Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 279
บทที่ 279
มีชัยเหนือหัวเป่ย
มือของจอมดาบรุ่นเยาว์สั่นเครือเมื่อเขาเห็นภาพนี้ ในหมู่พวกเขาไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไม่ใช่เซียน อันที่จริงแม้แต่ตัวเขาก็หลอกตัวเองว่าสามารถจัดการตระกูลจีได้ด้วยตัวคนเดียว มันช่างโง่เขลาและตลกมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มของเหล่าเซียนได้รวมตัวกัน พวกเขาก็ไม่ต่างจากมดเมื่ออยู่ต่อหน้าเจียงซิ่ว
“เทพเจ้า! เขาเป็นเทพเจ้าจริงๆ …”
ด้านข้าง มู่เจี๋ยนปิงเบิกตากว้าง หลังจากการต่อสู้ที่ประตูสวรรค์ หลายคนบอกว่าเจียงโหลวเซี่ยเป็นเทพเจ้า แต่เทพเป็นตำนานที่ผู้คนไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งนี่ก็เป็นผลให้เกิดการโต้แย้ง แต่หลังจากที่ได้เห็นเจียงซิ่วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและสกดข่มคนทั้งตระกูลด้วยอำนาจของเขาเพียงลำพัง เขาจึงไม่สามารถมั่นใจได้อีกต่อไป ก็ในเมื่อความแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นนอกเสียจากว่าจะเป็นเทพเจ้า
ตามตำนาน ความสามารถในการบินเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้า นี้เป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบด้วยวิธีที่ถูกควรได้ วิธีที่ตรวจสอบที่ดีที่สุดในตอนนี้ในการพิจารณาดูว่าใครเป็นเทพเจ้าหรือไม่ ก็คือคนผู้นั้นสามารถใช้พลังของเทพเจ้าเพื่อเปลี่ยนแปลงร่างกายของตัวเองได้รึเปล่า – เช่นกลายเป็นหมอก ตัวอย่างก็คือบุคคลนั้นจะต้องแปลงเป็นหมอกได้อย่างง่ายดายและก็บินไปไหนมาไหนได้ตามต้องการ
ตามเรื่องราวแล้วสิ่งเช่นนี้ย่อมเป็นไปได้ แต่ปัญหาก็คือมันต้องสูญเสียพลังงามศักดิ์สิทธิ์มากมายสำหรับการที่คนๆ นึงจะเปลี่ยนเป็นหมอก และการบินเองก็ต้องใช้พลังงานศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ดังนั้น สิ่งนี้จะต้องทำก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น และถึงพวกเขาจะบินก็ไม่ได้บินนานัก
เทพหยางไม่เหมือนเทพหยิน หลังจากที่เทพหยินกลายเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ทิ้งร่างกายดั่งเดิมของตัวเองไปแล้วและมีความสามารถบินโดยธรรมชาติ มันทำได้เพราะว่าการคงอยู่ของเขาไม่ได้เป็นของจริง แต่มันค่อนข้างยากสำหรับเทพหยางในเรื่องการบินถ้ายังอยู่ในระดับเทพชั้นต่ำ
นี่คือเหตุผลหลักที่เจียงซิ่วใช้เม็ดกระบี่ทำให้ตัวเองลอยขึ้นมา
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจียงซิ่วทรงพลัง!
ประสานตัวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ อาศัยทักษะบ่มเพาะกระบี่เป็นสูงสุดเข้าวาดกฎของโลก สร้างเขตแดนกระบี่ด้วยเจตจำนงแห่งกระบี่ พื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยพลังงานกระบี่ซึ่งทำลายทุกอย่างที่ผ่านทางมาหามัน แสงกระบี่ลอยอยู่เบื้องหน้า และแสงกระบี่นี้ก็ปล่อยพลังงานกระบี่ออกมา
บูม! บูม! บูม!
ระเบิดเกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ ก้อนอิฐบนพื้นลอยขึ้นมา และเสามังกรสีฟ้าก็ถูกตัดครึ่ง กระเบื้องเองก็กลายเป็นพังพินาศ ทุกๆ ที่ที่แสงกระบี่ผ่านไป สถานที่แห่งนั้นก็จะถูกทำลายล้าง อำนาจของมันยิ่งทรงพลังกว่าอาวุธร้อนอย่างระเบิด
ศิษย์ตระกูลจีบางคนถูกฆ่าโดยพลังงานกระบี่ แขนขาของพวกเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
การสังหารหมู่!
