Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 295
บทที่ 295
แผนการของตระกูลหลิน
หลังจากเจียงซิ่วเข้ามาในห้อง เขาก็สังเกตเห็นสีหน้าแดงระเรื่อ และอาการกระดากอายของเฉิงหลิงซูได้ สาวน้อยก็ใจเต้นแรงขึ้น แต่เจียงซิ่วกลับมีสีหน้าที่เย็นชาและเมื่อมองใบหน้าที่เย็นชาของเจียงซิ่ว เฉิงหลิงซูก็ต้องผิดหวัง เธอคิดว่าคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอคงไม่ใช่เขา แต่เป็นหลินเยว่หลิงแน่นอน
แต่คุณหนูเฉิงต้องไม่คาดคิดแน่ว่า เจียงโหลวเซี่ยผู้ยิ่งใหญ่กลับคิดว่าการรับใช้เธอนั้นช่างไม่คุ้มเสียเลย เกียรติยศของเขานั้นสูงเท่าภูเขา ภูเขาลูกใหญ่ เขาต้องการให้เธอมองเรื่องนี้ให้ทะลุปุโปร่ง เพราะกษัตริย์ก็มักมีสง่าราศีของตน แต่ที่เขาทำ… ของกำนัล อืม ใช่แล้ว มันคือ ของกำนัล
เมื่อใช้สายตามองไปที่พื้น มีเสื้อผ้าที่ถูกถอดออก อีกทั้งพื้นที่เปียกยังแห้งสนิทแล้ว ในใจเขาคิดว่าคงไม่มีอะไรให้ทำแล้ว และยังไม่ควรที่จะต้องรีบร้อนทำอะไร
บทสนทาเริ่มขึ้น “เรื่องเสื้อผ้า พรุ่งนี้ค่อยซักนะ”
เฉิงหลิงซูกล่าวขึ้นมาในทันที
เจียงซิ่วเอ่ยถาม “เรื่องอะไรนะ?”
เฉิงหลิงซูส่ายหัว เธอไม่กล้าพูดอีก เพราะกลัวพูดแล้วจะเกิดหายนะขึ้น ดวงตาของเขาจากเปร่งประกายความแวววาว แต่กลับลดระดับลงเป็นสิ่งที่ดูน่ากลัวแทน
ในตอนที่เธอจมน้ำ แน่นอนว่าเสื้อที่เจียงซิ่วให้ซักก็คงตกน้ำไปด้วย ถ้าหากเรื่องนี้เขาได้รู้ละก็ละก็ ฉันจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้
และทันใดนั้นเธอก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา ซู่ๆ รีบลุกล้มคุกคลานไปที่ห้องน้ำ แผ่นหลังที่สวยงามนั้น เจียงซิ่วเกิดความสับสนเล็กน้อย พี่น้องสองคนนี้มีความคล้ายกันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์และ รูปร่าง ถึงแม้ว่าเฉิงหลิงซูจะอายุน้อยกว่าเฉิงหลิงหรานสองปี แต่ก็คล้ายคลึงกันมากและสองปีที่ผ่านมานี้ทำให้เฉิงหลิงซูในตอนนี้ก็นับว่าคล้ายเฉิงหลิงหรานเป็นอย่างมาก หวังซินตงก็เคยพูดไว้แล้วว่า สองพี่น้องนี้ คล้ายกันมาก และไม่ควรที่จะจำผิด
ในเช้าของวันที่สอง ซูๆ ตื่นสายนิดหน่อย แต่ว่าโอหยางเชียนและหลี่ดั่นนั้นตื่นสายยิ่งกว่า ทั้งสองคนนี้แน่นอนว่าคือคนที่ได้รับความรักจากที่บ้านอย่างดีที่สุด พอถึงวันหยุด และอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ ทำให้พวกเธอนั้นนอนขี้เกียจและทำตัวสบายอยู่บนเตียง
เมื่อมาถึงห้องอาหาร หลินเยว่หลิงมองเห็นเธอจึงเอ่ยถาม “ซู่ๆ ดีขึ้นหรือยังจ้ะ?”
