Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 274
บทที่ 274
ภัยพิบัติที่หัวเป่ย
แม้แต่ตระกูลหลินก็ไม่ได้ครอบครองเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ขนาดนี้ แม้ว่าตระกูลหลินจะมีอิทธิพลมาก แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลามากนักเกี่ยวกับเงินทอง ตระกูลข้าราชการส่วนใหญ่ก็มักเป็นแบบนี้ พวกเขาจะต้องรักษาภาพลักษณ์ไว้ให้ดี การอวดความมั่งคั่งอย่างใดอย่างหนึ่งจะไม่ส่งดีกับพวกเขา สถานการณ์ของพวกเขาแตกต่างจากตระกูลที่ร่ำรวยเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง
หลินมี่รู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อเธอเข้าไปในเครื่องบิน เธอเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวของเพื่อนเธอก็ตกใจมากแล้ว แต่เธอกลับคิดว่าไม่มีใครเทียบได้กับเครื่องบินของเจียงซิ่ว
หากมีการเปรียบเทียบกัยเหมือนรถยนต์ เครื่องบินของเพื่อนเธอก็คือรถยนต์ยี่ห้อเซี่ยหลี่(ยี่ห้อจีน) ในขณะที่เจียงซิ่วเป็นรถเฟอร์รารีหรือมาเซราติ การตกแต่งภายในนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและอาจจะดีกว่าเครื่องบินระดับเพรชที่เคยมีในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ การตกแต่งภายในนั้นดีกว่าของโรงแรมห้าดาว มีห้องนอน ห้องน้ำ ที่นั่งเล่น เช่นเดียวกับสำนักงาน…
หวังซินตงเพิ่งซื้อเครื่องบินลำนี้มาเมื่อไม่นานมานี้ เครื่องบินลำก่อนหน้าสามารถบินได้เฉพาะเส้นทางการบินภายในประเทศเท่านั้น และต้องมีการตรวจสอบทุกอย่างก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้บินผ่านเส้นทางระหว่างประเทศ แต่เมื่อเห็นว่าเจียงซิ่วจ่ายเงินไป 500 ล้านยูโรเพื่อซื้อสร้อยคอ เธอจึงพบว่าค่าใช้จ่ายมากถึง 100 ล้านยูโรก็ไม่เท่าไหร่สำหรับการซื้อเครื่องบินชั้นยอด
เจียงซิ่วเดินเข้ามาและนั่งลงบนโซฟา แอร์โฮสเตสมาถามเขา “คุณเจียง ยังเหลืออีก 5 นาทีก่อนที่เราจะออกเดินทาง คุณต้องการให้เราเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มไหม?”
เจียงซิวบอกให้พวกเขาทำ ความอยากอาหารของเขาค่อนข้างน่ากลัว
หลินมี่นั่งตรงข้ามกับเขาและถามอย่างสงสัย “เครื่องบินลำนี้เป็นของนาย? นายมีเงินมากขนาดไหนกันแน่?”
“เธอคิดว่ามีแค่ตระกูลหลินของเธอเท่านั้นที่สามารถรวยได้? ส่วนคนอื่นต้องเป็นคนจน?”
