Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 298
บทที่ 298
ลงมือฆ่า
ที่สำคัญยังมีอีกหนึ่งเรื่อง หลินซือเชี่ยนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องโดนเขาขัดขาเข้าให้แล้ว พวกลูกพี่ลูกน้องของเขาคงจะโกรธจัด ถ้าหากว่าไม่ใช่ผู้ใหญ่ในตระกูล ต้องตามหาเขาเพื่อเอาคืนแน่
ไม่ว่าจะเป็นคุณชายเจียงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลหลินที่ตอนนี้ต้องการหรือไม่ กล้าที่จะมายุ่งกับคนตระกูลหลินของฉัน นั่นก็ไม่โอเคแล้ว ถึงแม้ว่าอายุของหลินเสี่ยวเข่อจะไม่เยอะ แต่ว่าความคิดของผู้ใหญ่และพี่น้องในบ้านเธอเข้าใจได้อย่างชัดเจน
ฉลาดไหมล่ะ!
ตระกูลหลินขับไล่ลูกสาวออกจากบ้าน นี่เป็นเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่มากอย่างแน่นอน ถ้าตระกูลหลินไม่เปิดเผยเรื่องนี้ คนนอกก็ไม่สามารถเอาเรื่องนี้ไปพูดได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน มันนานมากแล้ว ครอบครัวหนึ่งถูกปกคลุมด้วยขี้เถ้า งั้นแล้วก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้อีก หากมันไม่ถูกขุดขึ้นมา
หลินเสี่ยวเข่อส่ายหัว “เธอก็นับได้ว่าเป็นญาติ”
หลินเยว่หลิงได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าออกมา ดวงตาของเธอแสดงออกถึงความโศกเศร้าและเจ็บปวดอย่างชัดเจน อย่าพูดถึงผู้ใหญ่ในตระกูลหลินเลย แม้แต่ตอนนี้ลูกหลานเธอก็ไม่รู้จักเธอเหมือนกัน
ตนอาจจะเป็นป้าของเธอ ป้าที่เป็นญาติห่างไกล
“หึ!”
เกาต้าช่าวหัวเราะออกมาเบาๆ แสดงออกถึงความรังเกียจ “ที่แท้ก็เป็นแค่ญาติห่างๆไกลๆ”
“วันนี้ถือว่าเห็นแก่เสี่ยวเข่อ จะไม่เสวนากับพวกโจรแบบพวกแกแล้วกัน แต่จำคำของฉันไว้ดีๆล่ะ ที่นี่คือเขาเยี่ยน ทุกคนที่นี่ล้วนมีอำนาจและร่ำรวย ถ้าเกิดอยากจะได้รถเบนซ์แบบพวกแก ฉันจะซื้อกี่คันก็ซื้อได้ ไม่ขับรถหรูมาที่นี่น่ะ ถือว่าเป็นการไม่เคารพคนใหญ่คนโต แต่คงไม่มีใครกล้าที่จะขับคันที่ดีกว่านายใหญ่หรอกถูกไหม?”
“ฟังเข้าใจแล้วรึยัง?”
เขาไม่ได้อายุยี่สิบเหมือนเก่า แต่ตอนนี้เจียงหยี่อายุสี่สิบกว่าๆ ราวๆ ห้าสิบปีแล้ว ทั้งยังหลินเยว่หลิงอีกก็เช่นกัน พวกเขาล้วนถูกสอนมาแบบเดียวกันตั้งแต่เด็ก พวกเขาจึงเข้าใจความคิดของคนหนุ่มสาวเหล่านี้เป็นอย่างดี
นี่มันน่าอายจริงๆ
แต่เด็กชายและเด็กหญิงรอบๆ ก็สามารถรับมันได้เช่นกัน
คนที่โดนพวกเขาสอน คนไหนจะไม่ก้มหัวแสดงความเคารพ? นี่ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่โดนคนของตระกูลเกาสั่งสอน แต่ทว่าใบหน้าของเจียงซิ่วยังคนเต็มไปด้วยความเฉยชา
“ดูท่าแล้วหมอนี่ไม่มีทีท่ายอมแพ้?”
