Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 305
บทที่ 305
หัวหน้าใหญ่
มองดูๆแล้วชายคนนี้ไม่น่าจะเกินหกสิบปี มีรูปร่างค่อนข้างสูง น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก แถมไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะ คนที่เฝ้าประตูที่นั่นเมื่อเห็นผู้มาเยือนสติของเขาก็แตกกระเจิง มีข่าวในโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์มากมายจนนับไม่ถ้วน เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่ง เขาจะปรากฏออกมาที่ด้านหน้าของตัวเอง เสียงของเขาสั่นไปหมด “คุณ…คุณเจียงอยู่ด้านใน ผมจะพาคุณไปเอง”
แขกที่มาคนนี้ ไม่จำเป็นต้องถามอะไรให้มากความ คุณเจียงต้องการพบเขาแน่ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์
“ตกลง รบกวนด้วย”
คนรับใช้คนนั้นอยู่ด้านหน้าเพื่อนำทาง รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของเขากำลังสั่น ไม่ว่าตระกูลหลินจะเบื้องสูงหรือต่ำก็ถูกควบคุมไว้ทั้งหมดด้วยชายคนนี้ เรื่องนี้ดูแล้วไม่ง่ายจริงๆ นายใหญ่ของตระกูลหลินตาเกือบจะถลนออกมา
“ตายแล้ว!”ผู้หญิงตระกูลหลินเอามือปิดปากของตนเองไว้ เพราะกลัวที่จะเผลอเปล่งเสียงออกมา
“คุณชายเจียง…..”
คนรับใช้คนนั้นตื่นเต้นจนร้องตระโกนออกมา
เจียงซิ่วและคนที่อยู่ด้านข้างมองมา พี่น้องตระกูลกู่ ตระกูลหลง เจียงหยี่ ภายในสมองของเขาเหมือนโดนทุบไปมา ยากที่จะควบคุมตัวเองหลังจากนั้น
“นายใหญ่?” เจียงซิ่วพูดออกมาอย่างแปลกใจ
คนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือประธานของไต๋ยัวไท๋ชายผู้มีอำนาจมากที่สุดในประเทศจีน ทุกคนที่เห็นเขาต้องการเรียกเขาว่าพ่อทั้งนั้น รอยยิ้มที่หายากของหัวหน้าใหญ่นั้นปรากฏออกมา “มาอวยพรปีใหม่น่ะ”
เจียงซิ่วยิ้มก่อนจะพูดว่า “ผมเป็นคนของกลุ่มคุ่นหนานแล้วหรือยัง?”
นายใหญ่ยิ้มและหัวเราะออกมา ในปีที่ผ่านมาหัวหน้าใหญ่มักจะมาประมาณวันตรุษจีนเพื่อทำการปลอบขวัญกลุ่มคุ่นหนาน อย่างไรก็ตามมันได้กลายเป็นเนื้อหาที่เจียงซิ่วใช้หยอกล้อไปแล้ว
“เชิญนั่งครับเร็ว..!”
หลงชวนหรูและพี่น้องตระกูลกู่ค่อยๆ กล้าที่จะนั่งลง หลังจากที่ยืนมาตั้งแต่เนิ่นๆ เจียงหยี่ยังคงไม่ได้สติ นายใหญ่มาที่บ้านเขาเพื่อแสดงความยินดีปีใหม่งั้นหรือ?