หลินมี่ไม่ได้มีควาคิดแบบนั้นเพียงแค่อยากรู้ว่าเขาได้รับเงินจำนวนมากมาจากที่ไหน แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเครื่องบินแบบนี้มีราคาเท่าไหร่ แต่เธอก็สามารถคาดเดาได้ว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะหลายร้อยล้าน และค่าบำรุงรักษาเองก็จะเป็นตัวเลขที่น่าอัศจรรย์เช่นกัน เธอเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ครอบครัวของเจียงซิ่วจะมีเงินมากขนาดนี้
แต่ข้อเท็จจริงก็ไม่สามารถคดโกงใครได้
เธอเชื่อว่าอาจเป็นเพราะเขาร่ำรวยมาก เขาจึงทำร้ายหลินชิเฉียนให้บาดเจ็บสาหัส ความเกรี้ยวโกรธในใจของหลินมี่เพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อเธอจดจำสิ่งนี้ได้ หลินชิเฉียนเย็บ 30 เข็มที่หัว และขาซ้ายของเขาเองก็ได้รับการผ่าตัดเช่นกัน เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดตลอดทั้งคืน และแม้แต่ยาแก้ปวดก็ไร้ประโยชน์ ทั้งหมดนี้เกิดจากผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
“แม้ว่านายจะเดินทางออกจากเมืองหลวง มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี นายต้องให้คำอธิบายมา ไม่งั้นตระกูลหลินจะไม่ยอมปล่อยมือจากเรื่องนี้แน่”
“อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะถูกกักไว้เพียงเพราะนายเป็นลูกชายของคุณป้า น้องชายของฉันไม่ได้รังแกง่ายขนาดนั้น”
“ดูเหมือนว่าฉันจะอ่อนข้อไปหน่อย” เจียงซิ่วตอบกลับ
“อะไรนะ?” หลินมี่ไม่เชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน เขาทำร้ายน้องชายของเธอจนบาดเจ็บสาหัสและยังมีหน้ามาบอกว่าเขาอ่อนข้อ “นายต้องการฆ่าเขาหรือไร?”
“ถ้าฉันเลือกได้อีกครั้ง ฉันจะฆ่าเขาแน่ๆ ”
“นาย!”
ใบหน้าของหลินมี่เปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากความโกรธ แต่เธอก็ไม่ได้ฟังคำพูดเขาอย่างจริงจัง คิดว่าเขาจะต้องพยายามทำให้เธอโกรธ ในสังคมที่กฎหมายเป็นสิ่งชอบธรรม ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตของบุคคลอื่นเพียงเพราะความโกรธเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลนี้ยังเป็นญาติของเธอ
ในความเป็นจริงเจียงซิ่วไม่มีความรักต่อตระกูลหลินในจิตใจเลย
ย้อนกลับไปเมื่อพ่อของเขาประสบความโชคร้าย ตระกูลเจียงไม่ได้ทำอะไร ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าแม่ของเขาจะต้องกลับไปที่ตระกูลหลินเพื่อขอความช่วยเหลือเช่นกัน แต่พ่อของเขาก็ยังถูกจำคุกอยู่ดี จากเรื่องนี้ มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าพวกเขาไม่สนใจครอบครัวของพวกเขา แม้ว่าเขาจะเก็บนี้ลงไป แต่ตอนที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปในช่วงเวลาชีวิตก่อนหน้านี้ เขาได้กลับไปที่ตระกูลหลิน เพื่อประกาศการเสียชีวิตของพวกเขา และสิ่งที่เขาได้รับมาประสบการณ์ในช่วงเวลานั้น ก็ทำให้เขาเข้าใจความคิดของพวกเขา
เขาจะฆ่าหลิยชิเฉียน ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเยี่ยหลิงยังคงมีความรักต่อตระกูลของเธอ
จังหวัดหัวเป่ยไม่ได้ไกลขนาดนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไปถึงที่นั่นหลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง เจียงซิ่วกินอาหารกลางวันในขณะที่ดูข่าวจากทีวี ตามเรื่องราวแล้ว เขาเองก็ไม่แสดงความใจแคบออกมา โดยการที่สั่งอาหารให้หลินมี่ มันเป็นสเต็กสไตล์จากอโกลล์แท้ๆ และก็ไวน์ แต่ก็เหมือนสุภาษิตทั่วไป – ยิ่งคุณใช้เวลามากเท่าไรคุณก็ยิ่งวิจารณ์มันได้น้อยลงเท่านั้น หลินมี่มาวิจารณ์เขา ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถยอมรับความปรารถนาดีของเขาได้ และก็ไม่กินสิ่งนี้
หวังซิ่นตงให้ใครบางคนจัดรถที่สนามบิน ตั้งแต่ที่ครั้งนี้ความต้องการในการเดินทางของเจียงซิ่วกระทันหันเธอจึงไม่ได้เตรียมคนขับรถไว้ เจียงซิ่วจงต้องขับรถด้วยตัวเอง
มาเซราติสีขาววิ่งออกจากสนามบิน เดินทางอย่างยาวนานไปหาเซี่ยถิงที่ตระกูลจี มันอันตรายมาก เขาไม่กล้าเดินทางอย่างอืดอาดและเข้าไปในตัวภูเขาของจังหวัดหัวเป่ย มันมีถนนโค้งอยู่รอบๆ รวมทั้งยังมีอุโมงค์ด้วย เจียงซิ่วรักษาความเร็วไว้ที่ 140 กม. / ชม. อยู่เสมอ และบนเส้นทางตรง ความเร็วนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 160 กม. / ชม. แม้แต่ผู้หญิงทอมบอยอย่างหลินมี่ที่ไม่เคยกลัวเรื่องแบบนี้เลย ก็ยังรู้สึกกับจะตกไปอยู่ในความหวาดกลัว มันเกือบจะเหมือนกับเป็นการเล่นกับชีวิต!
