Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 263
เจียงซิ่วมองไปที่ภูเขาเบื้องหน้าเขาและครุ่นคิดขณะที่ขมวดคิ้ว เขาพยายามอนุมานประวัติของภูเขา “ภูเขานี้โผล่ออกมาจากที่ไหน?”
ภูเขาไม่สูงเท่านี้เมื่อตอนที่หนานก๋งโควเอ๋อออกไป เธอออกความเห็ฯไม่ได้มากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ “มันมาจากใต้ดิน ตอนนั้นฉันอยู่ในโรงแรม และรู้สึกราวกับว่าพื้นกำลังลอยขึ้นไปในท้องฟ้า บางทีมันอาจจะอยู่ใต้ดินตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว และค่อยโผ่ลออกมาตอนแผ่นดินไหว”
นี่คือสิ่งที่หนานก๋งโควเอ๋อรู้สึกได้ก็ในเมื่อเธอได้สัมผัสกับมันเป็นการส่วนตัว และนอกจากนี้นี่ก็เป็นคำอธิบายที่นักสื่อข่าวกล่าวออกไปเหมือนกัน
หลังจากทั้งหมดแล้ว มนุษย์ชาติก็ยังมีประวัติศาสตร์ที่น้อยนิด และแม้ว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้พัฒนาไปมากเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็ไม่เคยเกิดอะไรเช่นนี้ขึ้นบนโลก และมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีสำหรับการพิสูจน์ทฤษฎีนี้
เมฆมืดครึ้มร่องลอยอยู่ในท้องฟ้า ส่งแสงแลบมารพ้อมกับเสียง
เจียงซิ่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสายตาที่แหลมคม เมฆดำยังคงทวีคูณมากขึ้น และความมืดก็ปกคลุมทั่วท้องฟ้า มันเหมือนกับว่าพายุกำลังก่อตัว
และภูเขาสูงนี้เอง ก็ดูแปลกมากภายใต้ฟ้าร้องและฟ้าผ่า โรงแรมบนยอดเขาดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของมนุษยชาติรับความกดกันจากสวรรค์ สิ่งนี้ทำให้ลางสังหรณ์ที่มาถึงของเจียงซิ่วกลายเป็นปั่นป่วน
หนานก๋งโควเอ๋อกล่าว “อากาศบ้าบออะไรอีก! ฝนกำลังจะตก!”
ถ้าฝนตก มันก็จะช่วยเพิ่มความยากลำบากในการปฏิบัติการของทีมกู้ภัย และเฮลิคอปเตอร์ก็จะบินได้อย่างจำกัดที่เช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง เฮลิคอปเตอร์จะถูกห้ามบินในช่วงเวลาดังกล่าว
เมฆดูเหมือนจะรวมตัวกันอยู่ที่เหนือภูเขานี้เท่านั้น และท้องฟ้าก็แจ่มใส่สำหรับส่วนที่เหลือของเมือง
เจียงซิ่วสงสัยมากขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หนานก๋งโควเอ๋อดึงเจียงซิ่ววิ่ง “เดินเร็วหน่อย มันจะต้องตกหนักแน่ ถ้านายไม่อยากเปียกฝน ควรมองหาที่หลบฝนน่าจะดีกว่า”
พวกเขาสองคนวิ่งไปค่อนข้างไกล และมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตที่ถูกทิ้งร้าง เมื่อพวกเขาหันกลับไปมอง พวกเขาก็เห็นว่าเมฆมืดครึ้มมาแล้วและอยู่ค่อนข้างต่ำในความมืดแบบนี้ ภูเขาปรากฏตัวราวกับว่ามันคงอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แสดงพลังที่น่ากวาดกลัวแบบชนิดสุดโต่งออกมา
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดนับไม่ถ้วนฟาดลงบนยอดเขา หินบนภูเขาแตกเนื่องจากมัน และต้นไม้ใหญ่เองก็พังทลายลงมาจากตรงกลาง
“พระเจ้า!”
