Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 264
บทที่ 264
ตระกูลหลิน
เมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอกลับมาอย่างปลอดภัยหลังจากหายไปอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียงกว่าสองเดือน ในที่สุดหลินอี้หลิงสงบลงและวางความกังวลในใจไปได้ไว้ในใจ “เด็กเหลือขอตัวเหม็นนี้นิ หนีไปไหนมาตั้งนาน?”
“ฉันไปยุโรปวิจัยงานโบราณคดีของนักศึกษามา”
“ทำไมแม่ถึงโทรเข้าเครื่องไม่ได้?”
เจียงซิ่วหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้ววางไว้บนโซฟา หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยเหมือนกัน ทำราวกับว่าเขาเหนื่อยมาก “โทรศัพท์ตกลงไปในแม่น้ำ”
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือลูกชายของเธอกลับมาอย่างปลอดภัย ดังนั้นแล้วหลินเยี่ยหลิงจึงเพื่อด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น “หิวรึยังไง? ให้แม่ทำอะไรให้กินไหม?”
เจียงซิ่วพยักหน้าแล้วถาม “แม่ แม่มาที่เมืองหลวงจักรพรรดิเพื่อมาหาฉัน?”
หลินเยี่ยหลิงเข้าไปในครัว “แกคิดว่าแม่ของแกว่างมากถึงกับต้องมาเยี่ยมเด็กเหลือขอตัวเหม็นแบบแก? แม่มาด้วยเหตุผลอื่น…”
เจียงซิ่วไม่ได้ตอบเธอและเริ่มคาดเดา หลินเยี่ยหลิงออกไปจากเมืองหลวงตั้งแต่ 20 ปีก่อน และตอนนี้ไม่มีใครที่เธอคุ้นเคยอยู่ในเมืองหลวงอีกแล้ว เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงมาที่เมืองหลวง
เจียงหยี่ต้องการให้เธอดูแลเรื่องราวต่างๆ ให้เขา ดังนั้นเธอจะไม่มาที่นี่เพื่อทำอะไรเล็กน้อย
หลินเยี่ยหลิงหันกลับมามองที่เจียงซิ่ว และเห็นว่าเขาไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเธอ ดังนั้นเธอจึงถูกบังคับให้เปิดเผยเหตุผล “ปู่ของลูกคนกลุ่มคนไปที่อันหนัน นายกเทศมนตรีกู่ดำรงตำแหน่งถึงช่วงสุดท้ายแล้ว และลุงสองของลูกต้องการที่นั่งตำแหน่งผู้ว่าราชการเขตชายแดน…”
“ปู่?” ดวงตาของเจียงซิ่วแคบลง “ตระกูลหลิน?”
ตระกูลหลินเป็นตระกูลชั้นนำของเมืองหลวงจักรพรรดิ ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลเจียง ทั้งสองตระกูลเห็นพ้องกันแล้วว่าเป็นศัตรูต่อกันและกัน เป็นศัตรูทางการเมือง ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองตระกูลจึงคัดค้านการแต่งงานของเจียงหยี่และหลินเยี่ยหลิง
ตระกูลหลินมองว่าหลินเยี่ยหลิงเป็นคนทรยศ
เมื่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปในชีวิตก่อนหน้านี้ เจียงซิ่วไปที่ตระกูลหลินเพื่อประกาศการตายของเธอ และได้พบกับคนที่เรียกว่า ปู่ ลุง ป้า เช่นเดียวกับลูกพี่ลูกน้อง คนเหล่านั้นไม่ได้เศร้าสลดแม้แต่น้อยหลังจากได้ยินข่าวการตายของแม่ บางคนถึงกับบอกว่าเป็นการดีที่เธอตายไป ระหว่างเธอกับพวกเขาจะได้จบสิ้นกัน พวกเขาล้อเลียนและเยาะเย้ยเจียงซิ่วอย่างหนัก เขาไม่สามารถลืมวันนั้นได้ ความเฉยเมยของคนเหล่านั้นทำให้เขาสั่นทะท้าน
ไม่มีผู้เฒ่าจากตระกูลหลินคนใด ที่มางานศพของแม่ ยกเว้นเพียงแต่น้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเขา
“ทำไมพวกเขาถึงต้องมารบกวนเรา ก็ในเมื่อพวกเขาต้องการแย่งชิงตำแหน่งผู้ว่าการภูมิภาคชายแดน?” ร้อยยิ้มเย้ยหยันที่แสนเย็นชาเผยออกมาจากมุมปากสีกุหลาบของเจียงซิ่ว ตระกูลหลินรู้ว่าฉันคือคุณเจียง และพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี?