…
ตระกูลมู่ในหัวเป่ย ขณะนี้มีการรวบรวมศิษย์จำนวนมากอยู่ที่ลานบ้าน หลายคนรวมตัวกันที่นั่นและแม้แต่ผู้อาวุโสในตระกูลมู่ก็อยู่เช่นกัน มู่เจี๋ยนปิงเองก็อยู่ที่นั้น
“ตอนนี้เราจะทำอะไร? รอให้ตระกูลจีสังหารพวกเราทั้งหมด?” ชายชราคำรามด้วยความโกรธ จริงๆ แล้วเขาเป็นปรมาจารย์ขั้นสุดยอกกำลัง เขากระแทกโต๊ะหินด้วยมือของเขา ปล่อยให้โตะหินนั้นถูกประทับไว้ด้วยรอยมือ
“ศิษย์ของเรากี่คนตายที่ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้?”
ผู้หญิงที่สวดชุดกีเพ่าสีขาวกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
“ตระกูลมู่ของนายต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กับฉัน!”
มู่เจี๋ยนปิงสวมใบหน้าที่ดูเศร้าสลด ตระกูลจีอยู่ในอันดับต้นๆ ของพื้นดินในหัวเป่ย และก็ยังมีอีกสี่ตระกูลที่อยู่ใต้อานัญ พวกเขาไม่ได้แข่งขันเพื่อทรัพยากรของกันเอง แต่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เหตุผลที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งนี้ก็คือการรวบรวมแนวร่วมที่ต้องการต่อต้านการข่มเหง และคนที่แสวงหาผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ
เนื่องจากเจียงโหลวเซี่ยฆ่าจีหวูเต๋าในช่วงเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงและชวูติ๋งเฉิงเองก็ตายแล้วเช่นกัน มู่เจี๋ยนปิงจึงเชื่อว่าตระกูลจีนั้นต้องอ่อนแอลง พวกเขาถูกกดขี่ข่มเหงมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกันอีกสามตระกูลและเริ่มก่อกวนตระกูลจี แต่การโจมตีรวมกันของพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้ตระกูลจีสั่นคลอนใดๆ ในทางกลับกัน มันทำให้พวกเขาเดือดร้อน
ปัจจุบัน สมาชิกของตระกูลจีมาที่นี่ทุกวันเพื่อสร้างปัญหาและฆ่าคนไปหลายคน หัวใจของพวกเขารู้สึกทรมานเมื่อพวก
เขาเห็นเหล่าศิษย์พวกนั้น เช่นเดียวกับญาติของพวกเขา ตายอย่างอนาถมู่เจี๋ยนปิงกล่าว “ทุกคน ฉันรู้สึกละอายใจที่จะพูดสิ่งนี้ แต่ฉันได้ไปที่เมืองหลวงเพื่อตามหาคุณเจียง แต่เขาก็ยังอยู่ที่ยุโรป”
ชายชราโกรธแค้น “หยุดพูดจาเหลวไหล ทำไมคนอย่างเจียงโหลวเซี่ยจะต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าคนอย่างเราๆ?”
ผู้หญิงคนนั้นกล่าว “ฉันเกรงว่านายคงจะไม่แม้แต่จะพบกับคนของตระกูลหวังด้วยซ้ำ ใช่ไหม?”
มู่เจี๋ยนปิงกล่าว “ฉันจ่ายไปเยอะเพื่อที่จะได้พบกับหวังซินตง มิสหวังสัญญากับฉันว่าเธอจะพูดเรื่องนี้กับคุณเจียง”
ชายชรากล่าว “เราอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแล้ว เราจะมอบชะตากรรมให้คนอื่นตัดสินหรือไร?”