เฉิงหลิงซูกล่าว “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“หนุ่มสาวก็แบบนี้แหละ!” หลินเยว่หลิงเห็นสีหน้าของเธอจึงลอบถอนหายใจและกล่าวว่า “ถ้าเป็นแม่ที่ตกน้ำ ตอนนี้คงป่วยไปแล้ว”
เฉินหลินซู่ย้ายตัวมาด้านหน้าของหลินเยว่หลิง และกุมมือของแม่สามีเธอไว้ ในครั้งนี้ เธอคิดจะกล่าวเอาใจเธอ “แม่ยังสาวอยู่นะ แถมยังสวยเหมือนดอกไม้แรกแย้มอีกด้วย”
มนุษย์เราเมื่อแก่ตัวลง สิ่งที่ชอบที่สุดคงจะเป็นการได้ยินคนอื่นชมว่าเรายังเป็นสาวอยู่
หลินเยว่หลิงหัวเราะอย่างสดใส พร้อมกับจับไปที่แก้มของเฉินหลิงซู ยิ่งมองยิ่งรู้สึกชอบ คนทั้งสวย ทั้งว่านอนสอนง่าย และยังรู้วิธีเอาใจคนแก่อีกด้วย ภรรยาแบบนี้จะหาได้อีกที่ไหนละ แต่ในใจของเธอกลับต้องลอบถอนหายใจอีกครั้ง
ตอนเช้าของทุกวันเธอมักจะตื่นเช้าเสมอ นั่นเพราะว่า พ่อของเธอจะโทรมาหา ให้เธอกลับบ้านไปฉลองปีใหม่ แต่ปีนี้ ตระกูลหลินได้นัดเรื่องแต่งงานของเจียงซิ่วไว้ ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะสู้กับแรงกดดันนี้ได้
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เฉิงหลิงซูก็พาสองสาวออกจากบ้านทันที เธออดใจไม่ไหวที่จะรอให้ประตูห้างเปิด เพื่อที่จะเข้าไปซื้อเสื้อที่เหมือนกับตัวที่เธอทำตกน้ำไปเมื่อวาน
“ซูๆ ตอนนี้เธอเหมือนคุณภรรยาที่อายุ24ปีเลย” หลี่ดั่นหัวเราะและกล่าวขึ้น
“แต่งงานแล้วก็แบบนี้สินะ” โอหยางเชียนกล่าวเสริม
เฉิงหลิงซูถูกสาวทั้งซ้ายและขวาแซวขึ้นมา แต่เธอกลับมีหน้าตาที่นิ่งเฉยและเสียงถอนหายใจที่ยาวเหยียด “พวกเธอจะไปเข้าใจอะไร ฉัน… ไม่อธิบายแล้ว ช่างเถอะ” ถ้าหาเสื้อที่เหมือนตัวนั้นไม่ได้ละก็ ฉันจะต้องแย่แน่ๆ เลย
เฉิงหลิงซูแน่นอนว่าหาเสื้อที่เหมือนกันตัวเดิมไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรื่องที่หลินเยว่หลิงต้องหาเทศมนตรีกู่ให้พบก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน เธอแค่อยากจะกลับบ้าน อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่แล้ว เธอต้องรีบไปเตรียมตัว และยังต้องกลับไปไหว้บรรพบุรุษอีกด้วย
ตอนนี้ทั้งครอบครัวเธอต่างก็วุ่นวายอยู่กับเจียงหยี่ พวกเขาเลือกที่จะเข้าหาเขา
หลังจากกลับมาถึงที่เมืองเจียง เจียงซิ่วก็ไปที่ดงซง เพื่อไปหาเพื่อนในวัยเด็กที่เหลืออยู่ และยังมีเพื่อนที่เล่นกับเขาในอดีต เมื่อรอเจียงหยี่มาสองวัน รอเขาทำงานให้หัวหน้าเสร็จ ครอบครัวก็เดินทางไปยังเมืองหลวงทันที
เดิมทีหลินเยว่หลิงและซันเซี่ยวหง(แม่ของเฉิงหลิงซู)ได้วางแผนเอาไว้ คือการจัดงานแต่งงานให้เจียงซิ่วและเฉิงหลิงซู แต่เพราะเรื่องของตระกูลหลิน ทำให้หลินเยว่หลิงต้องเลื่อนออกไป เธอหวังว่าเธอจะได้กลับมาจัดงานแต่งให้เกิดขึ้นอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลานั้นถ้าเธอได้คืนดีกับญาติ มันก็คงเป็นอะไรที่สมบรูณ์แบบที่สุดสำหรับเธอ
