Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 261
สิงโตปีศาจอ้าปากกว้าง มันเผยให้เห็นฟันขรุขระที่น่าขะแขยง ในขณะเดียวกันมันก็พุ่งเข้าไปกัดชาวบ้าน ด้วยพลังที่น่าขยะแขยงนั้น เพียงแค่ความแข็งแกร่งของขากรรไกร มันก็สามารถกัดต้นไม้ขนาดใหญ่ขาดออกจากกันได้ นับประสาอะไรกับลำคอของผู้คน บุคคลนั้นกรีดร้องด้วยความกลัว
วูสสสสส!
หินก้อนนึงพุ่งออกมาจากฝูงชนด้วยความเร็วที่น่าหวาดกลัว และราวกับว่ามันเป็นกระสุน มันกระทบกับศีรษะของสิงโตปีศาจอย่างแม่นยำ เจาะเข้าไปข้างในราวกับไม่มีสิ่งกีดขวาง
ทันใดนั้นเองที่สิงโตปีศาจก็บิดตัวเนื่องจากความเจ็บปวด มันคำรามก้องขณะที่ร่างของมันร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ และเลื่อนออกไปสองสามเมตรเนื่องจากแรงเฉื่อย
มันตายแล้ว!
“นี่มันสัตว์ประหลาดประเภทไหน?”
ชาวบ้านมองดูสิงโตปีศาจบนพื้นด้วยความกลัว ร่างกายของมันค่อยๆ กลายเป็นควันดำ มันกระจายไปอย่างรวดเร็วและหายไปภายในครึ่งลมหายใจ ขณะนี้เองที่ร่างที่คงตัวอยู่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์
“นี่คือ…”
ชาวบ้านที่ดูต่างก็ตกใจ
“ปีศาจ?”
ชายชรากล่าว “มันเป็นไปได้ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อใดก็ตามที่เกิดภัยพิบัติ มักจะมีสัตว์ประหลาดออกมาเพื่อสร้างปัญหา นี่ควรจะเป็นสัตว์ประหลาดอย่างที่บอก มันถูกกระสุนฆ่า? ฉันเห็นรูอยู่ในหัวของมัน”
นักล่างงงวย แน่นอนเขายิงปืน แต่มันเป็นก่อนที่สิงโตปีศาจจะกระโจนออกมา
แน่นอนว่ากระสุนไม่ได้ฆ่ามัน มันคือเจียงซิ่วที่เป็นคนลงมือ
ในขณะนี้เอง เจียงซิ่วรู้สึกประหลาดใจกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ เขาสงสัยว่ามันจะออกมาจากภูเขาเพราะแผ่นดินไหวหรือไม่ สถานที่นี้อยู่ใกล้กับภูเขา และมักจะมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักเช่นภูตผีปีศาจในอยู่ภูเขา ซึ่งมันก็มีรูปร่างแปลกๆ ต่างๆ นาๆ และดูเหมือนสัตว์ร้ายหรือปีศาจ
ปีศาจในภูเขามักมีตัวตนที่มีรูปลักษณ์จริงๆ ในขณะที่สิงโตปีศาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของปีศาจที่กลัวแสงแดด
“มันทำให้ฉันกลัวจริงๆ”
เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน สัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ปรากฏตัวและถูกฆ่าโดยนักล่า เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับแผ่นดินไหวได้และมันยังผ่านไปแล้วอีก ชาวบ้านจึงเริ่มโม้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยการสาดน้ำลายใส่กัน และมันพ่นออกมาจากปากเหมือนกับฝนที่กำลังตก นี่เองก็เป็นหนึ่งในที่ผู้คนขนานนามสำหรับคนจีน เมื่อมีคนแรกวิ่งไป ก็จะมีฝูงชนวิ่งตาม
เจียงซิ่วเห็นเจ้าของร้านค้า เป็นผู้หญิงที่เรียกว่าชื่อป้าขุ่ย “ป้า โทรศัพท์ของป้ายังอยู่ที่ร้านไหม?”