เมื่อมองเจียงซิ่วที่พูดคุยและหัวเราะกับนายใหญ่ หัวใจของคนในตระกูลหลินเต้นราวกับเหมือนมีม้าหมื่นตัววิ่งผ่านไปมา ราวกับในใจนั้นมีคนถือฟางอยู่
แทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
พ่อใหญ่ตระกูลหลินมองไปยังเจียงซิ่ว ในหัวของเขาก็มีเสียงขึ้นมา เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นใครมาจากไหนกัน ทำไมนายใหญ่ถึงมาอวยพรปีใหม่กับมัน เรื่องนี้เดายังไงก็เดาไม่ออกเสียที
แต่มีอย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ คือตระกูลเจียงกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
จริงๆแล้วเซียนชูก็ประเมินค่าเจียงซิ่วไว้สูงอยู่พอตัว แต่สุดท้ายเขาก็พบว่าตนเองยังประเมินค่าเขาต่ำไปอยู่ดี ครั้งนี้เขาก็อึ้งจนพูดไม่ออกเหมือนกัน ความตกใจครั้งยากมากที่จะสงบลงได้
รุ่นหลังๆของตระกูลหลินก็ตกตะลึงมานานพอสมควรแล้ว
เขากับนายใหญ่ทั้งคุยทั้งหัวเราะกัน พระเจ้าช่วย ในใจก็พูดว่าเขาไม่น่าจะใช่ลูกนอกสมรสของนายใหญ่หรอกใช่ไหม บ้าน่า ป้าของฉันก็พอจะเป็นไปได้ เรื่องที่จินตนาการนี้ไม่มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“นายใหญ่ไม่ได้พาบอดี้การ์ดมาหรอครับ?” กู่เต๋อคังเอ่ยถาม
นายใหญ่คนนี้แค่พาคนขับรถมาด้วย มันธรรมดาเกินไปแล้ว ถึงแม้จะพูดว่าความสงบเรียบร้อยในประเทศนี้ยังคงดีอยู่ แต่ก็ไม่น่าจะมาแบบนี้ได้นี่นา
“มาบ้านของคุณชายเจียงจำเป็นต้องพาพวกบอดี้การ์ดมาด้วยหรือไง?” นายใหญ่ย้อนถาม
คนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเขาไม่สามารถปกป้องความปลอดภัยของนายใหญ่ได้ ในประเทศนี้ก็ไม่มีที่ไหนปลอดภัยแล้วล่ะ
“อย่างที่นายใหญ่พูดก็ถูกครับ” กู่เต๋อคังพูด
เจียงซิ่วคุยไปยิ้มไป คิดอยากจะกำจัดนายใหญ่ใต้จมูกของเขา เขาถามด้วยตนเองแต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นการลอบยิงหรือกระสุนระเบิด นอกเสียจากว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทำไม่ได้อยู่ดี “นายใหญ่ คนนี้คือเจียงหยี่พ่อของผมเอง” เขาพูดแนะนำ
นายใหญ่ที่มัวแต่สนใจความสัมพันธ์ของตนกับเจีบงซิ่วที่ให้มองข้ามเจียงหยี่ไป “สวัสดีครับ”
การที่เจียงหยี่จับมือนายใหญ่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมากเลยทีเดียว
ลูกชายของตนแนะนำนายใหญ่ให้รู้จักกับตัวเอง ตาก็แดงขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น ในตอนนั้นหลินเย่หลิงถือชาออกมาจากด้านใน เมื่อมองเห็นนายใหญ่ก็ตกตะลึงถึงกับทำชาหกบนพื้น
“ส่วนนี่หลินเย่หลิงแม่ของผมครับ”
“สวัสดีครับคุณนายหลิน” นายใหญ่พูด
“คุณนายหลินนี่มีลูกชายที่ดีมากเลยนะครับ เป็นความโชคดีของประเทศและของชนชาติเราเลย….”
หลินเย่หลิงฟังจนหมด นายใหญ่ประเมินค่าเจียงซิ่วสูงมาก ทำไมเธอจะไม่รู้ สงครามที่เทียนเหมินส่งผลกระทบอย่างมากกับประเทศ เจียงซิ่วก็ถูกต่างประเทศตัดสินใจว่าเขาเป็นเทพ เทพที่ยังคงมีชีวิต ที่จริงแล้วผลกระทบของมันยิ่งใหญ่กว่าประเทศนี้ว่าจะมีอาวุธนิวเคลียร์
ดวงตาของเธอแดงและน้ำตาของเธอไหลลงมา นึกย้อนไปถึงตอนที่เธออุ้มลูกชายของเธอขึ้นไปขอความช่วยเหลือที่ปักกิ่ง ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าทั้งโลกกำลังพังทลายลง เธอไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ เมื่อลูกชายกลายเป็นคนที่ร่ำรวยขึ้นมา นายใหญ่ก็มาถึงประตูหน้าบ้าน ซ้ำยังพูดเยินยออีก นี่แหละคือนายใหญ่ แค่คำสัญญาคำเดียวก็ได้ทองมาหลายพันแล้ว ประโยคไม่กี่ประโยคก็จะทำให้เกิดความโกลาหลได้
“เชิญดื่มชาค่ะนายใหญ่!”
