Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 280
บทที่ 280
ปฏิกิริยาของตระกูลหลิน
ความตกตะลึงในหัวใจของหลินมี่ไม่สงบลงแม้ว่าจะผ่านไปเป็นเวลานานหลังจากที่ได้เห็นวิธีการจัดการของเจียงซิ่ว เธอต้องการให้เขานึกถึงการกระทำของตัวเองจริงๆ เขาเป็นหมายเลข 1 ในโลกการต่อสู้ของจีน เธอได้เห็นเขาทำลายตระกูลจีเป็นการส่วนตัว นี่ก็ไม่แปลก หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาฆ่าบรรพบุรุษของตระกูลจีไปแล้ว จีหวูเต๋า ดังนั้นการขุดรากโถนโคนออกจึงเป็นสิ่งที่ต้องตามมา
แต่การที่เขากำจัดจอมดาบรุ่นเยาว์ซึ่งเป็นลูกชายของสีหวูเซี่ย จำกัดด้วยการฆ่า เขาก็ได้ยั่วยุศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่รู้จักกันในนามสีหวูเซี่ยแล้ว และสีหวูเซี่ยก็เป็นคนที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าจีหวูเต๋า จีหวูเต๋าเป็นตัวแทนของบุคคลที่อยู่ในจีน แต่นั่นเป็นเพียงในยุคสมัยใหม่ ตำนานของสีหวูเซี่ยเกิดขึ้นนานกว่าเขามาก แต่เจียงซิ่วเองก็ฆ่าลูกชายของสีหวูเซี่ยไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ความก้าวร้าวของเขาเพียงพอที่จะทำให้ผมของผู้คนลุกตั้งขึ้น
ความกล้าหาญและความก้าวร้าวของเขาทำให้ผู้อื่นร้องอุทานตกใจ
แม้ว่าจะเป็นตระกูลหลิน พวกเขาก็คงจะต้องหวาดกลัว
แต่หลังจากลองคิดมุมอื่น ไม่ว่าเจียงซิ่วจะแข็งแกร่งเพียงใด สิ่งที่เขาทำก็ไม่สามารถนำไปสู่ความสว่างได้อยู่ดี หากเขามีบางสิ่งที่น่ายกย่อง กลับกันจากนี้ ชื่อของเจียงโหลวเซี่ยจะโด่งดังไปทั่วประเทศจีนตั้งนานแล้ว แต่นี่เป็นยุคสมัยใหม่ที่สงบสุข ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง เขาก็ไม่สามารถอยู่เหนือประเทศหรือกฎหมาย
เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนประเมินบุคคลอย่างเจียงโหลวเซี่ย พวกเขาจะติดป้ายชื่อเขาด้วยด้วยชื่อที่อยู่ในหมวดนักสู้ อันที่จริง มันเป็นกับผู้คนของเจียงหู่ที่มาจากนิยาย คนประเภทที่ไม่คำนึงถึงกฎหมายหรือความสงบและไม่สามารถปรากฏต่อสาธารณะชนได้
เจียงซิ่วยืนอยู่ที่นั่นในขณะที่ไตรตรองนึกคิด บทสรุปที่เขาสรุปได้จากประสบการณ์ของเขาก็คือ แม้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะเสียชีวิตไปแล้ว โลกอื่นก็จะยังคงคลืบคลานลงมา หากสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เสียชีวิต เธอจะกลับไปยังโลกดั้งเดิมของเธอและโลกอื่นจะไม่ได้คลืบคลานลงมา
แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรเซี่ยถิงก็จะตาย
เจียงซิ่วค้นพบยอดเขาที่สูงที่สุดในสถานที่ตั้งของตระกูลจีและขุดหลุมมัน เขาฝังศพของเซี่ยถิงที่ถูกเผา และทำเครื่องหมายหลุมศพโดยการมีชื่อ ‘เซี่ยถิง’ เขียนไว้
“ด้วยตระกูลจีที่ตกตายไป ฉันหวังว่าเธอจะพักผ่อนได้อย่างสงบสุข”
หลังจากจบสิ่งนี้ เจียงซิ่วเตรียมเดินทางลงเขา มู่เจี๋ยนปิงกว่าเรียกเขาในเวลานี้เอง “คุณเจียง…” เขารู้สึกกระสับกระส่ายเพราะเขาเองก็รุกรานให้เจียงซิ่วด้วยเช่นกัน
“ไปที่ตระกูลหวัง!”
