Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 292
บทที่ 292
สงสัย
เห็นเจียงซิ่วเดินเข้ามา เย่ปิงดูไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เธอใช้มือเกยผมที่ยุ่งเล็กน้อยจากการถูกลมพัด ทัดมาไว้หลังหู มันเผยให้เห็นใบหน้าสวยขาวราวกับหิมะ มองจากด้านข้าง จมูกโด่งสวยได้รูปของเธอดูน่ารักน่าชัง ขนตาดำหนายาวเป็นแพ ยามที่กังวลมันขยับราวกับปีกผีเสื้อ ดูละมุนดึงดูดใจ
เจียงซิ่วมาถึงข้างกายเธอ กลิ่นหอมเย้ายวนของหญิงสาวอบอวลในสายลม ลมพัดผมของเย่ปิงปลิวสยายไปตามลม ค่อยๆ ปลิวมาประโดนที่ใบหน้าเจียงซิ่ว สิ่งนี้ชวนให้หลงใหลจนไร้เรี่ยวแรง เย่ปิงรีบจับผมทัดหูอย่างรวดเร็ว ริมทะเลสาบ ลมพัดค่อนข้างแรง
เจียงซิ่วกล่าว “ก่อนหน้านี้เธอฉีดน้ำหอมด้วยหรอ?”
เย่ปิงกล่าว “ตั้งแต่มัธยมปลายแล้ว ฉันเคยฉีดน้ำหอมที่ไหน? ให้พูดอีกที แต่ไหนแต่ไรแนก็ไม่เคยใช้น้ำหอมอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ไม่ได้ใช้ ” ในใจของสาวน้อยลึกๆ นึกดูถูกเจียงซิ่ว “นี่เป็นกลิ่นแชมพูต่างหากล่ะ”
เจียงซิ่วทำเป็นดูอับอายเล็กน้อย นึกขำอยู่ในใจ น่าสังสัยเกินไป เขาตั้งให้เย่ปิงเป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้นจึงเผยรอยยิ้มขบขันออกมา “หอมมาก”
เขาพูดเพื่อกลบเกลื่อน
เย่ปิงหน้าแดงเล็กน้อย นี่ไม่ใช่การหยอกล้ออย่างเปิดเผยหรือ? ตอนอยู่มัธยมปลายเธอชินกับการละเล่นของกับตัววายร้ายตัวนี้ แต่ตอนนี้เขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แล้ว แต่เรื่องคุณธรรมก็ยังคงหาไม่ได้เลยจริงๆ “นายทำไมไม่บอกฉัน?”
เจียงซิ่วพูด “บอกเรื่องอะไร?”
เย่ปิงเบิกตากว้างแล้วกล่าว “ที่นายเป็นคุณเจียงไง”
เธอคิดว่าเจียงซิ่วจงใจปกปิดเธอ
เจียงซิ่วกล่าว “เรื่องนี้ เย่ยี่เหลียงก็รู้”
เย่ปิงกล่าว “พ่อฉันรู้?” ดวงตาของเธอที่เบิกกว้างอยู่แล้ว ยิ่งเบิกกว้างขึ้นไปอีก เธอตกตะลึง สายตาดูสับสนเล็กน้อย พวกเขารู้ว่าเธอกับเจียงซิ่วผูกพันกัน แต่แล้วก็ยังส่งเธอออกนอกประเทศอีก เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่ของเธอไม่คาดหวังให้เธอพัฒนาความสัมพันธ์อะไรกับเจียงซิ่วเลย
เจียงซิ่วกล่าว “ถูกแล้ว คะแนนสอบเก่าของเธอไม่เลวนิ สอบได้เท่าไหร่?”
เย่ปิงไม่ได้โกรธตอนพูด “เจ็ดร้อยกว่า!”
เธอภูมิใจในเรื่องนี้มาตลอด
“จากทั้งชั้น นายได้ที่หนึ่ง ฉันได้ที่สอง…..”
