Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 131
บทที่ 313
ขัดแย้ง
เจียงเฉิง = เมืองเจียง
เซียวเสว่ถงเห็นท่าทีเป็นการเป็นงานของจัวอี้เฉินแล้ว เกิดความรู้สึกไร้หนทางอยู่บ้าง รอจนเธอส่งสัญญามาถึงตน ก็วางเอาไว้ด้านข้าง หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ไม่ง่ายเลยที่จะได้ผ่อนคลาย พวกเราทานอะไรกันก่อนดีไหม?”
จัวอี้เฉินก็ไม่รู้จะกล่าวอะไร เจียงซิ่วเทน้ำให้เธอพลางยิ้ม หลังจากนั้นก็ส่งสัญญาณเรียกพนักงานให้หยิบรายการอาหารมา ส่งให้เธอแล้วกล่าว “คุณอี้เฉิน ดูสิว่าคุณชอบทานอะไร พวกเรากินไปคุยไปได้นะ”
เขารับรายการอาหารมาแล้วกล่าว “มื้อนี้ก็ให้ฉันเลี้ยงเถอะนะ พวกเธออย่าห้ามฉันเลย”
เซียวเสว่ถงหัวเราะพลางกล่าว “คุณหนูจัว คุณจะประหยัดเงินให้เขาทำไม เป็นธรรมดาที่ต้องเป็นคนจ่ายเงิน ก็ในเมื่อที่นี้มีเขาเป็นผู้ชายคนเดียว ให้เขาแสดงน้ำใจหน่อยเถอะ”
จัวอี้เฉินยิ้มบาง ความสัมพันธ์ของเซียวเสว่ถงกับเจียงซิ่วดูท่าจะแน่นแฟ้นไม่เลว หันหน้าไปมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่อยู่ด้านข้าง ช่างแตกต่างจากจินตนาการของเธอนัก ได้ยินว่าวัยเยาว์ของเขาตั้งแต่เล็กก็ยากลำบากโดดเดี่ยวนัก จนกระทั่งเมื่อปีก่อนที่พ่อของเขาพ้นโทษ สถานการณ์ของครอบครัวถึงค่อยดีขึ้นมา
ใบหน้าด้านข้างนับว่าหน้าตาดีมาก โครงหน้าชัดเจน เจียงซิ่วที่ไม่ได้เปิดเผยร่างเทพ ที่จริงแล้วก็หล่อเหลามาก เพียงแต่เมื่อเปิดร่างเทพแล้ว จักเป็นดั่งคำของเซียวเสว่ถง หล่อเหลาเหนือมนุษย์ ไม่มีผู้ใดไม่สุนทรีย์กับความคมคายสมบูรณ์แบบราวกับรูปปั้นเทพบุตรกรีกโบราณอย่างนั้น
ดูเหมือนว่า เทียบกับตัวเธอแล้วเขาจะอายุน้อยกว่าซักสี่ปี
หากว่าเรื่องโชคร้ายเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้น เช่นนั้นเขาก็จะเป็นน้องชายข้างบ้านของเธอ
“ให้ฉันเลี้ยงดีกว่า คิดเสียว่าให้โอกาสฉันสักครั้ง” สำหรับอาหารมื้อนี้ เพียงแค่ไวน์สองขวดก็ร่วมสามแสนเข้าไปแล้ว ถึงแม้ว่าจัวอี้เฉินจะสามารถควักออกมาได้แน่ ทว่าเธอก็พึ่งพาตัวเองมาได้ไม่นานเท่าไร ต้องจ่ายเงินมากขนาดนี้ก็นับว่าไม่น้อยเลย
จัวอี้เฉินก็ไม่ได้โต้แย้ง เธอเป็นผู้หญิงไม่ซักไซ้ไม่เซ้าซี้คนหนึ่ง เพราะว่าตั้งแต่เด็กก็เสียพ่อแม่ไปทั้งคู่ ผ่านคืนวันที่ต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่เคยกล้าไม่เจียมตัว ยิ่งไม่กล้าถกเถียงอะไรกับใคร เธอคิดแค่ว่าทำตัวเองให้ดีเท่านั้น “เช่นนั้นครั้งหน้าให้ฉันเลี้ยงนะ”
“ใช่แล้ว พวกคุณดูจะสนิทกันมาก!”