เขาลงจากภูเขาหลังจากกล่าวแบบนี้ เขาไม่ชอบให้ตัวเองเกี่ยวข้องกับเรื่องขี้ประติ๋วเหล่านี้ และรู้สึกรำคาญเมื่อได้ฟังพวกเขา
“เฮ้อ!”
มู่เจี๋ยนปิงรู้สึกราวกับว่าเขาได้ยินเสียงตีระฆังแห่งความสุข คุณเจียงไม่ได้ตำหนิพวกเขาและยังจัดการตระกูลจีให้อีกด้วย ในที่สุดวันฝันร้ายของพวกเขาก็สิ้นสุดลง
“โปรดดูแลตัวเองด้วย คุณเจียง…”
ตามเหตุผล มู่เจี๋ยนปิงควรจัดงานเลี้ยงใหญ่ แต่ด้วยเอกลักษณ์ของเจียงซิ่ว เขาจึงไม่กล้าเชิญเขาให้มาลำบาก เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะพบเจียงซิ่วเพื่อรายงานอะไรบางอย่าง นับประสาอะไรกับการที่เขาจะขอให้เขาสร้างความบันเทิงและดื่มกับเขาที่โต๊ะเดียวกัน
“เธอยังตามฉันอยู่? เธอต้องการความยุติธรรมให้กับน้องชายของเธอ?”
หลินมี่กัดริมฝีปากแสดงออกในลักษณะที่ดูใจเย็น “ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นเจียงโหลวเซี่ย แต่ถ้านายเป็นเขาแล้วไง? นายผิดที่ทำร้ายน้องชายของฉัน”
“งั้นฉันจะไปฆ่าเขา”
หลินมี่รู้สึกตกใจ “นาย…”
จิตใจที่เย็นชาของชายคนนี้และฆ่าการแบบง่ายๆ เป็นสิ่งที่เธอเคยมีประสบการณ์ส่วนตัว การฆ่าคนไม่ได้เป็นอะไรเลยสำหรับเขา ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่าเขาจะทำเช่นนั้นจริงๆ
“นายลืมแล้วรึไงว่าแม่ของนายและพ่อของฉันเป็นพี่น้องกัน? นายจะทำร้ายเรา แม้ว่าเราจะเป็นญาติกัน?”
เจียงซิ่วหัวเราะเสียงดัง การบ่มเพาะอยู่หลายปีด้วยตัวคนเดียวจำเป็นต้องลาจากบ้าน และเขามีประสบการณ์การบ่มเพาะกว่าสามพันปี ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างเช่นเดียวกับเหตุการณ์นองเลือดต่างๆ และนอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ที่โดนทรยศ ซึ่งนั้นก็น่าจดจำ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าเต๋าไร้เมตตาที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็นอย่างไร!!
และก็เธอคิดอย่างไร้เดียงสาว่าเธอจะสามารถจำกัดเขาได้ด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือด
“เธอไม่รู้รึไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเจียง?”
ดวงจาของหลินมี่เบิกกว้างทันที ขณะที่เธอมองไปที่เจียงซิ่วซึ่งหน้าตากลับมาปกติขอย่างหวาดกลัว เธอไม่สามารถเชื่อได้
“ฟังฉันให้ดี ฉันแค่คิดว่าพ่อและแม่ของฉัน ก็คือญาติแท้ๆ ของฉัน มันแค่สองคนเท่านั้น เข้าใจไหม?”