ในใจของเจียงซิ่วดูหมนหมองลงไปเล็กน้อบ แม้แต่กระทั้งคะแนนสอบเก่าของฉันก็ยังจำได้ เธอจะเป็นเทพปีศาจงูไปไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น เทพปีศาจงูก็ไม่โชคดีขนาดที่แปลงกายเป็นเย่ปิงได้เหมือนทุกระเบียดนิ้วเช่นนี้
“ยังไงเราก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันครั้งหนึ่ง วันหน้าหากมีเรื่องลำบากที่พ่อแม่เธอช่วยเหลือไม่ได้ และเรื่องที่เธอก็ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง ก็มาหาฉันได้” เจียงซิ่วยังจำความรู้สึกเดิมๆ ได้
เย่ปิงกล่าว “ทำไมฉันต้องไปหานาย”
ไม่พอใจ ไม่พอใจมากๆด้วย
เจียงซิ่วกล่าว “รักก็มา ถ้าไม่ก็ไม่จำเป็น….” กล่าวจบ เขาไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ร่องรอยของเทพปีศาจงูหายไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดนางก็บาดเจ็บไม่น้อย ในเวลาสั้นๆ คงยากที่จะฟื้นฟูพลัง และก็คงไม่กล้าอยู่ในเจียงหนาน
เขาเดินไปที่ประตู ก่อนที่จะหันกลับมามองเย่ปิงด้วยสายตาลึกซึ้ง ในสมองจุดประกายความคิดหนึ่งขึ้นมา หรือว่าจากครั้งแรกที่ได้พบกับเย่ปิง เธอก็เป็นเทพปีศาจงูอยู่แล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบเย่ปิงคือเทพปีศาจงู ไม่ใช่มนุษย์
แต่ความคิดไร้สาระนี้ถูกลบออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทำความเคารพคุณเจียง…..”
เห็นเจียงซิ่วออกไป หลิวเสี่ยวหยุนวิ่งเข้ามาถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “เย่ปิง เขาพูดอะไรกับเธอ?”
เย่ปิงกล่าว “ไม่ได้พูดอะไรหรอก เขาพูดแค่ว่าวันหน้าถ้าพบกับความลำบากก็ไปหาเขาได้”
หลิวเสี่ยวหยุนทำหน้ามุ่ย “ในห้องโถงผู้มีเกียรติระดับสูงมากมายอยากพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเจียงซิ่วสักประโยค เพื่อการงาน แต่เขากลับออกมาคุยกับเธอ และยังจะพูดว่าไม่มีสถานการณ์พิเศษอีก?”
เย่ปิงเขินหน้าแดง “เธอพูดไร้สาระอะไร คนอื่นๆ ก็มีเพื่อนผู้ชายเหมือนกันนะ”
“ซิวเจียงหย่งไง?”
หลิวเสี่ยวหยุนทำหน้าดูถูก “ดีแต่เปลือก ยิ่งไปกว่านั้น สกุลซิวของเขาทำผิดต่อคุณเจียง เธอยังจะญาติดีกับเขาอยู่อีกหรือไร เธอยอม? เขายังไม่กล้าเลย การแย่งผู้หญิงของคุณเจียง เขาคงเหนื่อยที่จะใช้ชีวิตอยู่แล้ว”
เย่ปิงย่ำเท้าออกไปอย่างหงุดหงิด “เขาเผด็จการแบบนี้ได้ยังไง เขาเห็นฉันเป็นตัวอะไรกัน”
หลิวเสี่ยวหยุนกล่าว “ก็เพราะเขาคือคุณจียงไง”
“เข้าใจแล้วนะ นายหญิงใหญ่เจ้าค่ะ คนกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข ในห้องโถงมีสาวๆ ชื่อเสียงโด่งดังมากมายไม่แพ้ครอบครัวเธอเลย แค่เจียงซิ่วกระดิกนิ้วเรียก พวกเธอก็แทบจะปีนขึ้นไปอยู่ข้างกายเขาแล้ว เธอยังไม่พอใจอีก?”
