Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 277
บทที่ 277
การเปลี่ยนแปลงของโลก
ภายในห้องโถงของนิกายหวนกำเนิด ชายชราผู้สวมเสื้อสีขาวปรากฏตัวที่นั่น เขามีอายุราวๆ 60 ปีและเดินเข้ามาพร้อมกับสมาชิกตระกูลจีทั้งสองฝ่าย อ่อร่าของพวกเขาแต่ละคนค่อนข้างสูงส่ง พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
“ถ้าสิ่งนั้นเรียกโลกอื่นลงมา มนุษย์ชาติอาจกลับไปสู่รูปร่างเดิมเมื่อครั้งบรรพบุรุษ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ความแข็งแกร่งของมนุษย์ที่มีสัมพันธ์กับโลกใหม่ก็จะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้นั้นก็รวมถึงผู้ที่ต้องการแก้แค้นแต่อดีตกาลก็จะเข้ามาสังหารหมู่ด้วย มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับตระกูลจีของเราที่จะหลีกเลี่ยงหายนะนี้”
“นั่นคือเหตุผลที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ต้องตาย!”
ผู้ชายส่วนใหญ่เชื่อคำพูดของชายชรา แต่ในกลุ่มของพวกเขาเองก็มีพวกที่ต่อต้านมัน ชายเสื้อคลุมดำพูด “มันไม่ใช่ปัญหาว่าเราจะฆ่าเธอหรือไม่ฆ่า ฉันไม่ได้ต่อต้านมัน แต่ปัญหาคือ การฆ่าเธอจะหยุดโลกอื่นที่จะลงมาได้หรือไม่”
ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามนี้ได้ สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และในประวัติศาสตร์เองก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับสิ่งนี้ไว้
ชายชราสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวพูด “โลกอื่นลงมาพร้อมกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเธอตาย โลกอื่นก็ควรจะหยุดลงเช่นกัน”
ชายชุดคลุมดำถาม “พวกเจ้าทุกคนไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของโลกรึไง? ข้าเชื่อว่าโลกจะได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในไม่ช้า มนุษย์จำนวนมากจะได้รับรูปแบบมาจากบรรพบุรุษของตัวเอง และความแข็งแกร่งของเราก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน หากมันยังคงเป็นยุคราชวงศ์หมิง มันจะนำไปสู่ความสับสนวุ่นวาย และอาจส่งผลทำให้ศาลราชสำนักถูกโค่นล้มลงได้ แต่ราชวงศ์หมิงนั้นไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ผู้ที่มีโชคชะตาก็จะได้เห็นความแข็งแกร่งของตัวเองเพิ่มขึ้น เมื่อโลกอีกใบลงมา และแม้แต่กระทั่งพวกเราก็ไม่มีข้อยกเว้น”
“ใช่!”
“อาวุโสกู่สู่ กล่าวถูก!”
หลายคนเห็นด้วยกับคำพูดของกู่สู่ ตรงหน้านี้เป็นผลประโยชน์ที่จับต้องได้ ความสมเหตุสมผลเป็นสิ่งหรูหราที่ฟุ่มเฟือย ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก ศิษย์ของตระกูลจีหลายคนที่ติดอยู่ตรงคอขวด ประสบความสำเร็จในการบรรลุพัฒนา และกลายเป็นเซียนได้สำเร็จ พวกเขากลายเป็นคลั่งไคลมัน คล้ายกับยาเสพติด
หลายคนเข้าใจว่าหยุดการคลืบคลานมาของโลกอื่นได้โดยการฆ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แต่ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้นจริงๆ การฝึกฝนของพวกเขาก็จะติดอยู่ในระดับเดิม
ชายชราชุดคลุมขาวตะคอดพวกเขา “หลังจากพูดไปมา พวกเจ้าทุกคนก็มัวเมาไปแต่กับการเพิ่มระดับบ่มเพาะตัวเอง แต่พวกเจ้าทุกคนลืมไปอยู่อย่าง สตรีศักดิ์สิทธิ์ทำสิ่งนี้ทั้งหมดเหล่านี้ก็เพื่อการแก้แค้น หากเธอไม่มีความมั่นใจเพียงพอ ทำไมเธอถึงต้องทำให้โลกอื่นลงมา”
“ข้าหวังให้พวกเจ้าตื่นขึ้นมาจากความอยากของตนเองก่อน แม้เล็กน้อยก็ยังดี อย่าทำผิดพลาดอย่างโง่ๆ ”
คำกล่าวของเขาดังกึกก้องอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น พวกที่ถูกปลุกตื่นคนมาเหล่านั้น ไม่ยอมละทิ้งการแก้แค้นแม้ผ่านไปแล้วกว่า 500 ปี พวกเขากำลังรอช่วงเวลานี้อยู่ หากสิ่งเหล่านี้ถูกอนุญาตให้ดำเนินต่อไป มันจะเป็นความหายนะ
“ถ้าพวกเรายังมัวแต่มาคุยเรื่องนี้อยู่ก็นับว่าเสียเวลาเปล่าแล้ว!”