หญิงสาวที่ร้อนแรงและดูอันตรายคนหนึ่งในห้องหย่อนตัวลงไปที่นั่ง
จริงๆ แล้วเธอก็คือ นักธุรกิจสาวที่รวยและมีชื่อเสียงมากๆ เธอมีทั้งบริษัทโทรทัศน์และบริษัทโฆษณา
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จเหล่านี้ไม่นับเป็นอะไรเมื่อเทียบได้กับครอบครัวของนางแพศยาตระกูลในเมืองหลวงจักรพรรดิ ซู่หยูเฉิน
เธอแตกต่างจาก หลงหยิงชิง และเธอจบการศึกษาจากวิทยาลัยชั้นสูงในรอยอร์วพาค และบริษัทบันเทิงของเธอก็ได้เปิดตัวในเมืองหลวง บริษัท บันเทิงของเธอได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก และตอนนี้เธอยังได้เป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงด้านความงาม
เจ้าแม่วงการบันเทิงที่หุ่นผอมเพรียม จู่ๆ ก็โผล่ออกมา เธอเป็นหัวหน้าที่งดงามคนหนึ่ง และทำให้วลการบันเทิงนั้นงดงามขึ้น
แต่ว่า ตอนนี้เธอไม่ในใจเงินทองใดใดทั้งสิ้น เธอเขวี้ยงและโยนสิ่งของมีค่าในบริษัทแตกกระจาย ทำให้พนักงานที่อยู่ด้านนอกไม่กล้าที่จะเข้ามา พวกเขาไม่เคยเห็นหัวหน้าในในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ทำให้พวกเขาตกใจจนตัวสั่น
“วันนี้เธอเป็นอะไรไปเนี่ย?”
ผู้หญิงสวยที่มาจากด้านนอกอายุราวสามสิบ ผมสีน้ำตาลกาแฟ ริมฝีปากแดงดั่งไฟที่ร้อนระอุ สวมเสื้อสูทสุดหรูเดินเข้ามา
“โยว่เจี่ย เธอคิดว่าตอนนี้มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ยังมีเรื่องการคลุมถุงชนอยู่อีก? น่าตลกสิ้นดี! ตั้งแต่เด็กจนโตฉันไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้รีบมาบอกให้ฉันแต่งงาน จั่วยู๋เจียงโกรธจนออกนอกหน้า แม้แต่คู่แต่งงานฉันยังไม่รู้เลยว่าเขาคือใคร รูปร่างเป็นยังไง ไม่รู้อะไรซักอย่าง เธอว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรก็สามารถทำได้งั้นหรอ นี่มันเป็นการลิดรอนสิทธิ์มนุษยชนของสังคมชัดๆ”
แม้ว่าเธอกำลังโกรธ แต่เธอก็ยิ้มไปด้วย หัวใจของคนทั้งคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจของหญิงสาว มันต้องเกิดมรสุมมากมายอยู่ในหัวใจของเธอ
มันทำให้เธอนึกคิดถึงความรู้สึกเมื่อตอนยังเป็นเด็ก
โยว่เจียมองของที่แตกอยู่บนพื้น “พี่สาวใหญ่ของฉัน คงไม่ได้หมั้นหรอกใช่ไหม?แล้วนี่อะไรละเนี่ย?เธอโกรธอะไรขนาดนี้ ของพวกนี้ไม่ได้ราคาถูกๆ ซะหน่อย กว่าจะซื้อก็เก็บสะสมได้ตั้งกี่ปี”
จั่วยู๋เจียงถอนหายใจและนั่งลงบนเก้าอี้ “เธอคิดดูสินี่มันหนักมากเลยนะ ครั้งแรกคือไม่ใช่คุณพ่อและคุณแม่ที่พูด แต่เป็นคุณปู่ อยู่ที่บ้านหลังนั้น และเมื่อคุณปู่พูดแล้วก็ไม่สามารถกลับคำได้ด้วย”
เธอเลิกคิ้วอย่างเฉื่อยชา ในตัวยังมีความรู้สึกโกรธ และแสดงสีหน้าอย่างกับคนเกลียดความรักออกมา
โยว่เจียกล่าว “งั้นก็คงต้องแต่งแล้วละ”
จั่วยู๋เจียงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “เธอพูดว่าอะไรนะ?”