หนานก๋งโควเอ๋อปิดปากตัวเอง เธอไม่เคยเห็นสายฟ้าที่น่ากลัวแบบี้มาก่อน
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สายฟ้ายังคงส่งเสียงดังก้อง และผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง กระพริบข้ามผ่านท้องฟ้าก่อนที่มันจะตกลงมาสู่ภูเขา แสงที่เกิดขึ้นจากประกายสายฟ้าดูน่าหลงใหลไร้ที่ติ ขณะเดียวกันมันก็สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้มากเท่าที่ต้องการ
“ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
ภูเขาโบราณยังคงตั้งตระหง่านและยืนหยัดต่อสายฟ้าฟาดไร้สิ้นสุดอย่างมั่นคง
“ทำไมมีแค่ฟ้าผ่าและไม่มีฝน?”
เจียงซิ่วไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เขาสวมสีหน้าที่น่ากลัวในขณะนี้ หลังจากนั้นไม่กี่นาที ฟ้าผ่าก็หยุดลง และเมฆมืดที่ปกคลุมภูเขาก็สลายหายไป จนถึงตอนนี้มันก็ไม่ได้มีฝนตกหยดลงมาแม้แต่หยดเดียว
“นี่มันแปลกเกินไป โลกนี้เป็นบ้าไปหมดแล้ว? ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆและสายฟ้า แต่กลับไม่มีฝนอยู่เลย นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์แน่นอน” นายหญิงหนานก๋งโควเอ๋อตกตะลึง
อย่างไรก็ตามเจียงซิ่วยิ้มตอบบางๆ “มันเป็นวิทยาศาสตร์!”
ภูเขานี้ไม่ได้รับอนุญาตให้มีอยู่ในโลกนี้ และชั้นฟ้าทั้งหลายก็ต้องการกำจัดมัน นั้นคือทั้งหมด
“แบบนี้นักวิทยาศาสตร์ก็หาเหตุผลได้หรอ?”
“พวกเขาจะบอกว่ายังไง?”
“พวกเขาจะบอกว่าโลกในขณะนี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลง มนุษย์ชาติอาจจะวิวัฒนาการเนื่องจากมัน และสิ่งนี้อาจจะนำไปสู่การสูญพันธุ์ครั้งที่ 3 ของมนุษยชาติ” ข้อมูลที่หนานก๋งโควเอ๋อมีก็คือข่าวภายในที่รวบรวมมาโดยตระกูลของเธอ โลกภายนอกยังไม่สามารถเข้าถึงสิ่งนี้ได้ แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนทั่วโลกได้ข้อสรุปที่คล้ายกัน มีสิ่งที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก
ต้นไม้ที่ตายแล้วเติบโตขึ้นอีกครั้ง และสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้วบางส่วนก็ปรากฏขึ้นในโลกอีกครั้ง
“หืมม?”
หลังจากที่ฟ้าผ่าโจมตีภูเขา แสงแดดหลากสีก็ปกคลุมภูเขาอย่างน่าพิศวงค์ใจ หมอกสีขาวปกคลุมทั่วทั้งภูเขาและปลดปล่อยปราณอมตะที่ไม่ธรรมดาออกมา ราวกับว่าสถานที่ทั้งหมดเป็นดินแดนสวรรค์
“พลังจิตวิญญาณ…”
หนานก๋งโควเอ๋อไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่ชื่นชม “มันงดงามมาก!”
อย่างไรก็ตาม ลมปราณอมตะนั้นเปรียบเสมือนแสงอาทิตย์หลากสี มันกระจัดกระจายไปทั่วอย่างช้าๆ ไม่นานหลังจากนั้นภูเขาก็กลับกลายเป็นภูเขาธรรมดา หรือถ้าจะให้แม่นยำกว่า มันกลายเป็นภูเขาที่เสียหายไปแล้ว
“หืมม?”
เจียงซิ่วรู้ว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิดกับสิ่งที่เขาเห็น ในทันทีนั้นเอง ความรู้สึกที่เขาได้รับก็เหมือนกับดินแดนอมตะ เนื่องจากทัณฑ์สวรรค์ ภูเขานี้จึงอาจจะได้รับศักยภาพแฝงเร้น กล่าวคือ โลกนี้กำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
พับๆๆๆๆๆ!
