Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 300
บทที่ 300
ยอมศิโรราบ?
จากตระกูลหลินที่ไม่ต้อนรับครอบครัวเจียง จนถึงตอนเข้าประตูก็ยังอคติอยู่ และตอนนี้ก็ยังขอร้องอย่างส่งเดช พวกเขาคิดว่าท้ายที่สุดความปรารถนาของครอบครัวเจียงที่ต้องการกลับมายังตระกูลหลินจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ตราบใดที่ครอบครัวหลินยินดีที่จะให้พวกเขากลับมา หลินเย่วหลิงจะไม่สียดายทุกๆ อย่างที่ต้องเสียไป
หลินเย่วหลิงกล่าวอย่างลำบากใจว่า “พี่สอง เรื่องนี้ต้องถามซิ่วน้อย…..”แท้ที่จริงแล้วใจของหลินเย่หลิงก็รู้สึกเฉยชาอยู่บ้าง ตอนที่เข้าประตูมานั้นเธอคิดว่าเธอจะรับรู้ความรู้สึกของครอบครัวที่ผ่านมา แต่ระยะห่างของความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากบ้าน โดยเฉพาะความรู้ที่แม่ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ต้องการลูกสาวตั้งแต่แรกแล้วมันเกิดขึ้นมา
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอไม่มีเหตุผลที่จะทำเพื่อตระกูลของเธอ ที่อาจทำให้สามีและลูกชายของเธอต้องลำบากใจ
สีหน้าของหลินเจ๋อเฉิงนั้นดูก้าวร้าว ในตระกูลหลิน เขาเป็นผู้นำของคนรุ่นที่สอง เขาถูกฝึกจนเป็นกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว เมื่อเขาเห็นเจียงซิ่วเขามักจะชอบตำหนิเขา และปรากฏว่าเขาไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย คุณเจียงสามคำนี้มีความหมายมากรึไง “เจียงซิ่ว เรื่องนี้เธอคิดเห็นยังไง?”
ทว่าในเวลานี้ มี เสียงรถจากด้านนอกดังเข้ามา ผู้ชายอายราวสามสิบกว่าปีรีบลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปในบ้านเจอหน้ารุ่นที่สามของตระกูลหลินก็ตะโกนเสียงดัง“ พี่ใหญ่!”
คนผู้นี้เป็นหลานชายคนโตของตระกูลหลิน หลินซื่อฉวง ตอนนี้อายุสามสิบกว่าปีย่างเข้าเลข4แล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปดูไม่เต็มใจเมื่อเห็นครอบครัวเจียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นเจียงซิ่ว เขาถาม “แกคือเจียงซิ่ว?”
เจียงซิ่วดูเย็นชา
“ในสายตาของแกคงไม่มีกฎหมายและประเทศอยู่เลยสินะ กล้าฆ่าลูกหลานของตระกูลเกาที่ภูเขาเยี่ยน เข้ามาในบ้านแม้แต่คุณปู่ก็ไม่ทักทาย ยังทำให้คุณย่าโกรธจนไม่ยอมกินข้าวเย็นอีก”
วัยรุ่นคนที่อยู่ข้างๆ กล่าวอย่างมีนัยยะ “พี่ใหญ่ ระวังหน่อย มีตั้งหกคนที่เราไม่รู้จัก” นัยต์ตาของเจียงซิ่วเยือกเย็น “กล้าตั้งคำถามกับฉัน?”
“แก…”
เจียงซิ่วพูด “ไสหัวไป!”
“แก…”
คนผู้นั้นดูแล้วโมโหจนตัวสั่นระริก ถ้าเกิดว่าคนนั้นไม่ใช่ญาติของแม่ เจียงซิ่วจะฆ่าเขาแน่นอน หลินเจ๋อเฉิงถลึงตาต่อคนที่มาใหม่ เขาคิดว่าถ้าไม่พูดอะไร อาจจะโดนเด็กถอนหงอกเอาได้ “ยังไม่ออกไปอีก คุณตาและคุณอาสองยังอยู่ที่นี่ อีกหลายวันแกค่อยมาที่นี่เถอะ”
หลินมี่รีบลากเขาเข้าออกไป เธอรู้ว่าเจียงซิ่วโมโหแล้ว เขาจะฆ่าอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลินหรือเชื้อสายเดียวกันเขาก็อาจไม่สน
หลินมี่ถลึงตาและต่อเขาว่า “อยู่ที่นี่ห้ามกล่าวว่าร้ายกัน ยังไม่สำนึกผิดอีก หรืออยากโดนทุบตีอีกครั้ง?”