ป้าขุ่ยตอบ “ยังอยู่ ไปใช้ได้เลย”
เธอไม่ได้สนใจมันก็ในเมื่อมีแต่คนหมู่บ้านเดียวกัน โดยปกติแล้ว เธอมักจะเปิดประตูร้านค้าไว้ตลอด แต่ก็ไม่มีใครขโมยอะไรใดๆ
เจียงซิ่วมาที่ร้านแล้วโทรไปที่เบอร์ของหนานก๋งโควเอ๋อ เวลานี้เอง ที่เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและตะโกนใส่เขาทันที “นายยังมีหน้าโทรมาหาฉัน? ฉันเกือบจะถูกฆ่าเพาะนายแล้วนะ”
“เธอยังมีชีวิตอยู่หรอ?”
“ไอเลว นายยังมีหน้ามาพูดปะชดประชันอีกนะ นายรู้รึเปล่าว่าแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในเมืองฮ๋ารุนแรงมากเมื่อวานนี้? ฉันเกือบจะตายแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันจะจำเป็นต้องมาเมืองฮ๋าไหม? ฉันจะต้องเจอกับแผ่นดินไหวไหม?”
เจียงซิ่วหัวเราะ “มันน่าตื่นเต้นใช่มั้ยละ?”
หลังจากได้ยินคำสาปแช่งของเธอมากมาย เขาเดาว่าเธอสบายดี
หนานก๋งโควเอ๋อรู้สึกโกรธจริงๆ จากความหน้าด้านของผู้ชายคนนี้ “ฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เจอปัญหาอยู่ เจียงซิ่ว ฉันหานายไม่เจอหรอก นายลองคิดถึงตัวเองก่อนไหม โอเคนะ?”
“อย่าโกหกเลย…”
เจียงซิ่วกล่าว “เมืองฮ๋ากลายเป็นพิการไปแล้วตอนนี้ งั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปเมืองหลวง เธอสามารถไปทางเหนือของเมืองฮ๋าได้ และแม้ว่าจะมีเส้นทางที่จะกลับไปจากที่นั่น เธอก็จะต้องผ่านมาทางฉันก่อน”
“ฉันจะเสริฟก๋วยเตี๋ยวพูนๆ ให้เธอเอง”
แม้ว่าหนานก๋งโควเอ๋อจะพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยความโกรธ แต่ในความเป็นจริง เธอก็อยู่บนถนนที่มุ่งหน้าไปทางเหนือแล้ว และระหว่างทางที่จะไปยังที่ที่เจียงซิ่วอยู่ เธอก็กะจะเช่ารถจิ๊ปในเมืองเล็กๆ ไป
“นายหลอกใช้ฉันมาและจะเลี้ยงแค่ก๋วยเตี๋ยวพูนๆ ชามเดียว? นายคิดว่าฉันเป็นสาวน้อยที่ไม่มีประสบการณ์ชีวิตต่อโลก?”
“งั้นเอาสองชาม!”
“เจียงซิ่ว นายนี่มันจริงๆ ฉันมาในที่ที่ห่างไกลแบบนี้ มาจากเมืองหลวงจักรพรรดิและแม้กระทั่งเจอแผ่นดินไหวระหว่างทาง และสิ่งที่ฉันจะได้รับก็คือก๋วยเตี๋ยวพูนๆ?”
“งั้นเพิ่มไข่ให้ด้วย!”
“หุบปากนะ!”