เกาต้าช่าวยิ้ม “ไม่ใช่มาหาตระกูลหลินเพื่อกระชับความสัมพันธ์หรือไง? ทำไม? คิดว่าที่เมืองนี้จะต่ำต้อยกว่าเมืองที่พวกแกอยู่? ฉันจะบอกให้นะ ที่นี่คือเมืองหลวง คือเขาเยี่ยน ทุกคนที่อยู่ที่นี่มีภูมิหลัง ไม่ใช่ที่ที่พวกแกจะมาสร้างความวุ่นวายได้”
คนข้างๆ คล้อยตามไป “พวกคนนอก”
“พูดจบแล้ว?” เจียงซิ่วพูด
รอยยิ้มของเกาต้าช่าวปรากฎอยู่บนใบหน้า “ดูเหมือนว่าแกจะไม่ยอมแพ้นะ วันนี้คงได้จัดการพวกที่…..”
ขณะที่กำลังพูด ทันในนั้นร่างกายของเจียงซิ่วก็เลือนรางลงก่อนจะปรากฏที่ด้านหน้าของเกาต้าเช่า ปึก มือหนึ่งตบออกไปกลางอากาศ พลังของเจียงซิ่วน่ากลัวมาก สามารถทำลายหินได้อย่างง่ายดาย
ณ ตอนนั้นทุกคนล้วนแล้วแต่ตกตะลึง เจียงซิ่วตบไปที่หน้าของเขาอย่างแรง แก้มที่มีอยู่นั้นบุ๋มลึกลงไป เสียงกระทบกันของกระดูกที่ปรากฏออกมาทำให้น่ากลัวอย่างยิ่ง ใบหน้าของเขาผิดรูปไปหมด
“อ๊ากกกกก!”
เกาต้าช่าวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ปึก!
มือของเขาย้อนตบเข้าไปที่ใบหน้าอีกด้านของเกาต้าช่าว ทำให้แก้มของเขายุบเข้าไปอีกข้างหนึ่ง
“ไว้…ไว้ชีวิต….”
ปึก!
เลือดสีแดงสดกระเด็นออกมา ทำให้ใบหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ในสมัยก่อนมีการทรมารแบบหนึ่งเรียกว่าการง้างปาก เอาไม้มาทุบที่ปาก หลังจากสิบหรือยี่สิบครั้ง ส่วนมากก็จะจำใบหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเนื้อหรือหนัง เป็นเพราะพลังที่แข็งแกร่งของเจียงซิ่วทำให้แม้แต่กระดูกก็ถูกทำลาย
ใบหน้าทั้งหน้าตอนนี้ถูกทุบจนเละ แม้ว่าตอนแรกยังมีเสียงกรีดร้องอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นแม้แต่เสียงเบาๆ ก็ไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนล้มลงไปบนพื้น ไม่สามารถขยับตัวได้
จากการมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวนั้น ใครเห็นก็ว่าเป็นคนที่ตายไปแล้ว คนที่อยู่หน้าประตูพวกนั้นล้วนแต่เป็นคนที่อ่อนแอทั้งนั้น
ที่แห่งนี้กลายเป็นตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีเสียงใดๆ ในความเงียบนั้น มีแต่เสียงใบไม้ที่ร่วงหล่นลงบนพื้นเท่านั้น
วัยรุ่นหนุ่มสาวพวกนั้นไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ที่เห็นเจียงซิ่วฆ่าเกาต้าช่าว ในสายตาของเขาไม่มีแม้แต่ความตระหนกหรือตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย เขา… เขากล้าที่จะฆ่าคนในเยี่ยนชาน
“บ้า…บ้าไปแล้วหรอ?”
“แกรู้ไหมว่าแกฆ่าใครลงไปน่ะ?”