“ข้ายกเสียงของข้าให้ปราชญ์เจ็ด!”
ทุกคนมองหน้ากัน “เอาหล่ะ เมื่อสิ่งต่างๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้แล้ว ข้าลงคะแนนเสียงให้ปราชญ์เจ็ด”
“ข้าลงเสียง!”
มีเจ็ดปราชญ์อยู่ในตระกูลจี พวกเขาคือเจ็ดคนคือบุคคลที่สำคัญที่สุดในตระกูลช่วง 500 ปีที่ผ่านมา จีหวเต๋าสร้างตำแหน่งที่นั่งขึ้นมาเจ็ดที่นั่งก็ด้วยเหตุผลนี้ และเมื่อใดก็ตามที่มีเหตุการณ์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในขณะที่เขากำลังบ่มเพาะอยู่ ปราชญ์เจ็ดคนนี้จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะลงคะแนนเสียงอย่างไร
“เมื่อเป็นเช่นนั้น เราควรเริ่มทันที!”
เนื่องจากปราชญ์ทั้งเจ็ดอยู่ที่นี่ทั้งหมด ผลของการลงคะแนนจึงชัดเจนทันที 4 : 3 4 คะแนนลงโหวตให้ฆ่า!
“ตามกฎ เราจะสังหารเธอโดยการเผาเธอที่เสา!”
หลังจากทั้งหมดแล้ว เหล่าศิษย์ที่ได้สร้างแท่นประหารชีวิตที่หน้าห้องโถงใหญ่ เซี่ยถิงถูกผูกอยู่กับมัน และฟืนที่กองอยู่ใต้แท่นก็ถูกน้ำมันเบนซินก็ราดลงไป
ศิษย์สวมหน้ากากขาวอยู่ที่หน้า และสั่นกระดิ่งเล็กๆ ในมือของเขา ขณะที่เดินวนไปมารอบๆ แท่น พร้อมกับร่ายมนตร์คถาไปด้วย
“ยังไงก็ไร้ประโยชน์ ถึงแม้ว่าพวกแกจะเผาฉันก็ตาม!”
“แกจะได้รับการลงทัณฑ์อย่างแน่นอน!”
ผิวของเซี่ยถิงกลายเป็นไร้เลือดและซีดจาง แต่ร่างกายของเธอก็มีลมปราณศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนไปมา มันดูราวกับว่าสถานที่นี้กลายเป็นศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากการดำรงอยู่ของเธอ
“ชีวิตของแกจะถูกช่วงชิงไปด้วยตัวแกเอง”
“ราชาในโลกอื่นไม่สามารถทนโลกของแกได้อีกต่อไปแล้ว”
ทันใดนั้นเมฆก็ปรากฏทั้งๆ ที่ท้องฟ้าแจ่มใส และลมพายุก็เริ่มพัดมาจากเขา การแสดงออกของสมาชิกในตระกูลจีบิดเบี้ยวเมื่อพวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
“เผาเธอ เร็ว!!!!”