“ซื่อเชียนผิดอะไร หลินเย่วหลินเธอสอนอะไรให้เขากันแน่?” หลินเย่วหลิงคือผู้อาวุโสของเขา แต่เขาก็เรียกชื่อตรงๆ แสดงว่าเขาไม่นับว่าหลินเย่วหลิงเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และดูเหมือนกำลังพูดเรื่อองคนอื่น
หลินมี่เลิกห้ามปรามเขา คนเหล่านี้คิดว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโส และชอบสอนสั่งคนอื่นอยู่ตลอด คิดว่าตัวเองทำอะไรก็ถูกต้อง ส่วนคนอื่นก็ผิดตลอด ชอบคิดแทนคนอื่น หลินมี่รู้สึกว่าพอแล้ว แม้ว่าหลินซื่อฉวง พูดอะไรกับนาง นางก็ไม่ตอบสักคำ
หลินมี่ได้เห็นมากับตาถึงความแข็งแกร่งของเจียงซิ่ว อะไรคือสิทธิ์และอะไรคือกฎหมาย? เช่นสหรัฐอเมริการัฐที่แทรกแซงสงครามในภูมิภาคเอเชียตะวันตก เรื่องนี้มีสิทธิ์ไหม? ถูกกฎหมายไหม? คนอื่นสามารถทำอะไรได้ไหม? ไม่เห็นมีคนสามารถทำอะไรได้เลย ความสามารถที่มีอยู่ จริงๆ แล้วก็คือสิทธิ์และกฎหมาย พวกคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัวที่มีอิทธิพลอาจจะไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้ ตอนนี้พูดอะไรไปก็อาจจะไร้ประโยชน์แล้ว
“ไม่รู้ว่าตาและอารองคิดอะไรอยู่ ถึงเอาคนแบบนี้มา ครอบครัวก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้อยู่ดี ส่วนเรื่องนี้ยายเองก็ไม่อนุญาต”
คนที่นั่งอยู่ในโต๊ะกินข้าวทั้งหมดคือผู้ที่เป็นผู้อาวุโส หลินเจ๋อเฉิงปล่อยผ่านเรื่องเมื่อกี่ไปและพูดตรงๆ กับเจียงซิ่ว “ความเห็นของเธอกับเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าเธอมีอิทธิพลต่อเจียงหนานมาก”
เจียงซิ่วไม่ตอบคำใด
ลุงเสียนยิ้มพลางกล่าวว่า “คุณเจียงมีอิทธิพลในเมืองเจียงหนานมาก แค่ไปเจีงหนานรอบเดียวคนเจียงหนานครึ่งเมืองก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของเขา แค่ขยับเจียงหนานทั้งเมืองก็สั่นสะเทือนแล้ว”
เมื่อได้ยิน หลินเจ๋อเฉิงไม่เชื่อว่าคนวิทยายุทธระดับต่ำจะสามารถทำอะไรได้ แค่ไม่อยากทำให้เขาขายหน้า เปลี่ยนผู้นำที่ไม่กินเขา ก็ยังไม่เอาหางเสียบใส่คน
เจียงซิ่วกล่าว “ฉันมาที่นี่ในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อเรื่องนี้ ”
ผู้เฒ่าหลินไม่กล่าวคำใด
ลุงเสียนว่า “คุณเจียงมีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ”
เจียงซิ่วว่า“ตระกูลหลินขับไล่แม่ฉันออกไป ไม่ว่าเรื่องของ20ปีก่อน หรือว่า13ปีก่อน ถ้าไม่จบเรื่องนี้ เรื่องอื่นก็อย่าพูดต่อ”
ถ้าตระกูลหลินไม่ชดเชยเรื่องที่ทำลายต่อแม่ให้เรียบร้อย หากยังอยากได้ประโยชน์จากเจียงซิ่ว ก็ฝันไปเถอะ
ผู้เฒ่าตะกลูหลินสีหน้าเปลี่ยนไป หลินเจ๋อเฉิงเองก็ไม่เปิดปากพูดอะไร
แสดงว่าอยากให้ตระกูลหลินพูดขอโทษต่อหลินเย่วหลิง
ถ้าเป็นอย่างนี้ศักดิ์ศรีของตระกูลหลินยังเหลืออยู่ที่ใด?