เย่ปิงเชิดหน้าขึ้น “หึ คนอื่นชอบก็ไม่ได้แปลว่าฉันต้องชอบตามด้ายนี่”
หลิวเสี่ยวหยุดกล่าว “เธอนี่แปลกจริงๆ เธอให้น้องเล็กคนนี้บอกความคิดสักหน่อย นั่นเป็นคุณเจียงนะ เธอรู้ไหมเมื่อกี้นี้มีคนอยากได้นามบัตรของฉันจำนวนไม่น้อยเลย แต่น้องสาวคนนี้แม้แต่นามบัตรแผ่นหนึ่งก็ไม่มี ก็เลย ปฏิเสธแบบอ้อมๆไป รอผ่านไปสักปี ฉันวางแผนจะมีส่วนร่วมในบริษัทหรือการลงทุนอะไรสักอย่าง โดยการให้ผานโปวทำบริษัท IT (ไอที)……” ดวงตาของหลิวเสี่ยวหยูเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ที่มีต่ออนาคต นัยน์ตาเป็นประกาย “ทั้งหมดนี่ก็ต้องพึ่งเธอแล้ว”
เย่ปิงเบิกตากว้างปะทุโทสะ “เพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยของเธอเอง ถึงกลับกล้าขายนายหญิงใหญ่ที่ดีที่สุดของตัวเองเลยหรอ”
หลิวเสี่ยวหยุนหัวเราะร่าพลางจูงมือเย่ปิง “น้องสาวที่ดีคนนี้ไม่ได้เอาเธอมาขายหรอกน่า”
เย่ปิงได้ยินดังนั้นก็ยินยอมแต่โดยดี
หลิวเสี่ยวหยุนกล่าว “ตอนที่เธอพบกับความลำบาก เขาบอกให้เธอไปหาเขาได้ กล่าวอีกนัยนึง แม้ว่าเธอจะไม่มีเรื่องอะไรก็ไปหาเขาได้เช่นกัน อย่างเช่น มือถือแบตหมด ซื้อของแต่ลืมเอากระเป๋าเงินไป”
ผานโปวพูดแทรก “คุณเจียงมีเวลาว่างเยอะ?”
“เงียบเลยนะ ผู้หญิงจะคุยกัน ผู้ชายอย่างนายจะพูดแทรกทำไม ท่อนไม้ที่ตายแล้ว…..” หลิวเสี่ยวหยุนกล่าวอย่างดุเดือดโดยไม่ไว้หน้าแฟนหนุ่มแม้แต่น้อย ผานโปวปิดปากอย่างอายๆ ตอนที่แฟนสาวฉุนเฉียว ไหนเลยจะกล้าเถียง
“มองเห็นรึยัง ผู้ชายน่ะต้อยต่ำขนาดไหน”
“เย่ปิง เธอฟังที่ฉันจะพูดกับเธอ……”
ขณะที่เจียงซิ่วกลับถึงบ้าน หลินเยี่ยหลิงกำลังรอเขาอยู่ในบ้าน เมื่อเห็นเขากลับมาเธอเข้ามาถาม “ลูก เทศมนตรีกู่บอกว่าอย่างไงบ้าง?”
เจียงซิ่วพูด “เทศมนตรีกู่มีแผนเป็นของตัวเอง”
ใบหน้าของหลินเยี่ยหลิงเผยความเสียใจออกมา เธอพึมพัม “ทางนั้นยังรอพวกเราอยู่ หรือว่าจะไม่มีวิธีอื่นแล้ว?”
เจียงซิ่วกล่าว “ตระกูลหลินครอบครัวที่มีธุรกิจใหญ่โต พวกเราจะช่วยอะไรได้!”
หลินเยี่นหลิงเผยหน้าซีดดูไร้สีเลือด แท้ที่จริงแล้วเทศมนตรีของเจียงหนานตำแหน่งสูงส่งเช่นนั้นเอง ทั้งประเทศมีไม่กี่ที่นั่ง และยังเป็นตัวเลขที่มั่นคง ผู้ร่ำรวยและมีอำนาจในตระกูลใหญ่มากมายต่างจับจ้องอยู่ แม้แต่กระทั่งไต๋ยัวไท๋ยังพิจารณาแล้วพิจารณาอีก เธอเองก็รู้สึกว่าขอร้องเจียงซิ่วมากเกินไป “ตอนนี้ก็สายแล้ว ซูซูทำไม่ยังไม่กลับมาอีก?”
เจียงซิ่วส่ายหน้า อย่างก็ไรก็ตามขณะที่พวกเขากำลังพูดอยู่ ประตูบ้านก็มีรถแท็กซี่เข้ามา ที่ลงรถมาเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่ใช่ใครอื่นนั้นคือเฉิงหลิงซู แต่ว่าที่กลับมาด้วยไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว ยังมีผู้หญิงอีกสองคน น้นก็คือโอวหยางเชียนกับหลี่ดั่น
“ว้าว นี่ก็คือคฤหาสเจียงในตำนานหรอเนี่ย”
โอวหยางเชียนกับหลี่ตานมองอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ที่ไหนกันเล่า ที่นี่เป็นบ้านของซูซู…..”