นี่คือเสียงของใบพัด หนานก๋งโควเอ๋อเงยหัวขึ้นเพื่อมองมัน และแสดงอาการออกมาอย่างตื่นเต้น “เจียงซิ่ว เหมือนพวกเขาจะมาถึงแล้ว”
เจียงซิ่วพยักหน้าเล็กน้อย แต่สายตาของเขาจับจ้องอยู่ในภูเขาที่ห่างไกล โดยการสังเกตจากภูมิประเทศ แน่นอนว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนกับดินแดนอมตะ แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับสถานะปัจจุบันของภูเขาได้
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดในพื้นที่ว่างใกล้เคียง
ผู้คนรอบๆ ดูเฮลิคอปเตอร์ด้วยความสนใจอย่างมาก ส่งสายตาไปมอง พวกเขาต้องการความช่วยเหลือเนื่องจากพวกเขาไม่เหลืออะไรแล้ว เมืองของพวกเขาถูกทำลาย การทำมาหากินรวมถึงบ้านไม่มีอยู่อีกต่อไป
ชายวัยกลางคนลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้ววิ่งไปหาหนานก๋งโควเอ๋อ “คุณผู้หญิง เป็นยังไงบ้าง?”
หนานก๋งโควเอ๋อส่ายหัวของตัวเอง “ลุงสาม ฉันไม่เป็นไร”
ลุงของเธอเห็นว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บ และใบหน้าของเธอเปล่งประกายแพรวพราว ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายลมหายใจ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“นี่คือเพื่อนของฉันที่เจอระหว่างทาง เราสามารถพาเขาไปด้วยได้ไหม?” เธอไม่ได้วางแผนที่จะแนะนำเจียงซิ่ว เนื่องจากตัวตนของเขาค่อนข้างเปราะบาง
ลุงของเธอไม่ได้ถามเกี่ยวกับเขา ก็ในเมื่อคนที่เธออาจพบอาจจะเจอในรูปแบบของสามัญชน เขาไม่ได้เหลือบมองไปที่เจียงซิ่ว เมืองฮ๋าอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และพวกเขาก็ไม่ได้มีเวลามาก เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถเดินทางมาในครั้งนี้ได้ เป็นก็เพราะตระกูลหนานก๋งได้ใช้อิทธิพลที่มี มันจึงมีเวลาจำกัด
“รีบขึ้นเฮลิคอปเตอร์เร็ว สถานการณ์ที่นี่ค่อนข้างแย่”
“อืม!”
หลังจากที่ทั้งสามคนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ มันก็ออกตัวในทันที ราวกับว่ามันกำลังหลบหนีออกจากที่ที่มีภัยพิบัติอยู่
“คุณผู้หญิง โลกเร็วๆ นี้กลายเป็นไม่ปลอดภัย เมื่อเรากลับไปที่เมืองหลวง โปรดอย่าเดินทางออกไปไหน” ทุกคนสวมหูฟังบนเฮลิคอปเตอร์ และลุงของเธอก็นั่งอยู่ที่ด้านหน้า
ลุงของเธอกล่าว “มีเอกสารลับมาจากแผนกพันธุศาสตร์ เมื่อคุณกลับไปที่บ้าน ตระกูลจะตรวจร่างกายอย่างเต็มรูปแบบ”
หากพวกเขาทำการตรวจร่างกายแบบเต็มรูปแบบ ความจริงที่ว่าเธอไม่บริสุทธิ์ก็จะถูกเปิดเผย นี่น่าอายเกินไป หนานก๋งโควเอ๋อเขินและก็จ้องมองไปที่เจียงซิ่ว เจ้าคนก่อนเรื่องผู้นี้กำลังมองทิวทัศน์ของเมืองฮ๋าด้านนอกหน้าต่าง และเมื่อมองไปที่หน้า มันดูเหมือนกับว่าเขา จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เธอต้องการที่จะเหวี่ยงเขาออกจากเฮลิคอปเตอร์ด้วยความโกรธแค้น “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ”
ลุงของเธอตอบ “ไม่ใช่เพราะสุขภาพของคุณ การตรวจร่างกายแบบเต็มรูปแบบ คือการตรวจสอบว่ามีข้อบกพร่องในยีนหรือไม่ และยืนยันว่าจะเป็นบางคนที่มีศักยภาพสำหรับการบ่มเพาะรึเปล่า”
“การฝึกฝนการต่อสู้? ฉันไม่ได้บอกว่าฉันไม่ชอบ?”