จัวอี้เฉินเอ่ยออกมาเช่นนี้ สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
“ตอนที่ฉันไปร้องเพลงเปิดงานที่เจียงเฉิง ตอนนั้นฉันข้อเท้าแพลง แต่คุณชายท่านนี้กลับหลอกว่าฉันขาหักแล้ว ทั้งยังบอกว่าฉันจะต้องกลายเป็นคนพิการ ฉันกลัวจนร้องไห้ออกมาตรงนั้นเลยนะ”
จัวอี้เฉินกล่าวในใจ ช่างร้ายกาจจริงๆ
เวลานี้ โทรศัพท์ของเซียวเสว่ถงดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู ทั้งไม่ได้หลบเลี่ยงทั้งสองคนตรงหน้า “ฮัลโหล หลิวต้าเซ่า!”
ได้ยินคำเรียกนี้ หูของจัวอี้เฉินพลันตั้งขึ้น
เธอรู้แล้วว่าใครเป็นคนโทรมา
“ต้องขออภัยจริงๆ หลิวต้าเซ่า เรื่องนี้ฉันเกรงว่าไม่อาจรับปากกับคุณได้ ไม่สามารถเซ็นสัญญากับคุณได้แล้วค่ะ ฉันตกลงกับคนอื่นไปแล้ว ใช่… ฉันเข้าใจค่ะ ต้องขออภัยจริงๆ นะคะ”
น้ำเสียงของหลิวต้าเซ่าที่อยู่อีกฝั่งเย็นเยียบลง “คุณหนูเซียว ค่าตอบแทนที่อีกฝ่ายให้มากกว่าผมหรือ? ไม่เป็นไร ผู้อื่นจะให้มากน้อยเท่าไร ผมก็สามารถให้ได้มากเท่านั้น คุณก็รู้ความแข็งแกร่งของสกุลหลิวของผม ถึงแม้ว่าครอบครัวของผมจะไม่ได้เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ แต่โดยพื้นฐานแล้วก็สามารถเอ่ยปากได้กับทางนั้นได้”
เซียวเสว่ถงกล่าว “ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินหรอกค่ะ ไม่อาจตกลงได้จริงๆ ค่ะ”
หลิวต้าเซ่ากล่าว “ค่าเซ็นสัญญาสิบล้าน!”
เซียวเสว่ถงส่ายหน้า “หลิวต้าเซ่า ไม่เรื่องเงินจริงๆ ค่ะ ข้อเสนอที่คุณให้มาก็ใจกว้างมากแล้ว”
หลิวต้าเซ่ากล่าว “ห้าสิบล้าน!”
เซียวเสว่ถงในใจรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง นี่เป็นการเอาเงินฟาดหัวผู้คนแล้ว คนที่ถูกเงินฟาดได้ ย่อมไม่รู้สึกอับอาย แต่คนที่ใช้เงินฟาดไม่ได้ ย่อมรู้สึกอัดอึดอย่างยิ่ง ตอนนี้เซียวเสว่ถงก็เป็นเช่นนั้น
ทว่าหลิวต้าเซ่าที่อยู่ปลายสายก็ไม่ใช่คนที่เธอจะมีเรื่องด้วยได้ “หลิวต้าเซ่า โปรดเข้าใจด้วยเถอะนะคะ”
ห้าสิบล้านไม่น้อยจริงๆ นี่เกือบจะเป็นขีดจำกัดของหลิวเซวียนจือแล้ว เขาอยากจะให้มากกว่าห้าสิบล้าน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น ห้าสิบล้านกลับไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเซียวเสว่ถงได้ เช่นนั้นแล้วก็คงเป็นอย่างที่เธอพูด ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน
หลิวต้าเซ่ากล่าว “คุณหนูเซียว คุณควรจะไตร่ตรองให้ดีๆ ผมมีน้ำใจกับคุณมาก หวังว่าคุณก็จะมีน้ำใจตอบกลับมา ผมตกลงกับคนอื่นว่าจะเซ็นสัญญากับคุณ ก็ต้องทำให้สำเร็จ”
เซียวเสว่ถงได้ยินก็รู้ว่าในใจของหลิวต้าเซ่าไม่พอใจแล้ว
“ในวงการบันเทิงคิดจะปั้นใครสักคนให้ดัง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าหากนึกจะทำลายใครกลับเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างยิ่ง ขอเพียงผมเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะดังสักแค่ไหน ก็ทำให้คุณหายไปจากวงการนี้ได้ทันที”
สีหน้าของเซียวเสว่ถงก็พลันเย็นเยียบลง “คุณข่มขู่ฉัน?”
“อาฮะ!”