“ถูกถูกถูก”
“คุณพระช่วย เหมือนพระราชวังเลย” พวกเธอเข้าไปข้างใน อดร้องอุทานขึ้นมาไม่ได้ คฤหาสเจียงเป็นวังสำหรับพักผ่อนในฤดูร้อนของจักรพรรดิ
โรงเรียนปิดเทอมแล้ว พวกเธอก็ยังไม่กลับเมืองเจียง ยังอยากอยู่ร่วมในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเก่า แม้ว่าจะเป็นการรบกวนที่ดูขัดแย้งไปบ้าง แต่มันก็ถือว่าคุ้มแล้ว พวกเธอควรจะคว้าโอกาสไว้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเธอเซาซี้และขอร้องมาได้อย่างยากลำบาก เฉิงหลิงซูจึงยอมรับปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเจียงซิ่วอยู่บ้านคนเดียว พวกเธอก็ไม่กล้าเด็ดขาด แต่นี่ไม่ใช่ว่าแม่ยายก็อยู่หรอกหรอ?มีคนสนับสนุนอยู่ เกาะเอวซูซูไว้ก็สำเร็จแล้ว
แม่บ้านที่ซักเสื้อผ้าให้เธอเมื่อคราวที่แล้วเห็นเธอกลับมาก็กล่าวว่า “คุณหนูคะ คุณหญิงใหญ่กับคุณชายรับประทานอาหารอยู่ที่ห้องอาหาร กำลังรอคุณเข้าไปอยู่ค่ะ”
เฉิงหลิงซูตอบรับคำหนึ่งก็พาพวกเธอเข้าไปข้างใน
ได้ยินว่าต้องพบเจียงซิ่ว โอวหยางเชียน และหญิงสาวทั้งสองคนรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที พวกเธอกลัวเจียงซิ่วเข้ากระดูก
“แม่ยายฉันอยู่ ไม่มีอะไรหรอก”
เฉิงหลิงซูพูดปลอบพวกเธอ
เดินเข้าไปยังห้องอาหาร หลินเยี่ยหลิงเห็นเฉิงหลิงซูพาเพื่อนสองคนกลับมา ก็เผยรอยยิ้มแล้วกล่าว “แขกมาแล้วหรอ”
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
หญิงสาวสองคนเคารพนอบน้อม น่ารักหาที่เปรียบมิได้
เจียงซิ่วบริการตัวเองขณะทานอาหาร ตวัดสายตาเยียบเย็นทิ่มแทงอย่างน่ากลัวคราหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำจริงๆ ลืมไปแล้วหรือพวกเธอทำอะไรกับเธอไว้?
“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ…..” หลินเย่หลิงพูด “ซูซูอยู่ที่หางโจวไม่มีเพื่อนเลย ฉันยังกังวลว่าเธอจะเบื่อ พวกหนูมาก็ทำให้เธอดีใจมากแล้ว พวกหนูหิวกันรึยัง….”
“หิวค่ะ!”
เฉิงหลิงซูให้คำตอบแทน
“ให้แม่ครัวทำอะไรอร่อยๆ สักหน่อยเถอะ….” หลินเยี่ยหลิงสั่งคนรับใช้
โอวหยางเชียนสองสาวเข้านั่งประจำที่ตามสัญญาณเชิญของเฉิงหลิงซู พวกเธอพบว่าที่ตัวเองหย่อนก้นนั่งอยู่ล้วนเป็นของโบราณที่ทำจากไม้จันท์แดงในราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง หากนำออกไปก็สามารถขายได้เป็นล้าน
หรือว่านี่จะเป็นวังของจักรพรรดิ สิ่งของทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสร้างมาเพื่อจักรพรรดิ
เฉิงหลิงซูนั่งที่พิเศษข้างกายเจียงซิ่ว พูดอธิบายเสียงเบา “ไม่ใช่ฉันอนุญาตให้พวกเธอมานะ พวกเธอดึงดันเข้ามาเอง”