Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 262
หนานก๋งโควเอ๋อนอนอยู่อีกด้านของเตียง ขณะที่เธอหันไปทางเจียงซิ่ว ดวงตาที่สวยงามของเธอเปิดกว้าง เธอระวังตัวอยู่
อย่างไรก็ตาม เจียงซิ่วไม่ได้ทำอะไรเลยแม้ว่าเวลาจะผ่านไป มันดูเหมือนว่าเขาจะผล็อยหลับไป งั้นแล้วเธอจึงผ่อนคลายลมหายใจและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอรู้สึกร้อนเล็กน้อยและค้นพบว่าเธอยังคงแต่งตัวที่อยู่เลย เนื่องจากมันมืดสนิท เธอจึงตัดสินใจที่จะถอดเสื้อโค้ดของเธอออก และเหลือแต่เสื้อขนสัตว์ด้านใน เธอเองก็ไม่กล้าถอดชิ้นนี้ออกไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทนความร้อนได้ ดังนั้นเธอจึงถอดเสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์ออก
ในความมืด เจียงซิ่วที่เธอเชื่อว่าหลับไปแล้วกำลังเฝ้าดูร่างกายที่งดงามของเธอ จ้องมองส่วนเว้าโค้งของก้นที่อวบอั่นของเธอ เขากลืนน้ำลาย ใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะกำจัดความคิดเหล่านั้นซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรนึกถึงออกไป และแม้แต่กระทั่งใช้เทคนิคฝึกฝกเพื่อนำความสงบมาสู่จิตใจของตัวเอง แต่ฉากของพวกเขาทั้งสอง ที่อยู่ในบางอย่างเมื่อก่อนหน้านี้ในอดีตก็ผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา
เทพซิ่วโหยหวนอยู่ในใจ นี่เธอต้องการแกล้งฉันใช่ไหม?!
ทันใดนั้นเอง หนานก๋งโควเอ๋อก็ตื่นขึ้นมาจากการนอนและลุกขึ้นนั่ง เธอร้องไห้ด้วยเสียงเบาๆ เจียงซิ่วลืมตาขึ้น และเห็นเธอว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ และดวงตาเองก็ยังเต็มไปด้วยน้ำตา “ฉันกลัว…”
เจียงซิ่วได้ยินจากเธอว่าเธอตื่นขึ้นมากลางแผ่นดินไหว และมันก็ทิ้งเงาไว้ในใจของเธอ เขาเดาว่าเธออาจจะฝันร้าย เพื่อใช้ประโยชน์จากสภาพของเธอ เทพซิ่วของเราจะพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไร? เขาเอื้อมมือไปเอาเธอเขามาโอบกอด แต่นายหญิงหนานก๋งโควเอ๋อก็ผลักเขาออกไป เจียงซิ่วที่ถูกผลักและเขาตกลงมาจากเตียงอิฐ ระหว่างที่ตกเขาก็เอื้อมมือออกไปหวังที่จะจับเตียงไว้
หนานก๋งโควเอ๋อไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่หัวเราะหลังจากได้เห็นสภาพที่น่าสังเวชของเขา
“เธอเป็นบ้ารึไง?” เทพซิ่วถามอย่างโกรธเคือง
“ก็ใครขอให้นายทำแบบนั้นกันเล่า?!” เธอยอกย้อน
เจียงซิ่วรู้ว่าเขาผิดและไม่ต้องการโต้เถียงกับเธอ เขาสวมสีหน้าเฉยชาหลังจากนั้นก็คลานกลับไปบนเตียง หนานก๋งโควเอ๋อต้องการหัวเราะ แต่เธอก็ได้ยินเขาพูดก่อน “ฉันพยายามจะปลอบใจเธอ… เธอต้องการให้เงาของฉันไปอยู่ในใจของเธอไหมล่ะ? ฉันคงต้องทำบาปครั้งใหญ่แล้วหากเธออยาก”
“ดูเหมือนว่านายเองก็ยังมีมโนธรรมอยู่ในใจเหมือนกัน”
“ผู้หญิงคนนี้จะให้นายๆ เข้ามาใกล้ๆ และมาพูดคุยกันก็ได้…”
เจียงซิ่วกล่าว “อันที่จริง มันมีหลายวิธีในการบรรเทาความกดดันและความกลัวของจิตใจ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเรียกร้องทำมันนะ แต่เราสามารถทำอย่างอื่นแทนได้ เพื่อที่จะได้ทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้น”
“อย่างทำให้ฉันต้องรังเกียจนาย!” หนานก๋งโควเอ๋อตอบ
“ฉันไม่เป็นไรหรอกถ้าเธอจะเกลียดฉัน ฉันแค่กลัวว่าเธอจะครางหาใครบางคนเหมือนกับสัตว์ร้าย เมื่อเวลานั้นมาถึง”
ดวงตาของหนานก๋งโควเอ๋อเบิกกว้าง “การทำผิดศีลธรรมจะต้องเป็สันดารที่สองของนายใช่ไหม?”