ไม่ นี่เป็นการลงทัณฑ์จากสวรรค์!
“เขา… เป็นมนุษย์?” ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้กลายเป็นโง่ โง่โดยสมบูรณ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงตกใจเมื่อว่าที่แสงกระบี่หายไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือทางยาวกว่า 400-500 เมตร มันดูราวกับว่าเทพเจ้าโบราณได้กวัดแกว่งดาบศักดิ์สิทธิ์มาผ่าตระกูลจีออกเป็นสองส่วน
แผ่นกระเบื้องที่หักพังด้านบนของตำหนักร่วงลงมาเป็นครั้งคราว มันร่วงไปยังรอยยาวบนพื้น…
“สวรรค์!”
หลินมี่ปิดปากด้วยความตกใจ ดวงตาของเธอเกือบจะโผล่ออกมา ขาของเธอรู้สึกอ่อนแอ และในที่สุด เธอก็เอาชนะอำนาจอันไร้สิ้นสุดไม่ได้ เธอร่วงลงไปแบบที่ก้นกระแทกพื้น
กระบี่ที่คล้ายจะมาจากสวรรค์นี้ได้แทงเข้าไปในหัวใจของผู้คนตระกูลจี และทำลายชีวิตของพวกเขาอย่างทั่วถึง
“ดี…”
ผู้คนจากตระกูลใหญ่ทั้งสี่ของหัวเป่ยเองก็ตกตะลึงอย่างยิ่งและก็ดีใจอยู่ภายใน
ตระกูลจีได้สังหารผู้คนจำนวนมากและในที่สุดก็ได้ผลตอบแทนเป็นการสังหารหมู่ที่โหดร้ายยิ่งกว่าเดิม พวกเขาจำได้ว่าพวกนั้นได้ฆ่าญาติของพวกเขาไปอย่างโหดเหี้ยม ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้พวกเขามีความสุขเป็นอย่างมาก มันน่ายินดีมาก
ตระกูลจี ในที่สุดพวกแกก็ได้รับผลตอบแทนแล้ว!
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเลือด
“หนึ่งกระบี่กำจัดทั้งตระกูล!”
เจียงซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่ และหลังจากที่เขาผ่านมันเข้าไป เขาก็เห็นแท่นที่อยู่ท้ายสุดซึ่งกำลังลุกไปด้วยเปลวไฟ ก่อนหน้านี้ เขายังคงได้ยินเสียงกรีดร้องของเซี่ยถิงอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ เขาไม่ได้ยินเสียงใดๆ ในจิตใจของเขาเริ่มระส่ำระส่าย
มันสายเกินไป?
เจียงซิ่วเข้าใกล้แท่น ไอเย็นเข้ามาปะทะหน้าเขาและเปลวไฟก็ดับลง สายตาของเขาตกลงบนร่างที่ถูกเผาไหม้กลางแท่น
“เซี่ย… ถิง…”
รูม่านตาของเจียงซิ่วขยายตัว และดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ร่างกายกลายเป็นไร้เรี่ยวแรง ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็สายเกินไป
“เป็นฉันที่ผิดเอง!”
เจียงซิวระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองโบราณ เขาเป็นคนที่ดึงเซี่ยถิงขึ้นมาจากใต้น้ำเมื่อตอนนั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นผลมาจากการกระทำของเขา
เขารู้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นการแก้แค้น หากเป็นการแก้แค้น เซี่ยถิงคงจะตกตายไปตั้งแต่ที่ตระกูลเซี่ยแล้ว และเซี่ยซันเซียนเองก็จะต้องตายไปด้วยเช่นกัน ความตายของเซี่ยถิงนั้นเกี่ยวข้องกับการลงมาของสตรีศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
“ดูนั่นสิ…”
ได้ยินสิ่งนี้ เจียงซิ่วเงยหน้าขึ้น ท้องฟ้าเปลี่ยนไปแล้ว และใบหน้าขนาดใหญ่ที่ทำเกิดจากหมอกก็ปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆ
“มัน… ดูเหมือนจะเป็น ผู้หญิง!”
“เทพธิดา?”