…
ตระกูลจีตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของหัวเป่ย ถนนบนภูเขาน้อยลงมากหลังจากออกมาจากหมู่บ้านตระกูลมู่ และสัญญาณอยู่อาศัยของมนุษย์ก็เริ่มหาได้ยากยิ่ง หลังจากเดินทางด้วยมาเซราติมาสักพักหนึ่ง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนที่เข้าไปในภูเขาด้วยรถอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำได้แต่เดินเท้าต่อไปแต่เพียงเท่านั้น
หลังจากเข้าสู่เทือกเขาลึก สภาพแวดล้อมก็เต็มไปด้วยหน้าผาสูงชันและพื้นผิวของหินที่แหลมคม มันเป็นสถานที่ๆ อันตราย มีเส้นทางเล็กๆ หลังจากผ่านหน้าผาไป หลังจากเข้าไปข้างในแล้ว พวกเขาเห็นกำแพงหินโบราณที่คล้ายกับหินก้อนใหญ่ซึ่งปกคลุมไปด้วยวัชพืช ไม่ทราบว่าพวกเขาสร้างสิ่งปลูกสร้างเช่นนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อมันต้องการกำลังคนจำนวนมาก เช่นเดียวกับเงินสำหรับการใช้สร้างกำแพงหินที่อยู่ลึกเข้ามาในภูเขา นี่มันดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้จริงๆ
“ตระกูลจีอยู่ที่นั่น!”
มีบ้านหลายหลังปรากฏขึ้นท่ามกลางต้นไม้บนภูเขาและพื้นดินที่ถูกยกสูงขึ้น วิหารใหญ่ที่ทำจากหินปูนสามารถมองเห็นได้จากตรงนี้
“ไปกันเถอะ!”
เจียงซิ่วเป็นผู้นำและปีนขึ้นราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพื้นราบ
เมื่อได้ยินเสียงจากข้างหลังเธอ หลินมี่มองย้อนกลับไป เส้นทางด้านล่างเต็มไปด้วยผู้คน ที่นำมาด้วยคนที่ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากจอมดาบรุ่นเยาว์ รวมถึงผู้นำตระกูลทั้งสี่ในหัวเป่ยแห่งนี้
“พวกเขากำลังตามเรามา!”
เจียงซิ่วปีนขึ้นไปถึงขั้นสุดท้ายแล้ว และมาถึงหน้าบ้านหลังแรกในเวลานี้เอง
จอมดาบรุ่นเยาว์ไม่ได้เดินไปตามทาง เขากระโดดขึ้นมาจากหน้าผาตรงจากนั้น และก็ร่อนลงมาตรงหน้าของเจียงซิ่ว หลังจากกระโดดไม่กี่ครั้ง
“ใช่!”
สาวใช้แห่งดาบ หัวหน้าตระกูลทั้งสี่ของหัวเป่ยเช่นเดียวกับคนของวังดาบก็มาถึงแล้วเช่นกัน
จอมดาบรุ่นเยาว์กล่าว “ฉันรู้สึกประหลาดใจ เพราะไม่ได้คาดหวังว่านายจะยังอายุน้อย บางทีฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่าท่านเป็นใคร? ทำไมถึงต้องต่อต้านวังดาบเสฉวนตะวันตกของฉัน”
ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังจอมดาบรุ่นเยาว์เองก็อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น พวกเขาสงสัยว่าใครกันที่ทำเรื่องราวแบบไม่ประมาณตนเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นชายหนุ่มที่อายุยังไม่ทันถึง 20 ปี
การจ้องมองของเจียงซิ่วกวาดผานเขา “นายไม่มีคุณสมบัติที่จะมาถามฉัน ถ้านายอยากรู้ ควรบอกให้สีหวูเซี่ยมาถาม!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
จอมดาบรุ่นเยาว์หัวเราะด้วยความโกรธ แกต้องการให้บรรพบุรุษของฉันมาถามแก? เขาเป็นตำนานที่รอดพ้นจากการโจมตีด้วยระเบิดปรมาณู และเป็นตัวแทนของคนในโลกศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ในจีน คุณคิดว่าเขาจะมาเพราะเด็กเหลือขอนิรนาม? แกหยิ่งเกินไปแล้ว เด็กน้อย
“ทำยังกับว่านายจะมีคุณสมบัติให้เขามา!”