เจียงซิ่วกล่าว “ถ้ามีคนทำผิดศีลธรรมกับเธอ เธอก็ควรต้องรู้สึกมีความสุขสิ นั้นก็เพราะเธอมีเสน่ห์เพียงพอที่จะให้พวกเขาทำแบบนั้น “
“พอแล้วกับตรรกะไร้สาระของนาย!”
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลลง “นายคิดว่าฉันยังทรมาณไม่พออีกหรอ?”
เจียงซิ่วกล่าว “มานี่สิ ฉันจะบอกความลับให้”
“เรื่องอะไร?”
“เข้ามาใกล้ๆ อยู่ไกลขนาดนั้นฉันจะบอกได้ยังไง?”
หัวใจของหนานก๋งโควเอ๋อเริ่มเต้นเร็วขึ้น เธอรวบรวมความกล้าหาญของเธอและเข้าไปใกล้เจียงซิ่ว สายตาของเธอมองเข้าไปในรูม่านตาที่เปล่งประกายท่ามกลางความมืดมิดดวงนั้น เธอพบว่ามันยากที่จะขยับสายตาของเธอออกไป และลำคอของเจียงซิ่วก็กลายเป็นแห้งผากด้วยเช่นกัน เขาสามารถสังเกตเห็นความยั่วยวนได้จากดวงตาของเธอ เขาเข้าไปใกล้เธอ และเวลานี้เอง นายหญิงหนานก๋งก็ไม่ได้ผลักเขาลงจากเตียงอีกต่อไป
เกรสรของดอกไม้ที่ยังไม่เบ่งบาน พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะทำให้ตัวเองเบ่งบาน แม้ว่าจะรู้สึกอายก็ตาม พยายามแสดงอารมณ์ผ่านการเบ่งบานครั้งนี้ ลมเองก็พัดไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้ใบไม้บนกิ่งก้านไม้แกว่งไปแกว่งมาอย่างต่อเนื่อง มันเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงกระหน่ำที่ป่าเถื่อนแต่ก็อ่อนโยนเช่นนี้
หลังจากเวลาเนินนานผ่านไป สายตาของหนานก๋งโควเอ๋อดูพร่ามัว มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความคลั่ง เหงื่อหยดลงไปในขนตาของเธอ และหน้าผากของเธอก็มีเหงื่อไหลออกมาก เธอรู้สึกหัวโล่งและไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วได้ แต่ความพอใจของเธอก็อยู่ที่ 99 %
หญิงสาวหนานก๋งรู้สึกราวกับเธอเพิ่งผ่านความฝันที่บ้าคลั่งมาได้
เธอเชื่อว่าเธอไม่ชอบเขา ใช่ จริงๆ แม้ว่าเธอจะลังเล แต่เธอก็ต้องยอมรับได้ว่าเธอไม่ได้เกลียดเขาเช่นกัน และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ไร้โชคในบ่ายวันนั้น เธอเชื่อว่ามันเป็นเพียงปฏิกิริยาทางสรีรวิทยา หลังจากทั้งหมดแล้ว เธอก็ไม่ได้เห็นเจียงซิ่วหลังจากนั้นอีก
หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลเจียง ตระกูลหนานก๋งจะให้เธอแต่งงานการเมืองกับตระกูล และอันที่จริงแล้ว แม้อยู่ด้วยกันกับเขาหลังจากแต่งงานก็คงจะไม่เป็นไร
แต่ตอนนี้ ตระกูลเจียงล้มสลายลงไปแล้ว และถึงแม้ว่าตระกูลหนานก๋งจะเป็นหัวเรือใหญ่ มันก็อันตรายเกินไปที่จะท่องในทะเลโดยที่ไม่จอดเทียบท่า ดังนั้นในไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องมองหาท่าเรืออื่น เมื่อช่วงเวลานั้นมาถึง พวกเขาอาจจัดงานหมั้นให้เธออีกครั้ง เนื่องจากเราไม่สามารถเป็นสามีและภรรยากันได้ ถ้าฉันต้องการหาคนรักนอกสมรสในอนาคต นายคงจะไม่มาเป็นคนนั้นให้ฉัน ใช่มั้ยนะ?
