขาให้ทำตามได้จริงๆ มันจะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ
ดังนั้นกู่ซินเยียนจึงตัดความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่กู่ซินเยียนไม่เคยนึกฝันหรอกว่าความคิดที่ดูเกินความเป็นจริงนั้น นั่นแหละคือความจริง
เพียงแต่มันเป็นความจริงที่น่าตกใจเกินกว่าจะมีใครกล้าเชื่อ
กู่ซินเยียนจึงเดินเฉียดผ่านความจริงไปแบบนั้น
กู่ซินเยียนนั่งไม่ติดแล้วถ้าเรื่องยังดำเนินไปแบบนี้ ตัวนางน่ะไม่เป็นไร แต่ผู้เยาว์คนอื่นๆของวิหารมารโลหิตจะอยู่ไม่รอดในสำนักธาราเมฆ ภายใต้ความจนหนทางนั้น กู่ซินเยียนพยายามหาหนทางแก้ไขปัญหา นางใช้ตำแหน่งคุณหนูแห่งวิหารมารโลหิตเชิญเฉียวฉู่จากวิหารปีศาจเพลิง, หรงรั่วจากวิหารจิตหวนคืน, เฟยเหยียนจากวิหารมังกร, ฮัวเหยาจากวิหารจื่อเหลย, และฟ่านจั๋วจากวิหารเสวียนเทียนมาเพื่อสนทนากันสักเล็กน้อย
ตอนที่ 1570 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (1)
ผู้เยาว์ทั้งห้าที่กู่ซินเยียนเชิญมานั้นเป็นห้าคนที่แข็งแกร่งที่สุดจากห้าวิหารพวกเขายังเป็นผู้นำของกลุ่มศิษย์ใหม่ในสำนักธาราเมฆจากแต่ละวิหารด้วย
จับโจรก็ต้องจับหัวหน้าหลักการนี้กู่ซินเยียนเข้าใจดี มีแต่ทำให้คนทั้งห้าเลิกเป็นศัตรูกับวิหารมารโลหิตเท่านั้นถึงทำให้ทั้งห้าวิหารหยุดโจมตีได้
นอกจากพวกเฉียวฉู่แล้วกู่ซินเยียนยังเชิญจวินอู๋เสียไปด้วย เนื่องจากเรื่องที่เกิดกับวิหารมารโลหิตในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ทำให้ทั้งสองไม่ได้พบกันเพื่อทดสอบวิชาเสริมวิญญาณมาระยะหนึ่งแล้ว กู่ซินเยียนจึงเชิญจวินอู๋เสียไปด้วย จะได้ทำให้เกิดความปรองดองกันทุกฝ่าย
เรื่องที่วิหารมารโลหิตกลายเป็นจุดสนใจในสำนักธาราเมฆส่วนใหญ่เป็นเพราะจวินอู๋ดังนั้นกู่ซินเยียนจึงสงสัยว่าเพราะหลินเฮ่าอวี่พยายามจะบังคับให้จวินอู๋ยอมจำนน และให้คนของวิหารมารโลหิตไปทะเลาะกับวิหารอื่นๆรึเปล่า ถึงทำให้วิหารอื่นๆเป็นศัตรูกับพวกเขา
กู่ซินเยียนอยากใช้ปัญหาของจวินอู๋แก้ไขความขัดแย้งระหว่างวิหารต่างๆ
และจวินอู๋เสียก็ตอบรับคำเชิญของกู่ซินเยียน