เพื่อนของเกาต้าช่าวพูดขึ้น
“เกาต้าช่าว ทายาทคนโปรดของตระกูลเกา”
“พวกแกจบเห่แน่”
เจียงซิ่วกวาดตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชามองไปรอบๆ ชายคนนั้นสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อนึกถึงการฆ่าอันโหดเหี้ยมของเจียงซิ่วก็สั่นไปทั้งตัว ทำให้เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก
หลินเสี่ยวเข่อก็ตกตะลึงอยู่ไม่น้อย ดวงตาของเธอแสดงความตกใจออกมาอย่างปิดไม่มิด การหายใจของเธอติดขัดมากขึ้น ตอนนี้เข้าใจแล้วทำไมหลินมี่เจี่ย(พี่)ถึงบอกพวกเธอว่าอย่าไปหาเรื่องกับเจียงซิ่ว
โหดร้าย โหดร้ายมาก…
ก็แม้ตาด้านหลังของเขาคู่สามีภรรยาเจียงหยี่และเฉิงหลินซู่ก็ยังตกใจ
เธอได้ยินเสียงพูดที่ดูเย็นชาและบางเบาว่า “ฆาตกร…เจียงโหลวเซี่ย…”
ได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากรถก่อนปะทะเข้ากับเจียงซิ่ว นัยน์ตาของเธอแสดงความตกใจออกมา “เจียงโหลวเซี่ย… คนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศ….”
“อะไรนะ?”
ทุกคนและทหารต่างก็ตกใจเมื่อเห็นเจียงซิ่ว
“ขึ้นรถ!”
เจียงซิ่วพูดเพียงเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง คนอื่นๆ ในครอบครัวก็ขึ้นไปนั่งอย่างเรียบๆ ร้อยๆ ก่อนลดกระจกรถลง เขาไม่ได้มองไปที่พวกการ์ดและกล่าว “ยังกล้าหยุดรถฉันอีกไหม?”
การ์ดตัวสั่น กล่าวได้ว่าการฆ่าเกาต้าช่าว ก็คือการฆ่าจริงๆ เขาตอนนี้ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว ทั้งตัวสั่นทั้งเหงื่อออก
รถขับออกไปและหายไปในภูเขาที่ห่างไกลนั้น
“เสี่ยวเข่อ… มันคือเจียงโหลวเซี่ยจริงๆ หรอ?”
หลินเสี่ยวเข่อพยักหน้าราวกับไก่ที่กำลังจิกกินข้าวบนพื้น ถึงตอนนี้เธอยังคงไม่หายจากอาการตื่นตระหนก
“เกาต้าช่าวโดนฆ่าแบบนี้เราต้องแจ้งตำรวจ แล้วก็ต้องบอกตระกูลเกา?”
“ไปบอกตระกูลเกาเถอะ เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวตระกูลเกาก็ตัดสินใจเอง”
ถ้าหากว่าเป็นเพียงคนธรรมดาคงจะให้กฎหมายจัดการได้ แต่พอมองอีกมุมหนึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาคงไม่กล้าที่จะฆ่าคน ยิ่งฆ่าคนที่เยี่ยนชานยิ่งแล้วไปใหญ่ แต่ฆาตกรคนนี้คือเจียงโหลวเซี่ย เจียงโหลวเซี่ยคนนั้นไม่มีทางที่จะจับเขาได้ เจ้าแห่งเจียงหนานคนนั้นเป็นคนที่ทะเยอทะยานอย่างมาก ฆ่าคนเหมือนกับการทานข้าวอย่างไงอย่างนั้น เป็นคนที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณีที่สุด
คนที่อยู่ตรงนั้นได้แต่มองให้รถขับหายออกไป เหมือนไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดกันแน่ รู้แค่ว่ามีปากเสียงกันและมีการฆ่ากันเกิดขึ้น คนนี้ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าเสียอีก แข็งแกร่งจนไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเลย
“ตระกูลเกาจะแก้แค้นไหม?”
“เรื่องนั้นให้ตระกูลเกาตัดสินใจแล้วกัน”
สายตาวัยรุ่นหนุ่มสาวย้อนกลับมามองที่หลินเสี่ยวเข่อ “เสี่ยวเข่อ.. ตระกูลเธอกับเจียงโหลวเซี่ยมีความสัมพันธ์แบบไหนกัน?”