เจียงซิ่วไม่รู้ว่าหนานก๋งโควเอ๋อกำลังมีความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้อยู่ ในความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาในตระกูลชนชั้นสูง การแต่งงานก็เพื่อประโยชน์ทางการเมือง และหลังจากแต่งงานแล้ว แต่ละคนก็มีความสนุกเป็นของตัวเอง
หนานก๋งโควเอ๋อเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่เบาบาง “นี่”
เสียงที่อ่อนแอของเธอ แสดงออกถึงความอ่อนล้าและความมึนงงที่เธอรู้สึกอยู่ในขณะนี้
“มีอะไรรึเปล่า?” เจียงซิ่วถามเธอ
“เราเป็นแค่เพื่อนกัน และระหว่างเราก็จะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เข้าใจไหม?”
เจียงซิ่วไม่เข้าใจความหมายในคำกล่าวของเธอทันที แต่ก็เข้าใจสิ่งที่เธอพูดในไม่ช้า เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างตลก อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นปัญหาของหนานก๋งโควเอ๋อจริงๆ เธอคนนี้รู้ว่าตัวเองก็ทำอย่างมีเหตุผลและต้องทำใจให้ตัวเองสงบเข้าไว้ แต่ทำในอารมณ์ของเธออยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ เธอเป็นคนที่ทนทุกข์ทรมานจากสิ่งนี้มากที่สุด
สำหรับสิ่งที่ผิดพลาด มันก็เป็นเพราะช่วงบ่ายวันนั้น วันที่ความสัมพันธ์ไร้โชคนี้เกิดขึ้น
หนานก๋งโควเอ๋อเชื่อว่าเจียงซิ่วคงโกรธเธอ เพราะเขาไม่ยอมตอบ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ก็ได้ ถ้านายเจอปัญหาอีกครั้ง ฉันจะช่วยนาย…”
แสงเริ่มส่องสว่างมาจากด้านนอกในขณะนี้เอง ใกล้จะถึงรุ่งเช้าแล้ว หนานก๋งโควเอ๋อไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ถ้าเธอไม่นอนตอนนี้ เธอก็จะไม่ได้นอนอีกเลย ดังนั้นเธอจึงหลับตา และปล่อยให้ความเหนื่อยล้าทำให้เธอหลับไป
ในวันถัดไป ประมาณ 10.00 น หนานก๋งโควเอ๋อออกมาจากห้องพร้อมกับจิตวิญญาณแรงกล้า เธอสวมรอยยิ้มเหมือนดอกบัวบานภายใต้แสงอาทิตย์ที่แผดเผา
อย่างไรก็ตามเจียงซิ่วที่อยู่ลานนอกบ้านในตอนนี้ เขาเรียกเธอเมื่อเธอออกมา “อรุณสวัสดิ์!”
หนานก๋งโควเอ๋อก็บอกกลับไปเหมือนกันจากนั้นจึงถาม “ลุงกับป้าอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขาไปที่หมู่บ้านเพื่อซื้อผัก ฉันคิดว่าพวกเขาคงอยากจะทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอ”
“โอ้! แต่เราไม่อยู่ที่นี่เพื่อกินข้าวกลางวันไม่ได้นะ เราอยู่ที่นี่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ออกไปเร็วแค่ไหนก็ยิ่งดีเท่านั้น”
เจียงซิ่วพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็จากไปโดยการทิ้ง 10,000 หยวนไว้ให้ลุงป้า และออกจากหมู่บ้านโดยการใช้รถจี๊ป
“เราจะไปที่ไหน?”