ในขณะที่หนานก๋งโควเอ๋อกำลังเดินทางขึ้นเหนือ เธอเห็นรถพยาบาลส่งเสียงหว๋ออยู่ตรงถนน เครื่องบินกำลังบินข้ามท้องฟ้าไปยังเมืองฮ๋า หลังจากถามทิศทางจากผู้คน ในที่สุดเธอก็มาถึงหมู่บ้านฉินเต๋อ
ตอนนี้มันเที่ยงแล้ว และเธอก็เริ่มเดินทางในตอนเช้า เธอค่อนข้างเหนื่อย ดังนั้นเธอจึงหยุดในหมูบ้านเพื่อที่จะหาอะไรกินแล้วถามเส้นทางอีกครั้ง หมู่บ้านที่เจียงซิ่วอยู่ มันอยู่ห่างออกไปอีก 1-2 ชั่วโมง
ก่อนออกเดินทาง เธอซื้อยามาให้ชาวบ้านที่ช่วยเจียงซิ่ว เธอไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อเจียงซิ่ว มันเป็นเพียงแค่ว่าผู้หญิงคนนี้นั้นเกิดมาจากตระกูลที่ทรงเกียรติ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าโลกทำงานได้อย่างไร
เมื่อรถยนต์เข้าไปในหมู่บ้าน มันก็ดึงดูดสายตาของทุกคน เธอลงรถและมาที่ร้านค้า “ขอโทษนะคะ มีคนชื่อเจียงซิ่วที่นี่ไหม…”
ป้าขุ่ยประหลาดใจกับรูปร่างหน้าตาของหนานก๋งโควเอ๋อ “เขาอยู่ที่นี่ ผู้คนจากเมืองหลวงจักรพรรดิค่อนข้างหน้าตาดีกันทุกคนเลย หนุ่มคนนั้นก็หล่อ และหนูก็ดูเหมือนนางฟ้า”
หนูยอมรับได้ถ้าป้าสรรเสริญหนูว่าสวย แต่ผู้ชายคนนั้นก็แค่พอใช้ได้ มั้ง? แต่เธอเพียงแต่แค่เก็บความคิดเหล่านี้ไว้และขอบคุณเธอ “เขาอยู่ที่ไหน?”
“ป้าจะพาหนูไปที่นั่น!”
แม้ว่าแผ่นดินไหวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานที่นี้มากนัก บ้านเก่าๆ หลายหลังก็พังทลายลงมา และชาวบ้านก็กำลังซ่อมแซมพวกมัน พวกเขามารวมตัวกันและทำข้าวต้มแจกจ่ายทุกคน เจียงซิ่วก็มาอยู่หนึ่งในนั้นเพื่อกิน
จากระยะไกล หนานก๋งโควเอ๋อเห็นชายคนนึงที่สวมเสื้อกันหนานสไตล์อังกฤษอยู่ในฝูงชน แน่นอนว่าเขาย่อมดูแตกต่างจากคนธรรมดา เธอรู้สึกถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เมื่อเธอเห็นเขา “เจียงซิ่ว!”
เจียงซิ่วหันกลับไปและดูว่าเป็นใคร เขาต้อนรับเธออย่างตื่นเต้น หลังจากที่ได้เห็นว่านั่นคือนายหญิงหนานก๋ง เธอสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ซึ่งที่เอวผูกไว้ด้วยเข็มขัดสีที่คล้ายกัน มันขับเน้นความผอมของเอวเธอได้เป็นอย่างดี รองเท้าบู๊ตสีดำของเธอดูเหมือนจะดึงดูดความน่าสนใจของต้นขาออกมา ก็ในเมื่อใบหน้าสวยของเธอถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าพันคอขาวสลับแดง เธอดูเหมือนดอกลิลลี่ที่ยืนอยู่ทามกลางลมหนาว เมื่อเธอปรากฏตัวในสถานที่ที่ทรุดโทรมเช่นนี้ ทั้งหมู่บ้านเองก็ดูเหมือนจะสว่างขึ้นและทิวทัศน์ก็ดูสวยงามไปถนัดตา
หนานก๋งโควเอ๋อเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น การก้าวของเธอมีจังหวะของตัวเธอเอง ขณะที่เธอเดินไปหาเขา แต่เขาก็ทำแต่แค่จ้องมองเธอ เธออดไม่ได้ที่จะส่งสายตาไปทางเขา “ทำไมนายถึงมองฉันอยู่นั้นแหละ? ทำอย่างกะว่าไม่เคยเห็นฉันมาก่อน”
“ฉันเคยเห็นแต่ตอนที่เธอไม่มีเสื้อผ้า และตอนนี้…”
มีผู้คนมากมายอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังกล้าที่จะพูดอะไรเช่นนี้ออกมา ใบหน้าของหนานก๋งโควเอ๋อกลายเป็นกระดากอายทันที เธอโกรธมากจริงๆ และเธอก็คิดว่าไม่ควรใจอ่อนและมาช่วยเขาที่นี่เลย “บ๊ะ! ปากสกปรกๆ แบบนี้พูดอะไรดีๆ ออกมาไม่ได้จริงๆ”
นายหญิงหนานก๋งเริ่มโตตอบอย่างตรงไปตรงมา
อย่างไรก็ตาม เจียงซิ่วตรงหน้าเธอก็ทำให้เธอรู้สึกได้ความน่าแปลกใจ เจียงซิ่วก็ยังคงเป็นเจียงซิ่วคนเดิม มันเป็นเพียงแค่ว่าใบหน้าของเขาดูหล่อมากจนกระทั่งทำให้คนอื่นอ้าปากค้างได้ด้วยความประหลาดใจ เหมือนกับใบหน้าของเหล่าเทพในตำนานจากเทพนิยาย มันเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบและไร้ตำหนิใดๆ
ผู้ชายคนนี้หล่อแบบนี้อยู่แล้ว?
