Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 229
บทที่ 229
กลายเป็นเทพ
ในขณะที่เจียงซิ่วกำลังจะรวมวิญญาณของเขาเข้ากับรัศมีพระเจ้าที่อยู่ที่สูงที่สุด ทันใดนั้นเสียงก็ดังออกมาจากความว่างเปล่า “ใครกล้าเข้ายึดรัศมีพระเจ้าแห่งนภา?”
ถ้าเป็นคนธรรมดา พวกเขาจะงงงวยหลังจากเจอเรื่องแบบนี้ แต่เจียงซิ่วเป็นผู้มีประสบารณ์ที่ผ่านโลกมาจนช่ำชอง ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจผลที่ตามมาและวางแผนที่จะเข้ายึคครองสิ่งนี้ก่อน ดังนั้น เขาจึงพยายามรวมจิตวิญญาณเข้ากับมันทันที
“กล้าดียังไง!”
สิ่งนั้นตะโกนออกมาด้วยความโกรธ มันตามมาด้วยพลังอำนาจที่สามารถหยุดยั้งพื้นที่ทั้งหมดได้
พลังนี้แข็งแกร่งเกินไป และไม่ใช่สิ่งที่เจียงซิ่วในตอนปัจจุบันสามารถต้านทานได้ เขาถูกผลักถอยออกไปจากการเข้ากดข่มครั้งนี้
เจียงซิ่วโกรธ “แกเป็นใคร? ทำไมแกถึงต้องขัดขวางไม่ให้ฉันได้รับรัศมีพระเจ้า?”
สิ่งนั้นเปล่งเสียงผ่านจมูกอย่างเย็นชา “เด็กผู้โง่เขลา เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเทพเช่นข้านี้คือใคร และกล้ากระทำเช่นนี้อย่างโจ่งแจ้ง ข้าคือบรรพบุรุตของคฤหาสตี่ฟู่เหยา เป็นผู้คนที่อยู่ในอณาจักรเทพเจ้าของโลกนี้ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่น้อยกว่าอณาจักรนี้อยู่ภายใต้การดูแลของข้า”
เจียงซิ่วจะไม่กลัวเพียงเพราะคำสองคำ “ตั้งแต่ที่ฉันกลายเป็นเทพเจ้า และได้เข้ามายังความว่างเปล่าแห่งนี้ โลกก็ได้เอื้อเฟื้อให้อิสระฉันจากการเลือกรัศมีพระเจ้าแล้ว”
“แกไม่มีสิทธิ์ที่จะป้องกันไม่ให้ฉันได้รับรัศมีพระเจ้าอันที่ฉันต้องการ”
บุคคลนั้นตอบกลับไปว่า “ ป่าเถื่อน!” เสียงนั้นคล้ายกับการสกดข่มของสวรรค์ สิ่งนี้มันทำให้เจตจำนงศักดิ์สิทธ์ของเจียงซิ่วกลายเป็นแตกตื่น และแทบจะกลายร่างเป็นความว่างเปล่า “ข้าอยู่ในระดับเทพเจ้า ดังนั้นแล้วโดยธรรมชาติรัศมีพระเจ้าก็ตกอยู่ในการควบคุมของข้าเช่นกัน เทพเช่นข้าไม่อนุญาตให้เจ้าครอบครอบงรัศมีแห่งนภา มันยังไม่ถึงตาของเจ้า”
เนื่องจากรัศมีแห่งนภาอยู่ในที่ๆ สูงที่สุด ดังนั้นมันควรจะแข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นเพราะเจ้าโง่นี้จึงทำให้เขาไม่สามารถเอามันมาได้
“แกกำลังขัดขวางเจตจำนงแห่งสวรรค์!” เจียงซิ่วตอบ
เนื่องจากมีข้อจำกัดสำหรับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ มันอาจเป็นไปได้ที่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใครก็ได้ เช่นเดียวกับทรัพยากรในโลกมนุษย์ บางตระกูลทะเยอทะยานและรังแกคนอื่นเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ นี่เป็นผลมาจากความปรารถนาของมนุษย์ที่มีต่ออำนาจ
โดยธรรมชาติแล้วเจียงซิ่วไม่อนุญาตให้เทพผู้น้อยมารังแกเขาและขัดขวางการบ่มเพาะของเขาได้
“หากข้าขัดขวางเจตจำนงของงสวรรค์แล้วอย่างไรหล่ะ?”
ดูเหมือนชายคนนั้นมีความตั้งใจที่แน่วแน่ว่าจะไม่มอบรัศมีแห่งนภาให้กับเจียงซิ่ว
“ฮึ่ม!”