สายตาของเจียงซิ่วกลายเป็นเย็นชา แต่ทันใดนั้นเองเขาก็จ้องมองไปที่ท้องฟ้า ฟ้าใสกลายเป็นมืดมิดโดยฉับพลัน ความรู้สึกที่ไม่สามารถพรรณนาได้ปรากฏขึ้มาในใจเขา ทันทีหลังจากนั้น เขาก็เห็นควันไฟเกิดขึ้นมาพร้อมกับเสียงตะโกน “ช่วยฉันด้วย…”
“พี่ใหญ่เจียง พี่ได้ยินเสียงฉันไหม?”
“ฉันเองเซี่ยถิง ช่วยฉันด้วย!”
เจียงซิ่วรู้สึกว่าเสียงนี้ไม่ได้มาจากโลกภายนอก แต่กลับกันปรากฏขึ้นในใจจิตของเขาโดยตรง เขาหลับตาทันที และเสียงนั้นก็เริ่มชัดเจนขึ้น
“ถิงถิง…”
เจียงซิ่วอุทานขณะที่ดวงตาเบิกกว้าง แววตาน่ากลัวที่กระพริบผ่านเขาขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า “เจียงโหลวเซี่ยจากเมืองเจียง เดินทางมาเยี่ยมตระกูลจี!”
ครื้น! ครื้น!
เสียงของเขากระจายไปทั่วภูเขาพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง กระจายไปอย่างยิ่งใหญ่และสง่าผ่าเผย มันราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องที่ปรากฏขึ้นมากลางช่วงฤดูร้อน หูของทุกคนสั่นสะเทือนจนพวกมันเจ็บปวดและนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเวียนหัว
“นาย?!”
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือเขา… เขาเป็นเจียงโหลวเซี่ยตัวจริง!
เซียนอันดับ 1 ของจีน เจียงโหลวเซี่ย!
ถ่อมตัว เก้าเทพนิยาย ชำละล้างสวรรค์ เคราะกรรมพันปี หัวใจที่ไร้ความรัก แต่โรแมนติก!
ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันยิ่งกระตุ้นความรู้สึกหล่อเหล่าคล้ายกับเทพเจ้า รูม่านตาขยายขึ้น เปลี่ยนดวงตาของเขาให้มืดมิด และผมของเขาเองก็เริ่มยาว ผลิวไหวไปตามสายลม
ขณะนี้เอง เขากลายเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดไม่ว่าจะรูปร่างหรือหน้าตา เขาครอบครองที่ดีที่สุดไว้ทั้งหมด
“โอ้พระเจ้า!”
ทุกคนคล้ายจะตกลงไปในความโง่งม จอมดาบรุ่นเยาว์สั่นสะท้านไปทั่งร่าง และหัวหน้าตระกูลทั้งสี่ก็กลายเป็นใบ้คล้ายกับไก่ที่ถูกทำมาจากไม้ พวกเขาได้ไม่คาดหวังว่าเจียงโหลวเซี่ยจะเดินทางมาถึงเป็นการส่วนตัว
และคนที่ตกตะลึงมากที่สุดคือหลินมี่ เธอรู้สึกเหมือนหัวของเธอกำลังจะระเบิดออก
เจียงซิ่ว ลูกชายของป้าเธอ อันที่จริงแล้วเป็นเจียงโหลวเซี่ยเซียนผู้ที่ฆ่าจีหวูเต๋า เซียนหมายเลขหนึ่งของจีน และยังเป็นผู้ที่ปราบปรามประตูสวรรค์
เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าและลอยขึ้นไปบนฟ้า เสื้อผ้าของเขาสั่นไหวเนื่องจากแรงลม และนี่ก็ดูเหมือนเซียนดาบอมตะที่หลุดจมาจากตำนาน เขาบินขึ้นไปในอากาศ
“ขะ เขาคือเจียงโหลวเซี่ย!”