ใบหน้าดูร่าเริงมากขึ้นเรื่อยๆ เธอสวมใส่เครื่องประดับที่ผม และใบหน้าที่บอบบางของเธอก็ดูบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ เธอมีความคล้ายคลึงกับเซี่ยถิงที่ตายไป
เจียงซี่รู้สึกเหมือนกับว่าเธอมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าของเธอ รอยยิ้มนี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก ส่งผลทำให้เขายืดมือออกไปหาเธอโดยที่ไม่รู้ตัว
เธอตายแล้ว? หรือยังไม่ตาย? หรือวิญญาณของเธอสามารถหลบหนีไปได้?
เนื่องจากเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ เจียงซิ่วเชื่อว่าเธอควรจะมีพลังแบบนั้น แต่ตรงนั้นก็ไม่ได้เหมือนจะมีพลังวิญญาณใดๆ กลับกันมันให้ลักษณะที่ดูแล้วเสียใจแทน
“ฉันจะช่วยเธอยังไงได้บ้าง?”
เสียงของเจียงซิ่วส่งผ่านไปหาเธอ
รอยยิ้มบนใบหน้าที่ทำจากเมฆค่อยๆ หายไป เจียงซิ่วไม่ได้ยินเสียงใดๆ กลับมา ดังนั้นเขาจึงหลับตาทันที แต่ก็ยังไม่ได้ยินอะไรอยู่เช่นเดิม เมื่อเขาเปิดตาของเขาอีกครั้ง ใบหน้าบนเมฆเหล่านั้นดูเหมือนจะสูญเสียพลังงานไป และค่อยๆ เลือนรางขึ้น จนกระทั่งมีเพียงโครงหน้าของเธอเท่านั้นที่เหลืออยู่ รอยยิ้มอันสวยงามของเธอหายไปตลอดกาล
ตายแล้ว?
“เดี๋ยวก่อน… รอเดี๋ยวก่อน…”
ถ้ามันไม่ใช่เพราะเจ้าพวกไร้หัวนอนปลายเท้านั้น มาขวางทางเขาไว้ ถ้ามันไม่ใช่เพราะไอเวรจูเก่อเต๋านั้น กักขังตัวเขาไว้ที่หมู่บ้าน เขาก็จะช่วยเซี่ยถิงได้!
เจตนาฆ่าฆ่าพุ่งออกมาจากดวงตาของเจียงซิ่ว ขณะที่เขาหันไปจอมดาบรุ่นเยาว์อย่างเดือดดาล
“นะ นายวางแผนกำลังจทำอะไร?”
จอมดาบรุ่นเยาว์รู้สึกหวาดกลัวต่อการแสดงออกที่น่ากลัวของเจียงซิ่ว ตอนนั้นเองเขาก็ตระหนักได้ว่าคนที่ทำให้เจียงซิ่วต้องล่าช้าและทำคนคนที่เขาจะช่วยต้องโดนเผาตายก็คือพวกเขา
“เจียงโหลวเซี่ย นายแข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องจริง แต่วังดาบของฉันไม่ได้อ่อนแอ ฉันเป็นลูกชายสีหวูเซี่ย!”
เจตนาฆ่าในดวงตาของเจียงซิ่วเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
“ไม่ใช่ว่านายมาที่ตระกูลจี เพื่อต้องการฆ่าฉัน?”
ก่อนหน้านี้ จอมดาบรุ่นเยาว์ต้องการที่จะฆ่าเจียงซิ่ว แต่ตอนนี้เขามันสามารถแม้แต่จะยกแขนขึ้น! แม่แกเถอะ เจียงโหลวเซี่ย! แกคิดว่าฉันอยากจะตายมากโดยการเข้าไปลองฆ่า?