“ฉันไม่เคยพบเคยเจอคนอย่างคุณมาก่อน ฉันไม่ยินยอมเซ็นสัญญากับคุณ คุณก็ข่มขู่ฉัน คุณมันอันธพาล หรือไม่ก็โจรร้าย เสียดายที่คุณเป็นลูกหลานสกุลหลิว แต่ทำตัวไม่ต่างอะไรกับคนจรจัด”
เธอก็โมโหแล้ว ตอนนี้เธอโด่งดังนัก ใครพบเจอก็ล้วนแต่พินอบพิเทา ทั้งยังปฏิบัติต่อเธอเยี่ยงบุคคลสำคัญ ถูกคนข่มขู่เช่นนี้ย่อมเป็นครั้งแรก
จัวอี้เฉินมึนงงนิ่งงัน ได้ยินน้ำเสียงราวกับว่าหลิวต้าเซ่าข่มขู่เซียวเสว่ถง นี่ทำใฟ้เธอฉุกคิด ในสายตาของเธอ หลิวต้าเซ่าเฉลียวฉลาดและมองการณ์ไกล มีความสง่างามและเป็นสุภาพบุรุษ แล้วจะข่มขู่ผู้คนได้อย่างไร?
หลิวต้าเซ่ากล่าว “กำเริบเสิบสาน! ก็แค่นางงิ้วไร้ค่าคนนึง ถือดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้?”
“นางงิ้ว?”
ใบหน้างามของเซียวเสว่ถงเผือดซีด สิ่งที่นักแสดงเกลียดที่สุดก็คือถูกคนเรียกว่านางงิ้ว นี่เป็นการดูถูกเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่แค่คนที่ถูกหยามเกียรติ แต่รวมไปถึงทั้งวงการที่ถูกดูแคลนไปด้วย
“สารเลว!”
เซียวเสว่ถงตัดสายอย่างเกรี้ยวกราด โกรธจนหน้าอกสะท้านขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
เซียวเสว่ถงกล่าว “เจอกับคนสารเลวคนหนึ่ง ทำตัวเป็นนายน้อยมากอำนาจกับฉัน ไม่เคยพบเจอคนที่ไร้คุณภาพขนาดนี้ อย่าพูดถึงอีกเลย เสียความรู้สึก”
กระนั้นในสายตาของเธอ กลับสะท้อนความกังวลออกมาเล็กน้อย เพิ่งจะโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี ตอนนี้กลับนึกเสียใจ หลิวเซวียนจือไม่ใช่นายน้อยธรรมดา ไม่ใช่ประเภทรวยจากเงินสกปรก แต่เป็นคุณชายตระกูลใหญ่ อย่างที่เขากล่าว วงการบันเทิงนี้เป็นพื้นที่ของชื่อเสียงเงินทอง คิดอยากทำลายก็ง่ายดายกว่าที่อื่น
จัวอี้เฉินไม่กล้าส่งเสียง ตอนนี้เธอกังวลเล็กน้อย หากเซี่ยเสว่ถงรู้ว่าหลิวเซวียนจือช่วยเธอ จะต้องเกิดรู้สีกรังเกียจเธอขึ้นมาเป็นแน่ เช่นนั้นเรื่องที่จะเซ็นสัญญาก็เป็นไปได้ยากยิ่งแล้ว
“ดื่มกันเถอะ…”
พนักงานยกขวดไวน์ขึ้น เจียงซิ่วทำตัวเป็นบริกรให้กับสองสาวสวย รินไวน์ให้พวกเธอ “อวยพรล่วงหน้าสักอย่างแล้วกัน อย่างแรกสุขสันต์วันปีใหม่”
“ชนแก้ว!”
เจียงซิ่วและเซียวเสว่ถงยังดี ทั้งสองคนมาเพื่อสนทนากัน อันที่จริงจัวอี้เฉินอาจเรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้า เธอเข้าร่วมวงด้วย บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นไร้สีสัน และตัวของเธอเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่งที่จะสามารถสร้างบรรยากาศได้ สถานการณ์จึงกระอักกระอ่วนอย่างน่าประหลาด เจียงซิ่วยิ่งไม่เข้าใจเรื่องผ่อนคลายบรรยากาศ เขาเป็นคนที่ยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางที่สุดคนหนึ่ง
ปกติแล้วจัวอี้เฉินไม่เคยแตะต้องสุราเมรัยแม้แต่น้อย เวลานี้จึงได้ฝืนตัวเองดื่มไปสักอึก ใบหน้าเรียบเฉยปรากฎริ้วแดงอีกอย่างหนึ่งขึ้น เสน่ห์ภายในของเธอค่อยๆ ปรากฎออกมา สองตาพร่าเลือน เจียงซิ่วมองตาม เธอไม่เหมาะที่จะทำธุรกิจจริงๆ ทั้งยังไม่เหมาะที่จะเป็นหมอด้วย เจียงซิ่วรู้สึกว่าเธอเหมาะกับการเป็นนักกวี ยิ่งกว่านั้นบางทีเพราะเป็นสาวน้อยน่าสงสารที่จำต้องอยู่ในบ้านของคนอื่น หน่วงหนักด้วยความโศกเศร้าภายในใจ จึงมีเสน่ห์อ่อนหวานที่สวรรค์มอบให้
“คุณอี้เฉินบอกว่าดื่มไม่ได้มาก เช่นนั้นพวกเราก็ดื่มให้น้อยลงหน่อยเถอะ”
ที่จริงก็ไม่ได้ดื่มไปมากเท่าไหร่นัก เพียงแค่ไวน์แดงสองแก้วเท่านั้นเอง
“ไม่มีปัญหา!”