เจียงซิ่วรู้ว่าตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้มีความสนใจต่อบุคคลสำคัญ เขาสงสัยว่าพวกเขาจกจำชื่อคุณเจียงไว้ในสายตาของพวกเขา
หลินเยี่ยหลิงอธิบาย “พวกเขารู้เรื่องพ่อของแก ที่ถูกแก้ประวัติโดยนายกเทศมนตรีกู่และยังได้เลื่อนขั้นสามครั้งเนื่องจากความช่วยเหลือของเขาอีก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าเรามีความสัมพันธ์อันดีกับนายกเทศมนตรีกู่ พวกเขาต้องการให้พ่อของแกติดต่อกับนายกเทศมนตรีกู่และทำงานภายใต้เขา”
เจียงซิ่วยิ้มอย่างเย็นชา นั่นคือก็คือความคิดของพวกนั้น
ผู้ว่าราชการมีอำนาจมากเกี่ยวกับการเลือกคนที่จะมารับตำแหน่ง มันเกือบ 30-40% เมื่อไต๋ยัวไท๋ไม่ได้จัดการขั้นเด็ดขาด และฝ่ายอื่นๆ ทั้งหมดก็ยังแข่งขันกันเองมากเกินไป คำพูดของผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีน้ำหนักมาก ตอนนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่มีการแข่งขันสูงและก็ยังเป็นเหตุผลที่ตระกูลหลินจับตาดูกู่เต๋อชี่
โดยธรรมชาติแล้ว ถ้าตระกูลเจียงยังไม่พังพินาศ ตระกูลหลินก็จะไม่ได้ติดต่อกับหลินเยี่ยหลิงปัจจุบัน ทั้งคู่ไม่ได้มีรากใดๆ และเมื่อพบกับผลประโยชน์ที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ ตระกูลหลินจึงพร้อมที่จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในการเข้าครอบครองมัน ผู้ทรยศของตระกูลหลินนับว่าไม่เป็นอะไร แต่เป็นเรื่องตลก
“ลูกคิดยังไง?” หลินเยี่ยหลิงถามเขา
“ฉันคิดยังไง? นายกเทศมนตรีกู่ผู้ทรงเกียรติจะยินดีฟังฉันได้ยังไง!” แม้ว่าคู่สามีภรรยาเจียงจะรู้ว่าเจียงซิ่วเป็นคุณเจียงแห่งเจียงหนาน แต่พวกเธอก็ไม่ได้รู้ว่าเขามีอำนาจมากแค่ไหน
พ่อแม่ของเขาเป็นลูกหลานจากตระกูลชนชั้นสูง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับพลังของโลกใต้ดิน แม้ว่าพลังดังกล่าวจะมีอิทธิพล มันก็ถูกจำกัดไว้ที่โลกใต้ดินแต่เพียงเท่านั้น อย่างมาก บางคนแบบนั้นก็สามารถใช้ทุนที่พวกเขามีไต่เจ้าขึ้นมาเป็นข้าราชการระดับสอง นั้นคือทั้งหมด สำหรับตระกูลเจียงที่ล้มสลายไป พวกเขาเองก็ไม่ได้เชื่อว่าเป็นเพราะเจียงซิ่วคนเดียว ตระกูลเจียงมีศัตรูทางการเมืองหลายคน และการมาถึงของมงกุฎราชกุมารโอ๋ในเจียงหนานก็เป็นจุดเปลี่ยน ก็ในเมื่อที่สิ่งที่เจียงซิ่วทำนั้นคล้ายกับการที่หนูดึงหัวไชเท้าออกมา
หลินเยี่ยหลิงถอนหายใจ “พวกเขาคาดหวังเรามาก”
ขณะนี้เองที่น้ำเริ่มเดือดขึ้นแล้ว
เธอหยิบก้อนบะหมี่ออกมา แต่เธอก็ทำมันล่วงลงโดยบังเอิญ ดังนั้นเธอจึงก้มลงมาเก็บพวกมัน “พวกเขาต้องการให้เรากลับไปในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปีนี้ เนื่องจากตระกูลเจียงไม่มีอีกต่อไปแล้ว พ่อก็ไม่ได้ต่อต้านอีกต่อไป ดังนั้นเราเลยอยากรู้ความตั้งใจของลูก ถ้าลูกไม่อยากไป แม่จะบอกว่าเราไม่สามารถไปที่นั่นได้ในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ…”
หลังจากถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลิน 20 ปีก็ได้ผ่านไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องการคว้าโอกาสนี้อยู่บ้าง หลังจากทั้งหมดแล้ว มันก็เป็นครอบครัวของเธอ เจียงซิ่วสังเกตเห็นทั้งหมดและส่ายหัวอยู่ภายใน หลินเยี่ยหลิงไม่เคยเข้าใจความคิดของตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้ หรืออาจเป็นไปได้ว่าเธอได้ตระหนักถึงมันได้ก็จริง แต่ตัดสินใจที่จะเมินมัน
เหตุผลที่เธอถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลินในตอนนั้น ไม่ใช่เพราะการทรยศหรือสิ่งใดๆ แต่เป็นเพราะการกระทำของเธอมันทำลายผลประโยชน์ของตระกูล เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตระกูล รวมทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงจากความคิดที่ว่าเธอได้ขายผลประโยชน์ของตระกูลไปให้กับตระกูลเจียงแล้ว พวกเขาเนรเทศเธออกจากตระกูลอย่างแน่วแน่ เพื่อประกาศจุดยืนของพวกเขาเอง ตระกูลเจียงเองก็ทำเช่นเดียวกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
ความรักไม่นับเป็นอะไรในสายตาของพวกเขา แต่หลินเยี่ยหลิงกำลังใช้อารมณ์เพื่อประเมินพวกเขาอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะได้รับความบอบช้ำอีกในไม่ช้าก็เร็ว
“เอาล่ะ ตั้ง 20 ปีแล้วที่แม่ไม่ได้กลับไป”
ตั้งแต่ที่พ่อของเขาเลือกที่จะยอมรับกิ่งมะกอกที่ถูกยื่นมาโดยตระกูลหลินแล้ว แม้ว่ามันจะขัดกับความทะเยอทะยานของเขาเอง แต่เพื่อเติมเต็มความเศร้าโศกที่ภรรยาของเขารู้สึกในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะยอมรับมัน ในฐานะลูกชายของพวกเขา เขายิ่งไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาของแม่ได้
หลินเยี่ยหลิงเผยสีหน้าที่มีความสุขบนอยู่บนใบหน้าของเธอ “ตัดสินใจแล้ว”
ดูเหมือนว่าแค่บะหมี่คงจะไม่พอ แม่จะเพิ่มไข่ให้!”
เจียงซิ่วพูดไม่ออก มันไม่ใช่คำถามว่ามีไข่หรือไม่ มองดูแม่ของเขาที่กำลังมีความสุขมาก เขาไม่ต้องการที่จะสาดน้ำเย็นลงบนหัวของเธอจริงๆ ในกรณีที่ตระกูลพวกนั้นไม่สามารถใช้เธอเพื่อแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่าการภูมิภาคชายแดนได้แล้ว เรื่องทั้งหมดจะเปลี่ยนกลับตาลปัตร
หลินเยี่ยหลิงนั่งลงข้างหน้าเจียงซิ่ว “ใช่ แม่ลืมบอกข่าวดี! พ่อตาของลูกสามารถเดินได้แล้ว การฟื้นตัวของเขาดีมาก”
นี่เป็นความคาดหวังของเจียงซิ่ว
“ลูกลืมสิ่งที่ลูกสัญญาไปแล้ว?”
เจียงซิ่วถามด้วยความประหลาดใจ “แม่พูดถึงเรื่องอะไร?”
“เฮ้! ไอ้เด็กเหลือขอตัวเหม็น…” ดวงตาของหลินเยี่ยหลิงเบิกกว้าง “แกสัญญาว่าจะส่งคืนกลุ่ม บริษัทเฉิงกลับคืนให้พ่อตาของแก แกไม่สามารถคืนคำของตัวเองได้ พ่อของคุณเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาอีกครั้งแล้ว และแกเองยังก็มีความสัมพันธ์ระหว่างซูซูอยู่ด้วย แกคงไม่ต้องการให้ครอบครัวของเรามีปัญหากันอีก ใช่ไหม?”