“มันเป็นความเข้าใจผิด…”
“เข้าใจผิด ทุกคนที่นี่เห็นจุดจบของแมลงพวกนั้น ผู้ซึ่งปรารถนาจะเอาใช้ชีวิตของฉันไป นายควรจะรู้ว่าฉันเป็นคนประเภทไหน ฉัน เจียงโหลวเซี่ย เป็น…”
“เจียงโหลวเซี่ย ถ้าแกกล้าสัมผัสแม้แต่กระทั่งเส้นผมบนหัวของฉัน บรรพบุรุษของฉันจะฆ่าแกอย่างโหดเหี้ยม แม้ว่าเขาจะต้องจ่ายในราคาที่เท่าเทียมสำหรับมันก็ตาม”
“ฉันจะเผยให้แกฟัง บรรพบุรุษของฉันเป็นเทพเจ้าตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว”
“นายพูดไร้สาระมากเกินไปแล้ว”
ผู้คนที่ติดตามจอมดาบรุ่นเยาว์มาต่างก็รู้สึกเย็นยะเยือก พวกเขามองไปที่เจียงซิ่วด้วยความตกใจ ขณะที่เขากำลังยกมือขวาขึ้นอย่างช้าๆ มือของเขาดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยกระบี่ไร้ร่างซึ่งกำลังส่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา
“เจียงโหลวเซี่ย แกกล้าโจมตีฉัน? แกไม่กลัวบรรพบุรุษฉันออกมาแก้แค้นรึไง?”
จอมดาบรุ่นเยาว์สั่นสะท้าน
แสงสว่างสดใส กระบี่สีเงินตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นคำตอบ
ฉึกกกก!
ดูเหมือนว่าอากาศถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ และก่อนที่แสงกระบี่จะมาถึงเขา จอมดาบรุ่นเยาว์รู้สึกถึงแรงกดดันที่ทรงพลังที่อาจบดขยี้เขาได้ พื้นดินที่อยู่ข้างหน้าเขายุบตัวลงพร้อมกับเสียงอันดัง ขณะนี้เอง แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากหัวของเขาและพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า อย่างครุ่มแครือ ชายชราที่ดูชั่วร้ายก็ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า เขาหันกลับมาอย่างช้าๆ และในขณะนั้นเอง มันก็เป็นปรากฏการราวกับว่าเทพเจ้าจากโบราณกาลได้หันมามองดูโลกมนุษย์ – ดวงตาคู่นั้นช่างดูน่าประทับใจ
“บรรพบุรุษ!”
จอมดาบรุ่นเยาว์รู้สึกประหลาดใจ และคำนับทักทายพรอมกับลูกน้องของเขา
อย่างไรก็ตามเจียงซิ่วกล่าวออกมาเบาๆ “สบั้นหัว!”
“รอก่อน!”
แสงกระบี่สับลงมาโดยที่ไม่แม้แต่จะชะงัก และเจาะร่างกายของจอมดาบรุ่นเยาว์ ในขณะที่ร่างกายของเขาตกลงไปที่พื้น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มันเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจียงซิ่วจะกล้าฆ่าเขาต่อหน้าบรรพบุรุษของเขา
“ไม่!!!!!”
ชายชราอายุกล่าวออกมาเสียงดังและภาพก็กระพริบอย่างรุนแรงก่อนที่จะหายไป นี่เป็นคาถาป้องกันที่ถูกใส่ไว้ในร่างกายของจอมดาบรุ่นเยาว์ เจียงซิ่วสามารถฆ่าจอมดาบรุ่นเยาว์ได้หลังจากที่ลบมนต์ป้องกันของจอทดาบรุ่นเยาว์ไป
“อ๋าาาาาาา?!!”
ผู้คนของจอมดาบรุ่นเยาว์นั้นหวาดกลัวสุดแสน พวกเขาหันหลังกลับและหนีไปทันที
หัวหน้าตระกูลทั้งสี่ในหัวเป่ย และเหล่าศิษย์ต่างก็ตื่นตระหนกและรีบคุกเข่าลง
“พวกเราเคารพคุณเจียง ขอบพระคุณสำหรับการกำจัดตระกูลจีให้เราทั้งสี่ตระกูลของหัวเป่ย ขอบพระคุณสำหรับการนำแสงสว่างเข้ามาสู่หัวเป่ย”
“เราหวังว่าที่จะรับใช้ท่าน แสดงความขอบคุณด้วยความเป็นตายของพวกเรา!”
เจียงซิ่วนำมือไปไพร่หลังของตัวเอง โลกใต้ดินของหัวเป่ยตกอยู่ภายใต้ธงของเขาด้วยสิ่งนี้เอง
ห่างออกไปไปทางด้านข้าง หลินมี่มีสายตาที่ดูไร้ชีวิตชีวา ในขณะที่ร่างของเธอสั่นเล็กน้อย