“กลับไปที่เมืองฮ๋าก่อน…”
เจียงซิ่วรู้สึกประหลาดใจ “จะไม่ลำบากเกินไปรึไง?”
เจียงซิ่วตามเรื่องราวแล้วย่อมไม่รู้ว่าหนานก๋งโควเอ๋อต้องกลับไปที่เมืองฮ๋า เนื่องจากเธอไม่ได้บอกกับครอบครัวของตัวเองว่าเหตุผลที่เกิดการเดินทางครั้งนี้ เป็นเพราะผู้ชายที่ไร้ความสามารถคนนึง ถ้าเธอปรากฏตัวพร้อมกับผู้ชายคนนี้ในสถานที่ที่ห่างไกลแบบนี้ ครอบครัวของเธอจะสงสัยเธอได้
“นายไม่ควรต้องเป็นคนที่ฟังฉันเหรอ?”
เจียงซิ่วตอบ “ตั้งแต่ที่ฉันฟังเธอมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ฉันจะฝั่งเธอในตอนเช้าอีกครั้งก็ได้”
“บ๊ะ!”
ใบหน้าของหนานก๋งโควเอ๋อแดงจนถึงหู เธอชำเลืองมองไปที่เจียงซิ่วหนึ่งครั้ง เสน่ห์ในดวงตาของเธอมีพลังที่จะสั่นสะเทือนวิญญาณได้
เจียงซิ่วกล่าว “ไปหยุดข้างหน้าแปปนึงกันไหม”
หนานก๋งโควเอ๋อกล่าว “ฉันจะไม่ไปกับคนบ้าๆ แบบนาย นายมันไร้ยางอาย” เธอหยุดอยู่ชั่วครู่ “ใช่ อย่าลืมว่าเงินนั้นเป็นของฉัน”
“เราสองคนไม่ใช่ว่าเป็นคนเดียวกันหรอ?” เจียงซิ่วตอบกลับ
หนานก๋งโควเอ๋อไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะของตัวเองไว้ได้ “นายก็คือนาย ฉันก็คือฉัน แม้ว่าครอบครัวของฉันจะมั่งคั่ง แต่อย่าลืมว่าฉันยังเรียนอยู่และไม่ใช่คนรวยอะไร ถ้านายต้องการตอบแทนฉันจริงๆ นายควรจะทำสิ่งที่นายทำเมื่อคืนนี้ดีกว่า”
“เฮ้ ทำไมคำเหล่านั้นฟังน่าเกลียดจัง?” เจียงซิ่วกล่าว
“มันคงฆ่าฉันได้ ถ้าฉันยืมเงินเธอมากกว่านี้ จะให้ฉันรับหน้าที่นั้นจริงๆ?”
หนานก๋งโควเอ๋อหัวเราะคิกคักใส่เขา
“ดีแล้วที่นายเข้าใจมันได้!”
เมืองฮ๋าเต็มไปด้วยเสียงที่ดูวุ่นวาย สินค้าถูกจัดส่งอย่างเร่งด่วน และทุกส่วนของโลกก็กำลังแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งมนุษยธรรม หลังจากพวกเขาทั้งสองมาถึงเมืองฮ๋าด้วยรถจี๊ป หนานก๋งโควเอ๋อก็โทรหาที่บ้านของเธอ ตระกูลหนานก๋งส่งเฮลิคอปเตอร์จากเมืองหลวงจักรพรรดิมาที่เมืองฮ๋าทันที มันสามารถมาถึงเมืองในเวลา 3-4 ชั่วโมง
เจียงซิ่วพาเธอไปยังภูเขาซึ่งโผล่ขึ้นมาใต้โรงแรมที่เธอพักอยู่ ผู้คนบนภูเขาส่วนใหญ่ลงมาแล้ว
จากระยะไกล ยอดเขาดูเหมือนจะไปถึงท้องฟ้า และมันถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณเช่นเดียวกับต้นไม้สูง ราวถึงสายพันธุ์ที่ไม่เคยปรากฏบนโลกมาก่อน โรงแรมห้าดาวนั้นยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุด และมันก็ยอมฉากอันน่ามหัศจรรย์ให้ภูเขาลูกนี้