“มันไม่ใช่แค่เป็นกลุ่มบริษัทหมัดเหา? มันไม่คุ้มค่าที่ฉันจะกลับคำของตัวเอง”
หลินเยี่ยหลิงดุเขาด้วยรอยยิ้ม “เด็กเหลือขอตัวเหม็น เสียงของแกค่อนข้างยิ่งใหญ่จริงๆ พูดว่ากลุ่มบริษัทหมัดเหา? มีหลายบริษัทในเมืองเจียงที่อยู่ในทรัพสินย์ของตระกูลเฉิง มันเป็นสิ่งที่พ่อตาของแกใช้เวลาตลอดชีวิตเพื่อสร้างขึ้นมา”
“ก็ได้” เจียงซิ่วตอบกลับ
กลุ่มบริษัทเครือเฉิงมีมูลค่าสุทธิ 3 พันล้าน ทรัพย์สินของตระกูลหวังที่เขามีอยู่ในมือ มักมีมากกว่า 1 หมื่นล้าน และยังมีกลุ่มไหมทองอีก ซึ่งเป็นธนาคารการเงินของตระกูลเจียงที่เขายึดมา นอกเหนือจากนี้ เขาเองก็ยังครอบครองมากกว่า 50% ของตลาดหุ้นในเจียงหนานอีกด้วย และแม้ว่าสินทรัพย์ที่เขาครอบครองอยู่จะไม่สูงถึง 5 หมื่นล้าน แต่พวกมันก็ทะลุ 3 หมื่นล้านไปแล้ว เครื่องประดับสองชิ้นที่เขาซื้อไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนเท่านี้
นึกได้ถึงเครื่องประดับที่เขาซื้อมา เขาสงสัยว่าตระกูลหวังนำพวกมันกลับมาแล้วรึยัง
“ทำมันให้ไว้ๆ เลย ซันเสี่ยวหงมาหาฉันหลายครั้งแล้ว เพราะลูกติดต่อไม่ได้ เธอเลยคิดว่าลูกชิงเธอไปแล้ว”
“ฉันจำเป็นต้องทำแบบนั้น?”
“โทรศัพท์มือถือของฉันพังแล้ว ฉันจะจัดการให้เมื่อตอนที่ฉันได้โทรศัพท์ใหม่…” หมายเลขของหวังซินตงอยู่ในโทรศัพท์ สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่โทรหาเธอแล้วโอนหุ้นที่เธอถืออยู่ มันเป็นเรื่องง่าย เมื่อเฉิงเฮาหลินเข้าครอบครองบริษัทและรวบรวมลูกน้องเก่าของเขาได้ มันก็คงไม่ยากนักที่กลุ่มบริษัทเครือเฉิงจะได้กลับขึ้นมาก้างนำได้อีก
หลินเยี่ยหลิงค่อนข้างเร่งร้อน “แม่จะช่วยลูกซ่อมมันเอง”
กล่าวได้ดังนั้น เธอก็ดึงมันออกจากมือของเจียงซิ่วที่กำลังกินบะหมี่อยู่ และวิ่งออกไปพร้อมกับโทรศัพท์เพื่อหาที่ซ่อมแซมในร้านบริการโทรศัพท์
หลังจากที่เจียงซิ่วกินเสร็จ เขาก็เดินมาที่ริมบ่อน้ำเพื่อเดินเล่น และก็เห็นหญิงสาวที่งดงามกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่พอใจในอีกด้านหนึ่ง แต่นั้นก็ไม่สามารถเก็บความหลงไหลที่มีต่อเขาในสายตาของเธอได้ “นายกลับมาแล้ว ทำไมนายถึงไม่โทรหาฉัน?”
หลังจากจัดการเรื่องในเจียงหนานเสร็จ หวังซินตงก็ไม่สามารถติดต่อเจียงซิ่วได้เลย ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่บ้านพักของเธอและรอคอยเจียงซิ่ว เธอรอจนเกือบจะกลายเป็นฟอสซิลได้
“ฉันเพิ่งกลับมา!”
หวังซินตงทำท่าทางบอกใบ้ว่าให้เขาโทรมาหาเธอ แต่เจียงซิ่วเหยียบพื้นผิวของบ่อน้ำและย้างก้าวไปหาเธอ