ดวงตาของหลินมี่ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาในสภาพปกติ
มันยากที่จะเข้าใจหากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวธรรมดา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นกับหนึ่งในตระกูลชั้นสูง หลินมี่เองก็รู้สึกสบายใจเล็กน้อย เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกของตระกูลของที่ทำราชการมาแต่โบราณ ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือประตูเมืองซุนหวู
นับประสาอะไรกับเจียงซิ่วและตระกูลเจียงที่ไม่มีแม้แต่ความรักใดๆ ระหว่างพวกเขา ยกเว้นสิ่งที่เรียกว่าความสัมพันธ์ทางพันธุกรรม พวกเขาตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว สิ่งที่หลินมี่ไม่รู้ก็คือการถูกขังของเจียงหยี่นั้นถูกทำโดยเจียงยี่ซาน
ไม่มีความรักระหว่างเจียงซิ่วและตระกูลเจียง แต่นี่เป็นกรณีของตระกูลหลิน ป้าของเธอ หลินเยี่หลิงถูกขับออกจากตระกูลหลินและไม่ได้กลับมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
เธอเคยได้ยินมาว่าตระกูลกำลังวางแผนที่จะอนุญาตให้ป้าของเธอกลับมา แต่เธอก็ไม่เคยรู้ว่าเจียงซิ่วนั้นเป็นเจียงโหลวเซี่ย เพียงแค่ดูจะนิสัยของเขา คงจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจหากตระกูลหลินสามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็จะต้องกลับบ้านเพื่อพูดคุยกับครอบครัวของเธอ
เจียงซิ่วประหลาดใจ “เธอยังคงตามฉันมา”
“ฉันจะกลับเองทั้งๆ ที่ติดตามนายไปไม่ได้? ยังไงก็เถอะ ตั้งแต่ที่นายจะกลับไปเมืองหลวงจักรพรรดิ ฉันจะขอไปด้วย” แม้ว่าเธอจะกล่าวออกมาด้วยโทนเสียงที่ดูขึ้น แต่คำพูดของเธอก็ขาดความมั่นใจอย่างชัดเจน
“ฉันจะไม่กลับไปที่เมืองหลวง ฉันจะไปปิงไห่”
เขาวางแผนที่จะไปเยี่ยมตระกูลเซี่ย เพื่อส่งมอบเถ้ากระดูกของเซี่ยถิงให้ เวลานี้ เจียงซิ่วต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นตามที่เขารู้สึกผิด มันไม่เหมือนเทพซิ่วปกติที่เป็นคนไร้อารมณ์ เผด็จการ ในความเป็นจริงเขาเป็นคนค่อนข้างซับซ้อน
“นายก็จะกลับไปที่เมืองหลวงอยู่กีใช่ไหมละ?”
“ทำตามที่เธอต้องการ!”
หลังจากกล่าวสองสามคำเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลจีกับหวังซินตง เขาก็บอกให้เธอจัดการเรื่องในหัวเป่ยและขอให้เธอจัดเตรียมเครื่องบินไปปิงไห่
เซี่ยซันเซียนเกือบจะล่มลงไปในตอนที่เขารับขี้เถ้าของลูกสาวตัวเองมาจากเจียงซิ่ว เขามีลูกสาวเพียงคนเดียวและตอนนี้เธอก็จากไปแล้ว เขาไม่สามารถรับมันได้ ภรรยาของเขาตกตะลึงเมื่อได้ยินข่าวการตายของลูกสาว
“ฉันกำจัดตระกูลจีไปแล้ว!” เจียงซิ่วกล่าว
เซี่ยซันเซียนส่ายหัวของตัวเอง ขณะที่ร้องไห่ออกมาอย่างขมขื่น เรื่องนี้ไม่สำคัญกับเขาเลยเพราะลูกสาวของเขาได้หายไปตลอดกาลแล้ว เขาต้องการให้ลูกสาวของเขามีชีวิตที่สงบสุขมากกว่า
“ก่อนที่เธอจะถูกพาตัวไปเซี่ยถิงได้เตือนคุณอะไรบ้างไหม?”
เซี่ยซันเซียนพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ส่ายหัว
เหตุผลที่เจียงซิ่วถามนี้ ก็เป็นเพราะเซี่ยซันเซียนเป็นคนที่ระมัดระวังมาก ตอนนี้เซี่ยถิงตายไปแล้ว เขาหวังว่าเซี่ยซัยเซียนจะเปิดเผยทุกอย่าง แต่ดูเหมือนว่าเซี่ยถิงจะไม่ได้เตรียมการใดๆ มาก่อน
แม้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลเซี่ยได้แทรกซึมเข้ามาในจีนด้วยความตั้งใจที่จะแก้แค้น 500 ปีผ่านไปและพวกเขาก็หยั่งรากลงในปิงไห่ กลายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยตามค่าเฉลี่ยมีญาติพี่น้องจำนวนมากที่นี่
เป็นครั้งแรกที่เจียงซิ่วพักในตระกูลเซี่ยอย่างไร้มุ่งหมายอยู่ครึ่งวัน เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจของเขา จากนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเจียงซิ่วจะมองเซี่ยถิงเป็นเพื่อนที่ในใจของเขา
ในตอนเย็นวันนั้นเจียงซิ่วกลับไปยังเมืองหลวงทางอากาศ
ช่วงเวลาที่พวกเขาลงจอด หลินมี่ไปโรงพยาบาลที่น้องชายของเธอเข้ารับรักษาอยู่ หลินชิเฉียน ยังคงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล 24 ชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่การผ่าตัด ดังนั้นมันจึงไม่เจ็บเหมือนอย่างที่มันโดนยาสลบมาใหม่ๆ แต่บางครั้งเขาก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ แม่ของเขาถูกฉีกกระชากด้วยความเศร้าโศกและหวังว่าเธอจะได้รับความยุติธรรมสำหรับเขา “ไอ้ชั่วนั้นควรถูกแทงซักพันครั้ง สำหรับความโหดร้ายที่แสดงออกมา!”
“ฉันจะหักขาของเขาในซักวันหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้!”
หลินเจ่อคัง “จะดีกว่าถ้าคุณพูดน้อยลง”
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกเสียใจ“ ทำไม ฉันไม่ควรพูด?”
หลินเจ่อคังกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ลูกชายของคุณจะรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นอีก ถ้าคุณยังมัวแต่พูดสิ่งนั้น มี่มี่หายตัวไปทั้งวันแล้ว เธออาจไปหาเจียงซิ่ว เพื่อทำให้เขาเข้าใจว่าเขาทำอะไรอยู่”
ขณะที่เขาพูดสิ่งนี้เสร็จ หลินมี่ก็เดินเข้ามาข้างใน “พ่อ แม่…”
หลินชิเฉียนผู้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดบนเตียงรู้สึกว่าวิญญาณของเขาสั่นสะท้าน ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความคาดหวังที่จะรอข่าวดีจากพี่สาว อายุของพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงปีเดียวและมีความสัมพันธ์ที่ดี เขารู้นิสัยของพี่สาวดี เธอจะไม่ปล่อยให้เขาถูกรังแก “พี่ เป็นไงบ้าง?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลินชิเฉียนถาม “พี่ออกไปด้วยความโกรธ งั้นแล้วพี่ต้องไปหาเจ้านั้นมา ใช่ไหม?”
“แกคิดอะไรอยู่? สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากตัวแกเองรึไง? ทำไมฉันต้องไปหาผู้ชายคนนั้นเพื่อให้เขาชดใช้ด้วย?” เธอรู้สึกเจ็บปวดเมื่อพูดคำเหล่านี้ น้องชาย แม้ว่าฉันต้องการทำบางอย่าง ฉันก็คงทำได้แค่กัดฟันแค่นั้น
หลินชิเฉียนไม่เพียงแต่ผิดหวังเท่านั้น แต่แม่ของเขาก็รู้สึกผิดหวังเช่นกัน หลินมี่กล่าว “พ่อ มากับหนูแปปนึงได้ไหม”
หลิงเจ่อคังผ่อนคลายลมหายใจ หลังจากที่รู้ว่าลูกสาวของเขาไม่ได้รีบร้อนเร่งแก้ไขปัญหาของเจียงซิ่ว ตระกูลแจ้งให้เขาทราบแล้วว่าถ้าลูกสาวของเขาทำผิดพลาด เขาจะต้องเคลียความยุ่งเหยิงนี้ แต่เขาเองก็รู้สึกรับไม่ได้
“ทำไมถึงพาพ่อออกมาข้างนอก?”
หลินมี่มองไปที่พ่อของเธอ “พ่อ พ่อรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเจียงซิ่วไหม?”
“ตัวตนที่แท้จริงของเขา?”
“ตัวตนที่แท้จริงคืออะไร? เขาไม่ใช่ลูกชายของป้าของลูกหรอ? ตระกูลอาจวางเรื่องนี้ไปได้ ก็ในเมื่อพวกเขาต้องการให้ป้าของลูกกลับไปหาครอบครัว”
หลินมี่แทบจะแน่ใจแล้วว่าพ่อของเธอไม่รู้อะไรเลย เธอจ้องมองอย่างจริงจัง “พ่อ เจียงซิ่วคือเจียงโหลวเซี่ย…”