ทำไมฉันไม่สังเกตเห็นมาก่อนเลย?!
“เจียงซิ่ว เธอเป็นแฟนของเธอ?” ลุงเดินเข้ามาและถาม
หนานก๋งโควเอ๋อรีบเร่งอธิบาย “ลุงเข้าใจผิดแล้ว พวกเราเป็นแค่เพื่อนทั่วไป ไม่สิ เราไม่ใช่เพื่อนกัน”
ลุงหัวเราะ หากเธอไม่ได้เป็นเพื่อนกัน เธอจะมาที่นี่เพื่อรับเขาทำไม?
“ลุง สิ่งเหล่านี้เอามาให้ลุงค่ะ…”
พวกมันเป็นยาและไม่ได้แพงขนาดนั้น ดังนั้นลุงจึงยอมรับพวกมันด้วยความยินดี เขาไม่ได้ขออะไรเลยเมื่อตอนที่เขาช่วยชีวิตเจียงซิ่ว แต่เนื่องจากอีกฝ่ายต้องการตอบแทนเขา เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน
“นอกจากนี้ยังมี 10,000 หยวน เพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ…”
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ปฏิเสธมันทันที
“ป้า ทำก๋วยเตี๋ยวสองชามและเพิ่มไข่ให้…” ก่อนที่เจียงซิ่วจะพูดจบ หนานก๋งโควเอ๋อก็เตะเขา ผู้ชายคนนี้กำลังทำสิ่งที่เขาพูดจริง ๆ
“ฉันจะเตรียมให้เอง!”
หนานก๋งโควเอ๋อกินอะไรซักอย่างเมื่อไม่นานมานี้มาแล้ว แต่อากาศค่อนข้างหนาว และเธอก็รู้สึกหิวอีกครั้งแล้ว ดังนั้นเธอจึงตามหลังเจียงซิ่วไปที่บ้านของทั้งคู่
ลุงกับป้าเล่าเหตุการณ์ที่พวกเขาช่วยชีวิตของเจียงซิ่วจากแม่น้ำ ดวงตาของหนานก๋งโควเอ๋อเบิกกว้างหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เธอไม่รู้มันมาก่อนจนกระทั่งถึงตอนนี้
ความมืดมักมาเร็วเสมอในฤดูหนาว และตั้งแต่เมืองฮ๋ากลายเป็นพิการไปแล้ว ทั้งคู่จึงเกลี้ยกล่อมหนานก๋งโควเอ๋อให้เป็นแขกของพวกเขาในวันนี้
มันเริ่มต้นได้ดี แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อถึงเวลานอน
บ้านของคู่มีห้องสองห้อง และเนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเจียงซิ่วและหนานก๋งโควเอ๋อเป็นแฟนกัน พวกเขาจึงจัดห้องเดียวให้สำหรับทั้งคู่ พวกเขาจากไปและทิ้งทั้งสองเบิกตากว้าง
หนานก๋งโควเอ๋อหันกลับมาอย่างระมัดระวัง “นอนบนพื้น!”
“เธอต้องการให้ฉันหนาวจนตายเลยรึไง?!” เจียงซิ่วคำราม
เขาครอบครองส่วนซ้ายของเตียงอิฐนี้
หนานก๋งโควเอ๋อรู้สึกผิด นายคิดว่าทำตัวหนาด้านและจะเอาเปรียบจากฉันได้? แต่มันค่อนข้างเย็น และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เขาไปนอนบนพื้นได้ เตียงอิฐอบอุ่นเพราะมันเก็บความร้อนได้ดี และเธอเห็นว่ามันใหญ่พอสำหรับคนสองคนที่จะนอนได้โดยไม่มีปัญหา
มันจะไม่เป็นไร! เธอคิด