หลินเสี่ยวเข่อเกิดที่หาวเหมิน ถูกดูแลอบรมมาตั้งแต่เล็กๆ รู้ว่ามันร้ายแรงขนาดไหน ในตระกูลเมื่อก่อนไม่มีการยอมรับหลินเยว่หลิงเลย เธออาจจะไม่กล้าพูดกับคนภายนอก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ก็มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นอยู่แล้ว
ถึงแม้ตระกูลเกาจะสู้ตระกูลหลินไม่ได้ แต่ก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีหน้าตาและใหญ่มากในเมืองหลวง ในกองทัพหรือพวกราชการก็มีคนอยู่ในนั้น ถือว่าเป็นการหาเรื่องใหญ่มาให้ตระกูลหลิน
“ไม่… ไม่มีอะไรนี่”
“โอ้ๆ…”
ตอนนี้ตระกูลหลินกำลังเรียกรวมตัว อีกหน่อยก็ข้ามปีแล้วเลยต้องส่งท้ายปีเก่ากัน แต่แรกมีพี่น้องไม่กี่คนที่มา แต่คุณพ่อใหญ่ไม่สะดวกที่จะออกมาร่วมด้วย พวกเขาทั้งหมดเลยมารวมตัวกันสองสามวัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เรื่องเงินเดือน แล้วก็ฟังคำสอนของคุณพ่อใหญ่
เพียงโทรศัพท์สายเดียวของหลินเสี่ยวเข่อกลับทำลายทุกอย่างที่อยู่ที่นี่
“อะไร?”
หลินเจ๋อหยางสะอึกสะอื้นร้องออกมา “จริงๆเลย ทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป นี่ยังไม่ได้กลับไปหาตระกูลหลินเลยนะ ถ้ากลับมาจะทำให้มันเป็นหายนะครั้งใหญ่ของครอบครัวหลินแล้ว”
คนที่อยู่ตรงนั้นไม่เข้าใจคำที่หลินเจ๋อหยางพูดเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมหรอ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไง?”
เมื่อทุกคนเห็นเขาวางสาย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมากและก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“พ่อเกิดเรื่องใหญ่แล้ว….” หลินเจ๋อหยางคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ครอบครัวของเยว่หลิงกำลังมาแล้ว…”
เมื่อพ่อตระกูลหลินได้ฟัง ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้น “ห้ะ? พวกมันมาแล้วหรอ?”
“มาแล้วน่ะสิ อย่าประมาทล่ะ”
“รู้แล้วน่า!”
หลินเจ๋อหยางรู้สึกเหมือนตอนนี้หน้าอกของเธอหนักราวกับโดนก้อนหินก้อนใหญ่มากดทับเอาไว้ พูดออกมาอย่างยากลำบาก “แต่ระหว่างทางพวกเขามีเรื่องกับหลานชายของตระกูลเกา ที่จริง… ที่จริงแล้วพวกเขาฆ่าคนไป”
เสียง… ที่นั่นเสียงดังมาก!
ตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลธรรมดาทั่วๆไป เป็นตระกูลที่มีพลังในการต่อสู้ ได้ยินครั้งแรกก็ตกใจอยู่เหมือนกัน
“ฆ่าคน? ที่ปากทางเข้าเยี่ยนชานน่ะหรอ?”
หลินเจ๋อหยางพยักหน้า
มีเสียงปังดังขึ้น พ่อใหญ่ตระกูลหลินตบโต๊ะดังลั่น “กล้ามากที่ทำแบบนี้!” เขาโกรธจนตัวสั่น แต่แรกก็แค่อยากจะยืมพลังของเจียงโหลวเซี่ยเท่านั้น ยังไม่ทันได้ยืมมัน ก็มาก่อเรื่องให้ตระกูลหลินเดือดร้อนแล้ว หลานตระกูลเกาใช่ว่าอยากจะฆ่าได้ก็ฆ่าซะที่ไหน?
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้แผนการต่างๆ ที่เขาจัดเตรียมไว้ยากไปกว่าเดิม
“ในเมื่อมาแล้ว อย่างน้อยพวกเราก็ต้องทำการต้อนรับกันหน่อย” คนที่เป็นอาเปิดปาก หลินเยว่หลิงไม่ได้กลับบ้านมายี่สิบปี ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีลูกชายแล้ว ยิ่งช้าไม่ได้ ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วจะช้าไปบางอย่าง หากจัดคนไปรับมาก่อนหน้านี้ อาจจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นก็ได้