เธอกุมแก้มของตนเอง เสียงก็ค่อยๆ อ่อนหวานเปี่ยมเสน่ห์ขึ้น “ดีใจจริงๆ ที่ได้ดื่มกับเซียวเซียว นี่เซียวเซียว บริษัทของฉันถึงจะไม่ใหญ่โต ทั้งยังก่อตั้งมาได้ไม่นาน แต่บริษัทพวกเราได้มาตรฐานมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะมาร่วมด้วยกัน”
เซียวเสว่ถงกล่าว “คุณชายท่านนี้บอกฉันนานแล้ว มีปากกาไหม?”
พนักงานหยิบปากกาส่งให้
เธอหยิบสัญญาขึ้นมาเซ็นชื่อของตัวเองลงไป
จัวอี้เฉินเบิกตาโตมองค้างอย่างไม่อาจเชื่อ สร่างเมาขึ้นมาไม่น้อย ไม่หรอกน่า แบบนี้ก็เซ็นสัญญาแล้วหรือ ในใจเธออดไม่ได้ที่จะสงสัย เจียงซิ่วกับเซียวเสว่ถงที่แท้แล้วมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ เรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกับอนาคตการงาน ก็ยังด่วนตัดสินใจได้ เธอกล้ามั่นใจว่าเซียวเสว่ถงไม่เข้าใจบริษัทของเธอด้วยซ้ำ
“คุณ คุณเซ็นแล้วหรือ?”
“ใช่สิ”
จัวอี้เฉินกล่าว “แต่คุณยังไม่ได้อ่านสัญญาแล้ว ทั้งยังไม่เข้าใจบริษัทของฉัน…”
“ค่อยๆ ทำความเข้าใจทีหลังก็ได้ อย่างไรเสียถ้าเกิดฉันไม่พอใจขึ้นมา ฉันก็แค่ไปเช็คบิลคุณชายท่านนี้เท่านั้น” เซียวเสว่ถงหัวเราะพลางชี้นิ้วไปทางเจียงซิ่ว เธอคงคอแข็งไม่เลว ดื่มไปหลายแก้วแล้ว ใบหน้ายังไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด ทว่าในหมอกมีความสดชื่นอยู่หลายส่วน ฤทธิ์สุรามากน้อยก็ยังมีอยู่เช่นกัน
เวลานี้ในที่สุดจัวอี้เฉินก็เข้าใจ ที่เซียวเสว่ถงปฏิเสธหลิวเซวียนจืออย่างหนักแน่นนั้นเป็นเพราะตกลงรับปากเจียงซิ่วแล้ว เธอหันไปมองเจียงซิ่ว เอ่ยปากเสียงเบา “ขอบคุณนะ!”
เจียงซิ่วกล่าว “พวกเราติดค้างเธอ หวังว่าจะชดเชยความเสียหายให้กับเธอ”
จัวอี้เฉินได้ยินก็ไม่เข้าใจอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าซักไซ้ อีกทั้งเธอเองก็รู้สถานการณ์ของตัวเองดี เจียงซิ่วกับเซียวเสว่ถงมีเรื่องมากมายที่ไม่อาจเอ่ยปาก เธอจึงลุกขึ้น “ถ่วงรั้งเวลาของพวกคุณมานานแล้ว ฉันขอตัวไปก่อนนะ พวกคุณค่อยๆ ทานกันไปนะ”
“เรื่องงาน รอสัญญาของฝั่งเซียวเซียวเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
เซียวเสว่ถงพยักหน้า
“เธอดื่มเหล้าไปแล้ว กลับคนเดียวจะไม่เป็นอะไรหรือ?”
“ด้านนอกมีเพื่อนร่วมงานรอฉันอยู่ค่ะ” จัวอี้เฉินหลบสายตาของเจียงซิ่ว เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะว่าเธอไม่คิดที่จะแต่งงานกับเจียงซิ่ว “ลาก่อน”
ในเวลานั้น หลินเย่หลิงกำลังต่อรองกับสกุลจัว…