“ขอบคุณ”นายใหญ่พยักหน้าและยิ้มเบาๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของหลินเย่หลิง เขามักจะได้ยินเรื่องของเจียงซิ่วอยู่บ่อยครั้ง เขาชื่นชมเธอมากจริงๆ ออกจากครอบครัวที่ร่ำรวยเพียงเพราะอยากตามหาความรัก
“คุณเจียง เดินไปคุยไปเถอะ”
ตัวตนที่แท้จริงของนายใหญ่เป็นอย่างไร? ในทุกๆวันเขายุ่งมากๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ มาหาเขาวันนี้เจียงซิ่วก็พอเดาออกว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ เจียงซิ่วชี้ไปที่บ่อน้ำที่ห่างไปไม่ไกลนัก ทั้งสองคนเดินข้ามไปช้าๆ
ที่นายใหญ่มาที่นี่ก็เพราะว่าโลกนี้กำลังพบกับการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ ตอนนี้ไม่ว่าจะเรื่องของต่างประเทศหรือเรื่องในประเทศก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด “คุณเจียงมีวิธีที่จะโต้กลับไหม?”
เจียงซิ่วส่ายหัว “ในประวัติศาสตร์ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่มาก นักปราชญ์เจอแต่ความทุกข์ แต่ก็ยังยอมให้โลกมันดำเนินต่อไป ทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่สามารถหยุดได้หรอก มันล้วนเป็นเรื่องของเวลาทั้งนั้น”
“แต่ยังไงก็ตามการกำเนิดที่สมบูรณ์แบบก็ยังขาดอีกหนึ่ง เพื่อพลิกสถานการณ์”
“การพลิกสถานการณ์อะไรกัน?” นายใหญ่ถาม
“รวมมณีอายุวัฒนะหกชิ้น” เจียงซิ่วตอบ (หินยืดอายุ)
“ถ้าหากไม่มีมณีอายุวัฒนะหกชิ้นนี้ ยังมีทางอื่นอีกไหมที่จะทำให้โลกฟื้นคืนมา?” นายใหญ่ถาม
“ทำให้ฟื้นคืนมาเหมือนเดิม คงได้เพียงแค่ครอบครองมณีอายุวัฒนะก็จะทำให้พวกเรามีอำนาจอยู่ศูนย์กลาง แต่ถ้าหากไม่มีมัน พวกฉันก็ไม่รู้ว่าโลกนี้จะเดินและพัฒนาไปในทิศทางไหน” เจียงซิ่วพูด
“เทพต่างๆที่ปรากฏออกมาในต่างประเทศ พลังทำลายล้างสูงมาก ศิลปะการต่อสู้ทั่วไปยังเทียบกับพวกเขาไม่ได้ สถานการณ์ในประเทศของเราอาจจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ตามการพยากรณ์ของผู้เชี่ยวชาญ เจียงหนานจะมีสัตว์ร้ายปรากฏออกมา แถมคุณเจียงก็ต้องลงมือด้วยตนเองอีก”
“ไม่ว่าจะเทพหรือปีศาจก็เถอะ แต่เจ้านั้นศักยภาพอ่อนแอ และก็หนีไปแล้ว อาการบาดเจ็บของมันหนักมาก และครึ่งหนึ่งของพลังก็ไม่สามารถเอามันออกมาใช้ได้” เจียงซิ่วพูดไปยิ้มไป
“ประเทศของเราน่ะกว้างใหญ่ไพศาล ปีศาจที่คุณเจอแน่นอนว่าคงไม่ใช่มีแค่ตัวเดียวหรอกใช่ไหม? สิ่งนี้นำอันตรายที่ซ่อนเร้นขนาดใหญ่มา และอาจกระทบต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศของเรา” นายใหญ่พูดด้วยความกังวล
“จริงๆจะพูดแบบนั้นก็ได้”เจียงซิ่วตอบ
เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม
“ที่ฉันมาครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะขอถามได้ไหม ฉันรู้ว่าที่สิ่งที่นายเรียนรู้มันเป็นความลับ แต่สถานการณ์ตอนนี้แย่มาก เลยอยากขอให้นายรับตำแหน่งสำคัญของกองทัพ เพื่อสอนสิ่งเหล่านั้น นี่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ” นายใหญ่พูด
หากสถานการณ์รุนแรง พวกทหารต้องมีการเตรียมกำลังเอาไว้ก่อน แต่เพียงการต่อสู้แบบธรรมดา พวกเขาก็รู้ดีว่าไม่มีทางสู้ได้แน่ๆ
เจียงซิ่วคิดไม่ถึงว่าจะถึงเวลาที่เขาต้องเข้าไปยุ่งเรื่องนี้
แต่ว่าสิ่งที่เขาร่ำเรียนมาเป็นวิชาของนิกายย่างก้าวสรรค์ ไม่สามารถเผยแพร่ออกไปได้
“นี่…..”