“ใช่!”
ชายร่างสูงวัย 60 ปีข้างเขาพูดด้วยความเห็นชอบ
มู่เจี๋ยนปิงกล่าว “ทุกคน อย่ากังวล มิสหวังสัญญาว่าเธอจะส่งคนมา แม้ว่าคุณเจียงจะไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ แต่ตระกูลหวังก็เป็นตระกูลนักสู้ที่มีมรดกตกสืบทอดมากว่า 200 ปี”
ทุกคนเงียบไปหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เผยให้เห็นการแสดงออกถึงความหวังบนใบหน้าของพวกเขา ผู้หญิงคนนั้นกล่าว “มันคงจะดีมาก ถ้าหากตระกูลหวังออกหน้าเพื่อช่วยเหลือเรา มันก็คงจะดีกว่าการลาออกจากตำแหน่งและปล่อยไปตามกรรม”
ชายชรากล่าว “แต่ว่า เมื่อไหร่กันที่ผู้คนจากตระกูลหวังจะมาถึง?”
“พวกเขามาจะฆ่าคนสามคนในแต่ละวัน!”
ดวงตาของชายชราเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ ร่างกายของเขาสั่นไหวไปทั่วตัว คนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็น้หล่าศิษย์เล็กและศิษย์ใหญ่ แต่พวกเขาก็ต้องมอบชีวิตที่ยังเยาว์วัยและไร้เดียงสาไปให้กับพวกนั้น
…
หลังจากใกล้หมู่บ้านตระกูลมู่แล้ว เจียงซิ่วก็หยุดรถ เส้นทางข้างหน้าเป็นถนนบนภูเขา และรถไม่สามารถขับเข้าไปข้างในได้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มปีนขึ้นไป หลินมี่ยังคงติดตามเขา ก็ในเมื่อเธอไม่ได้วางแผนที่จะยอมแพ้ก่อนที่เธอจะได้รับคำอธิบายจากเขา
ทิวทัศน์ที่นี่สวยสดงดงาม และมีสิ่งก่อสร้างโบราณมากมายที่นี่ แต่พวกเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันเพื่อสร้างจุดท่องเที่ยว
“นายต้องการไปที่ไหน?”
“ตระกูลมู่ในหัวเป่ย!”
“แต่นั่นคือตระกูลมู่ของผู้อาวุโสมู่เจี๋ยนปิงนะ นายรู้จักเขาไหม? เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของหัวเป่ย เมื่อตอนนั้น เมื่อตอนที่ปู่ยังคงอยู่ในกองทัพ ตระกูลหลินของเราใช้ตำแหน่งระดับสูงที่มีเชิญเขามา แต่เขาก็ปฏิเสธเราอย่างเด็ดเดี่ยว เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องทางโลกมานานกว่าทศวรรษแล้ว”
เจียงซิ่วไม่ตอบเธอและเดินต่อไป
เจียงซิ่วไม่รู้ว่าบ้านของตระกูลจีอยู่ที่ไหน หวังซินตงบอกเพียงแต่ที่ตั้งของตระกูลมู่ให้เขา และก็กล่าวว่าพวกเขารู้ว่าตระกูลจีนั้นอยู่ที่ไหน
ดังนั้น เขาจึงได้เพียงตาต้องมาที่ตระกูลมู่เท่านั้น
“ฉันไม่รู้จักเขา!”
ใบหน้าของหลินมิเต็มไปด้วยความดูหมิ่น “ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องไม่รู้จักเขา แม้แต่ฉันเองจะก็ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นอาวุโสมู่.. ตั้งแต่ที่นายไม่รู้จักอาวุโสมู่ ทำไมนายถึงมาที่หมู่บ้านตระกูลมู่อยู่หล่ะ?”
“เพื่อขอให้พวกเขาทำหน้าที่นำทางให้แก่ฉัน”
กล่าวได้ดังนั้น พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านตระกูลมู่แล้ว มันมีการสร้างธงสูงกว่า 10 เมตรอยู่ที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้าน
ในที่สุด!