โยว่เจียกล่าว “คงทำได้แค่เชื่อฟัง พูดถึงบ้านของเรา เราไม่ได้ทำงานวิจัยทางพันธุกรรมสักหน่อย กล่าวได้ว่าหากมีระบบนิเวศเกิดขึ้นมาใหม่ในโลกใบนี้แล้ว พอถึงเวลานั้นไม่ว่าจะคนรวยหรือคนจน ก็ต้องไม่สามารถรักษาสิ่งเดิมไว้ได้
จั่วยู๋เจียงกล่าว “ในปีนี้คุณปู่ต้องให้ฉันไปพบกับเขาแน่ๆ งั้นหมายความว่า ตั้งใจจะให้ฉันเตรียมตัวแต่งงานสินะ ฉันคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น…”
โยว่เจียกล่าว “ทำไมถึงเร็วขนาดนี้ละ”
จั่วยู๋เจียงกล่าว “ฉันก็พูดกับพวกเขาไปแล้วว่าไม่เอา แต่ท่าทางของคุณปู่ชัดเจนและมุ่งมันมาก พ่อแม่ของฉันเองก็บอกว่า ปู่ทนรอไม่ไหวจะให้ฉันแต่งงานเร็วๆ”
โยว่เจียกล่าว “ทำไมถึงเวอร์ขนาดนี้ แล้วอีกฝ่ายคือใครมาจากกไหน ทำไมจู่ๆ ถึงต้องให้ตระกูลจั่วรีบร้อนขนาดนี้”
จั่วยู๋เจียงส่ายหัวและกล่าว “คุณปู่ไม่ได้บอก เขาคือคนของตระกูลหลิน ชั่วโมงก่อนคุณปู่นั่งคุยกับตระกูลหลิน พอคุยจบก็ดีใจและมีความสุขมาก ให้ตายเถอะตระกูลหลินบ้านี่”
“ตระกูลหลิน?”
โยว่เจียกล่าว “ตระกูลหลินปีถึงยังไม่ล้มละลาย แต่หลังจากที่คุณปู่หลินจากไป ตระกูลหลินก็เริ่มตกต่ำลง ในรุ่นที่สามนี้ยังไม่มีคนที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาได้ และมีสองคนที่แต่งงานไปแล้ว ทั้งๆ ที่อายุก็ยังไม่เท่าไหร่ ฉันได้ยินมาว่า หลินชื่อเซียนก็ถูกหมั้นแล้วด้วย
จั่วยู๋เจียงตกใจและรีบกล่าว “คงไม่ใช่เขาหรอกมั้ง?”
“หลินชื่อเซียน?” โยว่เจียไม่รู้ว่าจะทำให้น้องสาวของเธอใจเย็นลงได้ยัง
“คงเป็นเขาจริงๆ นั่นแหละ ส่วนที่จะพูดต่อไปนี้ต่อให้ไม่พูดทุกคนต่างรู้ดี
โดยสำหรับคนทั่วๆ ไปแล้ว คนคนนี้ก็คือของเสีย เป็นคราบที่ไม่สามารถล้างออกไปได้ตลอดชีวิต และเขายังหลงตัวเองอีกด้วย”
จั่วยู๋เจียงเกิดอาการหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เธอเป็นคนสวย และจิตใจสูงส่ง ถ้าต้องแต่งงานกับสามีแบบนี้ ไปตายซะยังจะดีกว่า
โยว่เจียกล่าว “แต่ยังมีเหตุผลไม่พอถึงกับต้องแต่ง คุณปู่ตระกูลจั่วคงไม่มีเหตุผลที่จะให้เธอแต่งงานกับคนแบบนี้หรอกนะ และตระกูลหลินคงจ่ายค่าตอบแทนไม่ไหวแน่นอน”
จั่วยู๋เจียง “ไม่ ฉันจะไม่แต่ง…”