นายใหญ่มองสีหน้าที่อ่านออกยากของเจียงซิ่ว อดไม่ได้ที่จะลงในความคิดของตน มีหลายคนบอกก่อนที่เขาจะมา ว่าความน่าจะเป็นที่จะทำได้นั้นน้อยมาก ในโลกของศิลปะการป้องกันตัวนี้ทักษะของครูอาจายมีความสำคัญมากกว่าชีวิตของตนเอง และแน่นอนว่าไม่สามารถเผยแพร่ออกไปเด็ดขาด แต่เขาก็ยังอยากลองอยู่ดี ท้ายที่สุดสิ่งต่างๆ ก็ใหญ่เกินไป
“ของแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะสำเร็จได้ในวันสองวัน”
“ฉันรู้ แต่ก็ลองทำก่อนดีกว่าไม่ได้ทำเลย”นายใหญ่พูด
คนที่อยู่ด้านนอกรู้สึกตื่นตระหนกมาก ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกล แต่ก็สามารถเห็นเจียงซิ่วที่กำลังคุยกับนายใหญ่ได้ แต่พวกเขาก็ยังคงนิ่งเงียบ เงียบราวกับกำลังตายไปแล้ว
ทั้งสองคนคุยกันเป็นเวลานาน ตอนแรกคิดว่าจะคุยกันแค่เพียงสองสามประโยคก็คุยเสร็จ แต่คุยกันราวๆ หนึ่งชั่วโมงกว่า นายใหญ่ก็ยืนอยู่ราวๆ หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว
เมื่อนายใหญ่กลับไปแล้ว ใบหน้าที่ยังคงสง่างามมากและโบกมือไปมา โดยเฉพาะพ่อและแม่ของเจียงซิ่วออกไปขอบคุณก่อนที่เขาจะเดินทางกลับ พอออกจากประตูบ้านของตระกูลเจียง บอดี้การ์ดข้างนอกก็โผล่ออกมา
“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนรอ เริ่มงานกันเถอะ” เจียงซิ่วพูด
ตอนที่นายใหญ่มาถึงก็เกือบๆ จะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยง ผลลัพธ์คือต้องยืดไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าเลยต้องรีบกันสักหน่อย บางคนในบ้านทานอาหารไปก่อนแล้วเกรงว่าจะต้องไปทานอาหารว่างช่วงบ่ายแทน
แต่ใครจะกล้าพูดเรื่องล้อเล่นกันล่ะ นั่นป็นถึงนายใหญ่ต่อให้หิวไปสองมื้อก็เต็มใจทั้งนั้นแหละ
“ไม่กล้าหรอกครับ!”
อากาศเย็นแล้ว อาหารกังฟูพวกนี้ก็เย็นชืดหมดแล้ว หลินเย่หลิงมองสักครู่ก็ให้คนรับใช้นำมันไปอุ่นอีกรอบ แต่อาหารที่อุ่นมาใหม่รสชาติต้องแย่กว่าเดิมแน่นอน
“ไม่ต้องหรอกครับ พวกเราไม่ได้อะไรมาก” กู่เต๋อรีบพูด
เมื่อตระกูลหลินร่วมมื้ออาหารกัน แต่ละคนราวกับว่าพวกเขาถูกฟาดด้วยสายฟ้าฟ้า ดวงตาของพวกเขาเฉยชาและว่างเปล่า …