ลุงของเธอที่ใบหน้าที่จริงจัง “เวลานี้มันแตกต่างกัน มันเป็นวิวัฒนาการทางพันธุกรรมและยังเป็นวิธีการฟื้นฟูไปสู่รูปลักษณ์เดิมของบรรพบุรุษเรา มันเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเซียน หรือแม้แต่กระทั่งพระเจ้า!”
เจียงซิ่วผู้ที่มองออกไปข้างนอกหันหลังกลับเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“เซียน? เทพเจ้า? ลุงกำลังพูดเรื่องอะไร?”
ในที่สุดลุงของเธอก็จำได้ว่ามีอีกคนบนเฮลิคอปเตอร์ ดังนั้นเขาจึงหยุดพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้ “เราจะพูดถึงมันหลังจากกลับถึงบ้าน โอเค? เป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายในช่วงเวลาสั้น ๆ ยังไงก็เถอะ คุณต้องทำตามแผนการของตระกูลหลังจากกลับถึงบ้าน ยุคใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น หากตระกูลของเราต้องการรักษาความมั่งคั่งและเกียรติยศเอาไว้ พวกเราต้องก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคนอื่น”
ตระกูลชนชั้นสูงที่แท้จริงย่อมทุกคนมีสายตาที่กว้างไกลและแน่วแน่ โดยเฉพาะในยุควุ่นวายที่เต็มไปด้วยโอกาสเช่นนี้ ความมุ่งมั่น เช่นเดียวกับความตั้งใจที่จะริเริ่ม เป็นปัจจัยในการตัดสินใจว่าตระกูลจะประสบความสำเร็จในอนาคตหรือไม่ และในฐานะลูกหลานของตระกูล พวกเธอก็จำเป็นต้องให้ทุกอย่างเพื่อตระกูล หนานก๋งโควเอ๋อเข้าใจสิ่งนี้อย่างชัดเจน
หลังจากเฮลิคอปเตอร์บินออกจากเมืองฮ๋า มันราวกับว่าพวกเขาได้กลับสู่โลกมนุษย์หลังจากออกมาจากนรกซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ทน ท้องฟ้าสีครามเต็มไปด้วยเมฆสีขาวและเมืองที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวนอยู่ข้างใต้ ทุกอย่างกลับสู่ปกติ
หลังจาก 2 ชั่วโมงผ่านไป เฮลิคอปเตอร์ก็มาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิและลงจอดในบ้านของตระกูลหนานก๋ง
“ลุงสาม จัดรถส่งเพื่อนกลับบ้าน…”
หนานก๋งโควเอ๋อไม่ได้มีความตั้งใจที่จะต้อนรับเขาในฐานะแขก เธอต้องการให้เจียงซิ่วออกไปเร็วๆ เพราะเกรงว่าพ่อแม่ของเธอจะเห็นเขาได้ ตอนนี้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“เข้าใจแล้ว!”
ลุงสามมีจุดยืนอยู่ในตระกูลอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงโทรออกและจัดรถให้
เจียงซิ่วขอบคุณหนานก๋งโควเอ๋อจากนั้นก็เข้าไปในรถ หลังจากออกไปได้ระยะนึงาเจียงซิ่วก็บอกให้คนขับหยุดลงและลงมา เขาเป็นกังวลว่าตระกูลหนานก๋งอาจจะทำการวิจัย และปัญหานี้มันต้องเลี่ยง
หลังจากกลับบ้าน เมื่อเขาผลักประตูและเข้าไปข้างใน เขาก็พบว่าหลินเยี่ยหลิงรอยู่ที่นั้น
เขาตะโกนเรียกเธอด้วยความประหลาดใจ “แม่ แม่มาที่นี่ที่เมืองหลวงจักรพรรดิทำไม?”