เจียงซิ่วร่ายมนตร์คาถา เขาวางแผนที่จะใช้ทักษะลับสุดยอดเพื่อเสริมเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้แข็งแกร่งขึ้น นี่เทียบเท่าได้กับการเผาลาญเลือดของตัวเอง และอาจส่งผลทำลายเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างรุนแรงได้ มันอันตรายถึงชีวิต
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นธรรมชาติของเจียงซิ่ว เขาไม่เพียงแต่ไร้ความปรานีต่อผู้อื่น แต่เขายังไร้ความปราณีต่อตนเอง ถ้าเขาไม่กระทำอย่างสุดโต่ง เขาก็จะไปไม่สูงเท่าที่เขาเคยไปในทวีปการต่อสู้นิรันดร์ และก็จะไม่กลายเป็นผู้นำนิกายย่างก้าวสวรรค์
“ฮ่ะ!”
เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เกิดไอร้อนขึ้นสูงทันที เขาพุ่งตัวบินไปยังตำแหน่งสูงสุดอย่างมุทะลุหวังที่จะยึดครองรัศมีพระเจ้าแห่งนภา
“ไม่ยั้งคิด!”
ชายผู้นั้นตะโกนขึ้น พลังแห่งการสะกดข่มก็เพิ่มขึ้น เขาไม่ได้ใช้ทักษะลับหรือความสามารถตามธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามพลังของเจตจำนงที่เขาไม่เคยได้ใช้มาก่อนได้ถูกนำมาใช้ตอนนี้
ปั๊ง!
เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนั้นไร้รูปร่าง แต่เมื่อทั้งสองปะทะกัน ความว่างเปล่าทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือน
“เซียนไม่มีนัยยะสำคัฐกล้าที่จะต่อสู้กับเทพเข้าข้า! หาที่ตาย!”
พลังสะกดข่มมากยิ่งเพิ่มขึ้นตามมาและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากทั้งหมด มันก็มีการแบ่งแยกที่ชัดเจนระหว่างพลังของเซียนและเทพเจ้า นับประสาอะไรกับ การที่ฝ่านตรงข้ามเป็นเทพเจ้าของดินแดนนี้
เจียงซิ่วรู้สึกได้ถึงพลังที่ไร้มดเปรียบ มันเทียบเท่ากับโทสะของสวรรค์ที่เคยบดขยี้เขาได้ในระหว่างการแลกกระบวนท่าครั้งนี้
บูม!
เจียงซิ่วรู้สึกว่าเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เริ่มล่วงลงจากความว่างเปล่า รัศมีแห่งนภาอยู่ไกลออกไป ไกลออกไปและไกลออกไป รัศมีแห่งพระเจ้าอื่นๆ ก็กลายเป็นจุดเล็กๆ เช่นกัน ราวกับว่าเวลาไหลย้อนกลับเมื่อเขาตกลงมา ลงไปในเหวลึก
“เด็กเหลือขอ ในฐานะที่เจ้าได้โจมตีเทพเช่นข้า ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้รับรัศมีพระเจ้าไป รัศมีแห่งนภายิ่งไม่ต้องกล่างถึง เทพเช่นข้าจะประกาศอย่างเป็นทางการ ว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่อณาจักรศักดิ์สิทธิ์”
เจียงซิ่วลืมตาขึ้นและพบว่าเขาอยู่ที่บ้านของเขาเอง เขาเริ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับว่าเขากลั้นหายใจจากใต้น้ำมาเป็นเวลานาน ดวงตา หู ปาก และจมูกของเขามีเลือดไหลออกมา สิ่งนี้ทำให้เขาดูน่าเกลียดน่ากลัว
“แกไม่ให้ฉันเป็นเทพ?”
“แกคิดว่าแกสามารถทำแบบนั้นได้?”
เนื่องจากจำนวนของอำนาจศักดิ์สิทธิ์มีจำกัด นี่ก็คงเป็นกฎของโลกนี้อย่างแน่นอน เทพที่อยู่ในดินแดนเล็กๆ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนกฎได้ กล่าวอีกนัยนึง ถ้าเพียงเขามีรัศมีพระเจ้า เขาก็สามารถกลายเป็นเทพได้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับรัศมีนภา แต่เขาก็ยังมีรัศมีพระเจ้าอยู่อีกสามดวงกับตัวเอง
“สิ่งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ฉันจำต้องเป็นเทพให้เร็วที่สุด!”