เฉิงหลิงซูก้มหน้ากินอย่างรู้ความ แถมยังคีบกับข้าวให้หลินเย่วหลิง เธอคิดในใจ นั้นซินะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าเจ้าปีศาจตนนี้ให้คนอื่นได้รับประโยชน์ เธอคงจะได้เห็นผีจริงๆ แล้ว
ลุงเสียนไม่กล้าพูดอะไรต่อ แม้ว่าเขาจะมีคุณวุฒิ และไม่ว่าผู้เฒ่าตะกูลหลินจะให้ความสำคัญกับเขาขนาดไหน เรื่องแบบนี้เขาก็ยังไม่กล้าพูดถึงมัน มีแค่สองผู้เฒ่าแห่งตระกลูหลินทำได้
และวันนี้ได้เห็นท่าทางของคุณนายตระกูลหลินเป็นแบบนั้นแล้ว
“มากินข้าวก่อนสิ วันตรุษจีน ไม่ใช่โอกาสที่หาได้ง่ายในการจะได้รวมตัวกัน ไม่คุยเรื่องงานแล้ว” ผู้เฒ่าตระกูลหลินเริ่มพูด “เจียงหยี่ เยว่หลิง ครอบครัวเธอนานๆ มาที กินเยอะๆ”
เห็นเขาไม่ตอบ ก็ไม่มีใครถามอะไรต่อ เพราะว่าเขาไม่รีบร้อน ทางที่ดีตระกูลหลินก็ไม่สมควรทำอะไร นี้ช่วงลดความน่าอึดอัดได้มาก
“เจียงหยี่ได้ยินมาว่าแกชอบกินเหล้ารสดี ที่คือเหล้าเหมาไถชั้นดี … ส่วนเยว่หลิง ก็มาดื่มด้วยกันสักสองสามแก้วสิ…” ปกติลุงเสียนไม่ดื่มเหล้าแต่วันนี้เขากลับดื่มมัน“คุณเจียงก็ดื่มด้วยสักหน่อยสิ?”
อาหารมื้อนี้ไม่มีรสชาติเลย งานจบแล้ว แต่ตระกูลหลินก็ยังเชิญ ครอบครัวเจียงให้อยู่ห้องพักรับรอง เขายังให้หลินเย่วหลิงพักที่บ้านหลังเดิมที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เพื่อรอให้เธอได้พักผ่อน แต่หลินเย่วหลิงก็ปฏิเสธ เขายังบอกว่าตายายทั้งสองคิดถึงหลานมาก อย่างไรก็ตามความจริงคือไม่ใช่คิดถึง แค่อยากได้ประโยชน์เฉยๆ นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้หลินเยว่หลิงรู้สึกเสียใจ
“ไม่ต้องพักแล้ว ที่นี่ห่างจากบ้านก็ไม่ไกล ใช้เวลาเดินทางไมถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
หลังจากครอบครัวเจียง กลับไปแล้ว บ้านตระกลูหลินก็เหมือนระเบิดลง
คุณนายไม่พอใจเป็นอยากมาก “ทำไมฉันถึงต้องให้กำเนิดลูกสาวอกตัญญูแบบนี้มานะ ลูกสาวที่แต่งงานกับคนอื่นก็เหมือนลาดน้ำออกไปข้างนอกบ้าน และลูกของเธอก็ไม่เรียนยายของตัวเอง น้าหรือพี่น้องใดๆ เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน เป็นพระราชาหรอ?”
หญิงชราจนโมโหจนปากสั่น ข้าวเย็นเองก็ไม่กินสักคำ
“พวกเราตระกูลหลิน ทำไหมต้องขอร้องพวกเขาล่ะ?”
ลุงเสียนพูด “มันจำเป็นต้องทำ คุณเจียงเป็นผู้ที่มีอิทธิพลและมีเชื่อเสียงต่อผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก คนที่ไม่สนใจจะไม่รู้ว่า ไม่มีใครกล้าพูดไม่ดีต่อคุณเจียง คำพูดของเขามีน้ำหนักต่อเจียงหนานมาก”
หลังจากลุงเสียนเล่าจบ ผู้คนที่อยู่ในลานบ้านดูมึนงง และไม่กล้าเชื่อ
“เด็กนั้นเก่งขนาดนั้นเลย?”
ลุงเสียนตอบกลับไป : “จากที่ฉันเข้าใจมันก็คงจะเป็นแบบนั้น”
“จะยังไงก็เถอะ เขาต้องการให้เราพูดขอโทษหลิงเย่วหลิง”
“ฝันไปเถอะ!”
ผู้เฒ่าตระกูลหลินไม่พูดอะไร รุ่นที่สองของตระกูลหลินเจ๋อถังและหลิงเจ๋อซิ่วก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร “ครอบครัวเราแย่ขนาดนี้แล้ว? ต้องก้มหัวให้เด็กเมื่อวานซืนอายุไม่ถึงยี่สิบปีแถม ยังนามสกุลคือแซ่เจียง ถ้าเกิดว่าเราก้มหัวแล้ว พูดขอโทษเพื่อยอมรับผิด เย่วหลิงจะไม่เป็นบรรพชนเราเลยรึไง? เธอจะช่วยพี่รอง จัดการเรื่องเจียงหนานให้เรียบร้อยจริงๆ?”
ประโยคที่พูดมาพูดถึงใจความสำคัญแล้ว เจียงซิ่วอยู่ในเจียงหนานและยังเป็นกองกำลังใต้ดินที่แข็งแกร่ง มีผลกระทบอย่างมากต่อเมือง มีอิทธิพลต่อข้าราชการในเขตนั้น มันเป็นเรื่องที่ตลกเสียจริง