กู่ซินเยียนกำหนดสถานที่นัดพบเป็นที่ริมทะเลสาบในสำนักธาราเมฆพืชพรรณที่ริมทะเลสาบเป็นสีเขียวมรกต มีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและกลิ่นหอมของดอกไม้ ทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายมาก เป็นสถานที่ที่พวกศิษย์ใหม่มากมายชอบไปอยู่ เหตุผลที่กู่ซินเยียนเลือกที่นั่น ประการแรกก็เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด ประการที่สอง นางหวังว่าสิ่งที่นางพูดวันนี้จะมีคนจากวิหารอื่นที่อยู่รอบๆทะเลสาบได้ยิน พวกเขาจะได้กระจายคำพูดของนางไปยังวิหารต่างๆ
ยังไงซะกู่ซินเยียนต้องระวังเรื่องชื่อเสียงของวิหารมารโลหิต เนื่องจากอีกหกวิหารไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับวิหารมารโลหิต จึงไม่มีคุณสมบัติพอที่นางจะเชิญพวกเขาเข้าร่วม แต่จากสถานการณ์ของวิหารมารโลหิตแล้ว นางไม่มีทางเลือกอื่น
ต้องพูดเลยว่ากู่ซินเยียนฉลาดไม่น้อยนางพิจารณาทุกด้านอย่างละเอียด และเนื่องจากเป็นผู้หญิง ต่อให้นางพูดอย่างสุภาพอ่อนโยน ก็ไม่มีใครคิดว่าไม่เหมาะสม ยังไงซะ สาวงามก็มักจะได้รับการปฏิบัติที่ดีอยู่เสมอ
ในวันนั้นกู่ซินเยียนพาหลินเฮ่าอวี่ไปกับนางและมาถึงสถานที่นัดพบตั้งแต่เช้า นางนั่งเงียบๆอยู่บนม้านั่งหินในศาลาหลังเล็กที่ริมทะเลสาบ มองหาพวกเฉียวฉู่ที่มาสาย
เฉียวฉู่กำลังเดินไปยังสถานที่นัดพบและก็บังเอิญเจอกับฮัวเหยาที่มีใบหน้าเย็นชา
เมื่อเห็นฮัวเหยาเฉียวฉู่ก็ตาเป็นประกาย เพื่อเล่นละครตบตาแล้ว หลังจากมาถึงภูเขาฝูเหยา เขาไม่กล้าติดต่อกับเพื่อนคนอื่นๆอีก แต่เฉียวฉู่ตัวติดกับฮัวเหยาจนชิน จึงรู้สึกจิตตกอยู่บ้าง
พอได้มาเจอฮัวเหยาง่ายๆแบบนี้เฉียวฉู่ก็แทบจะเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่ได้ เขาอยากจะกางแขนกระโจนเข้าใส่ฮัวเหยาแล้วใช้อ้อมกอดพี่หมีกอดพี่ฮัวแน่นๆสักที
ฮัวเหยาย่อมสังเกตเห็นความตื่นเต้นของเจ้าโง่เฉียวฉู่และเทียบกับเฉียวฉู่แล้ว เขานิ่งสงบกว่ามาก เมื่อเห็นริมฝีปากของเฉียวฉู่กำลังจะเผยรอยยิ้ม ฮัวเหยาก็พูดเสียงเย็นชาว่า “สุนัขดีไม่ขวางทางหรอกนะ เจ้าไม่รู้เรื่องนี้รึไง?”
เฉียวฉู่ที่กำลังดีใจโดนฮัวเหยาโยนน้ำแข็งใส่หน้าทั้งถังรอยยิ้มที่ยังไม่ทันเบ่งบานก็เหี่ยวเฉาลงทันที
เฉียวฉู่รู้สึกน้อยใจพี่ฮัวปากร้ายมาก หัวใจดวงน้อยๆของเขาบอบช้ำเหลือเกินแล้ว
“หา?บ้านเจ้าเป็นเจ้าของถนนรึไง?” เฉียวฉู่เอ่ยปากหาเรื่อง แต่ในใจที่แท้จริงนั้น……
[พี่ฮัวทำไมไร้น้ำใจไร้คุณธรรมแบบนี้! หัวใจน้อยๆของข้าเจ็บปวดนัก!]
ฮัวเหยามองเฉียวฉู่ด้วยสายตาเย็นชาและเดินต่อไปอย่างเฉยเมยเฉียวฉู่ได้แต่เดินตามหลังอย่างเศร้าๆ แต่ยังคงแสดงสีหน้าเกลียดชังให้คนอื่นเห็น