มันย่อมมีคนอื่นนอกเหนือจากเขาที่เป็นเจ้าของอำนาจศักดิ์สิทธิ์ และเช่นเดียวกันมันก็มีจำนวนจำกัด บางทีดินแดนเทพของตนนั้นอาจมีผู้สมัครจองอยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากเขาสามารถควบคุมรัศมีพระเจ้าได้ เขาก็มีสิทธ์ที่จะสมัครด้วยเช่นกัน
เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขา และระลึกถึงเส้นทางที่เขาเดินทางผ่านไปเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนว่ารัศมีพระเจ้าที่คล้ายกับของหลี่มี่นั้นจะอยู่ที่ตำแหน่งที่สูงที่สุดของทั้งสามดวง ที่เขาครอบครอง ตั้งแต่ที่ยิ่งสูงยิ่งมีพลัง เขาตัดสินแล้วว่ารัศมีพระเจ้าของหลี่มี่สมควรที่จะแข็งแกร่งที่สุด
เจียงซิ่วตัดสินใจเลือกรัศมีพระเจ้าของหลี่มี่ ทั้งๆ ที่เขาไม่แม้แต่จะรู้จักคุณสมบัติมัน
หลังจากทำความคิดของเขาเองให้สงบลง เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและเริ่มที่จะผสานวิญญาณเข้ากับรัศมีพระเจ้า ครั้งนี้มันง่ายกว่าตอนที่พยายามทำครั้งก่อนมาก เขาใช้เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองไปเพียงเล็กน้อย และร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะเทือนอย่างมีความหมายอีกครั้ง หลังจากที่มันสลายไปมันก็รวมเข้ากับร่างกายเจียงซิ่ว หายออกไปจากสายตาอย่างสมบรูณ์
เวลานี้ รัศมีพระเจ้าได้แสดงพลังอันมหาศาลทั้งหมดที่มีออกมา เจียงซิ่วรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังจะระเบิดออก เขากัดฟันของตัวเองขณะที่ส่งเสียงครวญคราง แต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะปล่อยให้รัศมีพระเจ้าเทียวเข้ามาในสายเลือดพระเจ้าของเขาเปลี่ยนร่างของเขาแล้วควบแน่นกลับมาอีกครั้ง
บูม! บูม!
เสียงดังราวกับฟ้าผ่าดังก้องมาจากร่างกายของเจียงซิ่ว พลังของรัศมีพระเจ้าดูเหมือนจะก่อเกิดความเสียหายและสร้างความหายนะให้แก่ร่างกายของเขา มันพังทลายและก่อร่างขึ้นมาใหม่ เริ่มกระบวนการทำลายล้างอย่างไม่จบสิ้น
เขารู้ว่าช่วงเวลาสำคัญที่จะตัดสินใจว่าเขาจะเป็นเทพหรือไม่ได้มาถึงแล้ว!
มันให้ความรู้สึกราวกับว่ามีคนเล่นตัวเขาเหมือนเขาเป็นดินเหนียว หล่อหลอมเขาตามที่พวกเขาต้องการ เซลล์ทั้งหมดของเขา กระดูกและกล้ามเนื้อเริ่มมีก่อร่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ดังนั้นจำนวนของความเจ็บปวดที่เขารู้สึกจึงค่อนข้างชัดเจน
“อ๊ากกกกกกกกกก…”
เจียงซิ่วกลายเป็นไม่เหลืออะไรเลย ขณะที่ร่างทั้งหมดของเขากลายเป็นแสงสว่างจ้า เลือดไหลออกมาจากปากของเขา ตามด้วยการอาเจียนออกมาเป็นเลือด
บูม!
ในเวลาเดียวกัน ทั้งห้องเต็มไปด้วยความร้อน ความสว่างนี้แผ่แสงขึ้นไปไกลยังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า พุ่งผ่านชั้นฟ้า ขึ้นสู่อวกาศ ไปยังชั้นนอกของจักรวาล
เขารู้สึกได้ถึงการตอบสนองจากโลก แต่เขาก็ยังไม่ได้เป็นเทพเจ้าที่แท้จริง เพราะเจ้านั้นทำให้เขาตกลงมา แต่เขาก็ยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องในขณะที่ขบฟันของตัวเองไปด้วย พลังภายในของเชื้อสานพระเจ้าเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน และสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แขนของเขาก็ร้อนเป็นพิเศษ จุดกำเนิดศักดิ์สิทธิ์ของเขายังไม่สามารถทะลวงขั้นได้ และเชื้อสายพระเจ้าของเขาก็ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาจริงๆ มันเหลือเพียงไม่กี่ก้าว
“บ้าเอ้ย สมบัติ!”
เจียงซิ่วตระหนักได้ว่าพลังของเขาไม่เพียงพอ ในทวีปการต่อสู้นิรันดร์ เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น มันจำเป็นที่จะต้องซึบซับพลังงานต่างๆ เพื่อให้ขั้นตอนนี้เสร็จสมบูรณ์ แต่มันก็ไม่มีสมบัติหรือโอถสต้นกำเนิดใดๆ ให้กับเขา
“ฉันจะต้องมาล้มเหลวในนาทีสุดท้าย?”
ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังมีรัศมีพระเจ้าอยู่อีกสองดวง เขาแยกพวกมันออกจากกันเพราะเขาไม่รู้ว่าพวกมันจะขัดแย้งกันเองหรือไม่ และมันอาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ แต่ตอนนี้ หากเขาไม่เติมพลังให้มากกว่านี้ ผลที่ตามมาน่ากลัวเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ สำหรับเหตุกาณ์นี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเป็นเทพเจ้า เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อที่จะบรรลุมันให้ได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจลงมือครั้งสุดท้าย
เขาควบคุมรัศมีพระเจ้าที่อยู่ภายในร่างกายของเขา ทันทีมันก็เริ่มเรืองแสงออกมา ร่างกายของเขากลายเป็นเหมือนหลอดไฟ ขณะที่อีกสองรัศมีพระเจ้าก็เริ่มผสานเข้ากับจิตวิญญาณของเขา
ครั้งนี้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่กลับรู้สึกสบายแทน สิ่งนี้ทำให้เจียงซิ่วผสานรัศมีพรเจ้าได้เร็วขึ้น
เจียงซิ่วหมกมุ่นอยู่กับรัศมีพระเจ้าทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง รัศมีพระเจ้าเหล่านั้นคล้ายกับพลังงานที่ร่างกายต้องการ เขากินพวกมันเพื่อเติมพลังงานร่างกาย
บูม!
จิตใจของเจียงซิ่วสั่นสะเทือน และจุดกำเนิดศักดิ์สิทธิ์ของเขาระเบิดขึ้น คล้ายกับการเกิดบิ๊กแบงซึ่งเป็นต้นกำเนิดของจักรวาล ภายในเสี้ยววินาทีนี้เอง เจียงซิ่วก็แทบจะหมดสติลงไป มันราวกับว่าเขาอยู่ในอาการช็อค สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นซีดเซียว ข้อมูลอันทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์หลั่งไหลเข้ามาในจุดกำเนิดศักดิ์สิทธิ์
ในที่สุดเขาก็ปลุกตื่นสำเร็จ!
การปลุกตื่นที่แท้จริง!
เขานั่งไขว่ห้าง ในขณะที่ผมยาวของเขาลุกขึ้นพรือขึ้นราวกับเปลวไฟ ฐานะที่เขาผ่านกระบวนการการปลุกตื่นมาเขาก็ได้รับรู้ข้อมูลทุกรูปแบบทุกชนิด ท้ายที่สุดแล้วข้อมูลเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่อัดแน่อยู่ในสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์สมบูรณ์แล้ว!
ในที่สุดเขาก็สามารถใช้บันทึกมนตร์คาถาเสียงอันแรกได้
ทันทีหลังจากนั้น ร่างที่ไขว่ห้างของเขาก็เริ่มลอยและหมอกสีขาวก็ก่อตัวขึ้นที่ข้างใต้เขา มันก็เพื่อรองรับร่างกาย สิ่งนี้ช่างดูน่าอัศจรรย์อย่างแท้จิรง
เขาพุ่งตัวไปที่หน้าต่าง แต่ก็ไม่ได้กระแทกกับกระจกและทุละผ่านมาไปแทน เขาเปลี่ยนร่างเป็นควันสีขาวและออกไปด้านนอกห้อง ร่อนลงมาแล้วก็ก่อร่างที่แท้จริงของเขาบนระเบียง
ความสามารถในการแปลงร่างเป็นเรื่องอื่นเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำมันได้
ท้ายที่สุดแล้วเจียงซิ่วก็ได้กลายเป็นเทพเจ้า ในโลกนี้ บางทีอาจกล่าวได้ว่าเทพเจ้าเป็นการดำรงอยู่ที่อยู่จุดสูงสุดของโลกนี้ แต่ในทวีปการต่อสู้นิรันดร์ เทพเจ้าเป็นบุคคลที่เพิ่งเริ่มก้าวแรกสู่การฝึกฝน